ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 72
ตอนที่72วิธีที่ดี
หวาเหวินก็ยังไม่มีปฏิกิริยาตอบรับใดๆเจียงหยู่ก็รู้ว่าเธอไม่ได้นอนเลย
เพียงแค่ไม่อยากพูดไม่อยากนอนเท่านั้น
“นี่โจ๊กเธอกินสักหน่อยนะแล้วค่อยนอน”
เธอไม่เปล่งเสียงใดๆออกมา……..
“เธอไม่พูดออกมาฉันถือว่าเธอตกลงนะแต่ถ้าเธอไม่กินฉันก็จะหาทางให้เธอกินลงไปให้ได้…..เราเป็นสามีภรรยากันนะฉันไม่แคร์หรอกนะถ้าต้องป้อนเธอด้วยปากต่อปากเพียงแต่ถ้าถูกคนอื่นเห็นเข้าฉันกลัวว่ามันจะไม่ดีแต่ยังไงฉันก็ไม่ถือสา”
เมื่อพูดจบเจียงหยู่ก็ตักโจ๊กเข้ามาปากตัวเอง
หลังจากนั้นก็ยื่นหน้าไปทางใบหน้าของหวาเหวิน……
สุดท้ายเธอก็ทนไม่ได้จนได้ผลักเขาพร้อมกับจ้องเขม็งไปทางเขา
“เจียงหยู่นายคิดจะทำอะไร?”เสียงของเธอแหบพร่า
เจียงหยู่ยกมือขึ้นขยี้จมูก“ป้อนโจ๊กไง”
“นายมันน่ารังเกียจจริงๆ…..”
คิดจะป้อนด้วยปากต่อปากหวาเหวินรังเกียจเป็นที่สุด
“ก็ไม่มีทางอื่นนิใครบอกให้เธอไม่กินเองฉันทนมองดูภรรยาที่เพิ่งจะแต่งงานกันกลับมาได้ไม่กี่วันหิวตายไปหรอกนะ?”
หวาเหวินไม่ได้เปล่งเสียงใดๆออกมา…..
“จะกินเองหรือจะให้ฉันป้อน?”เขาบีบบังคับเธอ
หวาเหวินยังไม่เปล่งเสียงออกมาแต่ในใจเกิดรู้สึกขุ่นเคืองเล็กน้อย
“ถ้ายังไม่พูดงั้นฉันจะคิดว่าเธอตกลงให้ฉันป้อนเธอแล้ว…….”
เจียงหยู่ทำท่าทางจะป้อนเธอด้วยปากแต่แล้วหวาเหวินก็แย่งถ้วยโจ๊กออกมาจากมือเขาโดยตรง
“ฉันกินเองได้”
หลังจากนั้นหวาเหวินก็ก้มหน้าลงแล้วฝืนใจกินโจ๊กเองทีละคำๆ
ถึงแม้ว่าจะดูเหมือนเคี้ยวอยู่ก็ตามแต่สุดท้ายก็กลืนลงไป
เจียงหยู่เผยรอยยิ้มอย่างอ่อนโยนออกมา
ไม่ไกลนักชุนเถาและหยินซิ่งเองก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
“พี่ชุนเถาพี่เห็นแล้วไหม…..อารมณ์ขุ่นเคืองแบบนี้ของคุณหนูดูเหมือนคุณผู้ชายจะเข้าใจจึงหาทางมาต่อกรกับเธอได้”
ชุนเถาทอดถอนหายใจออกมาเบาๆ“นี่อาจเหมือนดั่งคำว่าสิ่งหนึ่งย่อมข่มด้วยสิ่งหนึ่งในนวนิยายแน่เลย?”
“ไอหยาถ้าคุณผู้ชายเป็นคนดีจริงๆหวังว่าคุณหนูจะอยู่กับเขาอย่างมีความสุขนะ…..ตอนนี้นายหญิงก็ไม่อยู่แล้วคุณหนูเองก็ไร้ซึ่งที่พักพิงแล้วหลังจากนี้ถ้าตระกูลเจียงดีต่อเธอก็คงดีถ้าไม่ดีขึ้นมาจะเป็นยังไงกัน?”
