ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 66
ตอนที่ 66 อย่าได้มีจุดประสงค์อื่นใด
แซ่จื๋อจ้วนก็ไม่ได้เกรงใจ ไปลากเก้าอี้มานั่งด้านหน้าหวาผิง
“การบาดเจ็บของคุณถูกพาดหัวข่าวไว้ อีกอย่างถูกค้นหาในเวยปั๋วสูงขนาดนี้ แค่ไม่อยากจะรู้ก็ยังยากเลย…เราสองคนก็รู้จักกัน ก็ต้องมาเยี่ยมสักหน่อย”
“คุณคิดว่าคำพูดพวกนี้ฉันจะเชื่อเหรอ?”
หวาผิงเป็นคนยังไง อยู่วงการบันเทิงมาตั้งหลายปี ความคิดความอ่านเปรียบกับคนทั่วไปได้เหรอ?
จึงดูออกว่าเจตนาของแซ่จื๋อจ้วนคืออะไร
“ฮ่า อย่าพูดอะไรตรงๆแบบนี้สิ”
“นายตั้งใจมาหาน้องห้าฉันใช่มั้ย?”ถึงแม้หวาผิงจะไม่ได้ติดตามแซ่จื๋อจ้วนซักเท่าไหร่ แต่พอดีเพื่อนเยอะ เธอจึงได้ยินมาบ้างว่าเขาเสียดายหวาเหวินและพยายามเข้าหาหวาเหวิน แต่ก็ไม่ได้มั่นใจอะไรว่าจริงหรือไม่ แต่พอมาวันนี้คงจะใช่อย่างที่เขาว่านั่นแหล่ะ
เพราะทันทีที่แซ่จื๋อจ้วนเข้ามา สายตาเขาก็มองไปทั่วห้องเลย
เหมือนกับว่ากำลังหาใครอยู่?
หวาผิงได้รับบาดเจ็บ ยังไงบ้านตระกูลหวาก็ต้องมา ดังนั้นแซ่จื๋อมาเผื่อว่าจะได้บังเอิญเจอดู เผื่อจะสามารถเข้าหาหวาเหวินได้
หวาผิงก็ดันรู้ทันเจตนาในการมาครั้งนี้อีก ทำให้ทำไรไม่ถูก
“แหะๆ รุ่นใหญ่ในวงการจริงๆ เรื่องไหนก็ปิดเธอไม่ได้จริงๆ”
ดูจากหวาผิงพูดมาชัดเจนอย่างนี้ แซ่จื๋อจ้วนก็ไม่รู้จะปิดบังอะไร ยอมรับซะเลย
หวาผิงรู้สึกว่าเป็นเรื่องน่าขำขัน เธอเอาหมอนมาพิงด้านหลังค่อยลูกขึ้นนั่งพิงหลัง
ในมือหยิบแอบเปิ้ลขึ้นมากัด
“ฉันว่า….แซ่จื๋อจ้วนนายเป็นไรมากเปล่า? ตอนแรกคนที่หนีงานแต่งก็คือนาย ตอนนี้คนที่เสียใจทีหลังก็ยังเป็นนาย….นายเป็นอะไรกันแน่เนี่ย? ถ้านายมีใจให้น้องห้าของฉัน ตอนแรกนายก็ไม่ควรทิ้งระเบิดอย่างนี้สิ? ตอนนี้นายคิดจะทำไรจองนาย? นายไม่รู้ว่าตอนนี้นางเป็นภรรยาของเจียงหยู่?”
แซ่จื๋อจ้วนส่ายหัว รู้สึกกระดากกระเดื่องขึ้นมา
“ฉันตอนนั้น เฮ้อ…อย่าพูดถึงเลย พูดถึงทีไรโมโหทุกที ฉันในตอนนั้นไม่ได้ว่าฟังข่าวลือมาเหรอ?”
“ข่าวลืออะไร?” หวาผิงมองด้วยท่าทางตื่นตัว
“ก็ที่คนนอกเขาพูดกัน ว่าน้องห้าของเธอ….พูดติดอ่าง สมองทึบ แถมไม่ได้เรียนหนังสือ….แถมยังน่าเกลียดอีก……”
“ปัดโถ่ เรื่องพวกนี้นายก็เชื่อ? นายโตเป็นคนใหญ่โตขนาดนี้ ทำไมไม่ตรวจเช็คด้วยตัวเองล่ะ?”
“ก็ฉันไม่ได้สนใจไม่ใช่เหรอ? อีกอย่าง เขาเองก็โตที่ภูเขาจงชุ่ย”
“โถ่….ไม่อยากจะพูด น้องห้าฉันน่ะถึงแม้จะโตที่ภูเขาจงชุ่ย แต่คุณยายฉันเลี้ยงมาอย่างดี…นางอ่ะนะสี่หนังสือห้าคัมภีร์เป็นหมด พูดได้ 6 ภาษาสบายๆ จตุรเทพศิลปะ(การเล่นกู่ฉิน การเล่นหมากล้อม ลายสือศิลป์ และการวาดภาพ) บทกวีและเพลง รอบรู้หมด…คือจะหาผู้เชี่ยวในมหาลัย ก็ไม่ได้รู้ไปกว่านางเลย….ทีนี้เสียใจทีหลังล่ะสิ?”
หวาผิงท่าทีไม่พอใจ อีกทั้งลักษณะนิสัยออกแนวห้าวๆ
เลยไม่ได้สนใจอะไรเยอะ พูดใส่แซ่จื๋อจ้วนไม่ยั้ง
ความจริงที่แซ่จื๋อจ้วนหนีงานแต่งก่อนหน้านี้ ที่ปั่นหัวไม่รักษาหน้าของวงษ์ตระกูลหวาเธอก็อดกลั้นอารมณ์ตัวเองอยู่แล้ว
แซ่จื๋อจ้วนรู้สึกผิด โดนด่าแล้วก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร
จึงทำให้หวาผิงประหลาดใจ
“เห้อ ต่อมาฉันก็ได้รู้แล้วไง ไม่เสียใจแล้ว คือก็จะตามกลับมาไง”
“นายนี่คิดว่าเป็นเด็กอนุบาลรึไง คือนายอยากจะตามตื๊อกลับมาก็ตามกลับมางี้เหรอ? มันง่ายขนาดนั้นที่ไหน…อีกอย่างนายยังไปนอนเกลือกกลั้วกับยัยดาราระดับสามอีก แทบจะเหลือคุณค่าอะไรในตัวแล้ว….ยัยเหลียงเซียวเซียวนั่นแต่ก่อนที่อยู่ค่ายจิงยุ่นอีตาอ้วนหลิวส่งเสียเลี้ยงดูยัยนกคีรีบูนนี่ตั้งสามปี…นายยังถูกตาต้องใจของไม่ดีแบบนี้อีก ก็ถือว่านายได้ทำลายชีวิตนี้ทั้งชีวิตแล้ว”
“เฮ้อ วันนี้ถือว่าฉันอยู่ในมือเธอแล้วละกัน อุตส่าห์ตั้งใจมาเยี่ยมไข้ แต่กลับโดนด่าอย่างกับหมาเลย”
“หึ นายมาหาฉันเหรอ นายมาหาน้องห้าของฉันต่างหาก” หวาผิงไม่มีท่าทีไว้หน้า
“ใช่น่ะสิ เหวินเหวินอยู่หนเหรอ?” แซ่จื่๋อจ้วนทำทีร้อนรนเหมือนหาของอยู่ แต่ก็ไม่เห็นแม้เงาของหวาเหวิน