เด็กน้อยทั้งสองเป็นห่วงสภาพจิตใจของหวาเหวินมากถึงอย่างไรคุณหนูก็ไม่เคยได้รับความโปรดปรานจากตระกูลหวามาก่อน
ความจริงแล้วสองสามีภรรยาหวาเจิ้นเยว่เป็นคนที่ลำเอียงมากถึงแม้ว่าหวาซวงจะเป็นคนดูแลบ้านในตอนนี้ก็ตาม
แต่พวกเขาทั้งสองกลับชอบหวาหรุงโดยปกติแล้วหวาหรุงไม่ค่อยทำงานเท่าไหร่นักแต่กลับชอบคุยโอ้อวดอยู่ตลอด
หวาผิงเป็นเน็ตไอดอลเพราะเป็นดารานักแสดงจึงทำให้พวกเขาได้หน้าไปด้วย
เมื่อเจียงหยู่เห็นหวาเหวินกินโจ๊กจนหมดเขาก็วางใจลงไม่น้อย
หลังจากที่เธอเอนกายลงนอนแล้วเขาก็ช่วยดึงผ้าห่อขึ้นมาห่มให้
“เธอหลับสักพักนะฉันจะไปดูหน้างานสักหน่อยไปสับเปลี่ยนหน้าที่กับพวกเขาก่อนแล้วจะกลับมาหาเธออีกรอบ”
หวาเหวินไม่ตอบสิ่งใดออกมาซึ่งเจียงหยู่เองก็เคยชินไปแล้ว
ณเวลา3ทุ่มตรง
ในตอนที่ตระกูลหวากินมื้อค่ำเสร็จนั้นหัวหน้าตระกูลหวาหวาเจิ้นเยว่ก็เริ่มเปิดประชุม
ดังนั้นจึงได้เรียกคนของตระกูลหวามาพร้อมหน้ากันในห้องอาหาร
เจียงหยู่ประคองหวาเหวินไว้และมีชุนเถาและหยินซิ่งประกบอยู่ด้านหลัง
ถัดจากสองสามีภรรยาตระกูหวาก็คือหวาซวงและสามีของเธอจางเด๋อข่าย
นอกจากนี้ก็ยังมีหวาหรุงและสามีของเธอหลิวยู่โจว
หลังจากนั้นก็เป็นหวาผิงและผู้ช่วยหญิงของเธอ
และหลังจากนั้นอีกก็จะเป็นหวาฟ้านคนเดียวป๋ายห้าวไม่ได้มาด้วยแต่ตระกูลหวาไม่ได้ให้ความสนใจกับคนที่อ่อนแอคนนี้เท่าไหร่นัก
หวาเจิ้นเยว่กวาดตามองออกไปรอบหนึ่ง“ทุกคนมากันพร้อมหน้าแล้วนะ?”
“พร้อมหน้าแล้วค่คุณพ่อคุณพ่อมีอะไรจะพูดกับพวกเราเหรอ?”หวาซวงถามขึ้น
“เชิญทนายความเถอะ”
เมื่อหวาเจิ้นเยว่พูดจบทนายความชายใส่แว่นตาสีทองคนหนึ่งก็เดินเข้ามาทุกคนต่างรู้จักเป็นอย่างดีนี่คือทนายความประจำตระกูลหวาโกชิ่งไห่
“ทนายโกคนก็มาพร้อมหน้าแล้วคุณชี้แจงเถอะ”หวาเจิ้นเยว่กล่าวนำ
“ครับทุกท่านผมขอชี้แจงพินัยกรรมตามประสงค์ของนายหญิงแก่ตระกูลหวาให้ทุกคนได้ทราบนะครับเมื่อ3ปีก่อนนายหญิงหวาและก็เป็นคุณผู้หญิงของโจวยู่หลานขอร้องให้ผมเขียนพินัยกรรมชุดนี้ขึ้นมาในพินัยกรรมระบุไว้อย่างชัดเจนทั้งบ้านบนภูเขาจงชุ่ยวิลล่าเฟิงหวาหลี่รถเบนท์ลีย์ในนามของเธอ1คันเครื่องเพชรที่ฝากไว้ในธนาคาร2ชุดแล้วก็เงินและหุ้นส่วนของเธอ……ขอยกมรดกทั้งหมดนี้ให้แก่คุณหนูคนที่5ของตระกูลหวา——หวาเหวิน”
เมื่อพูดจบสายตาของทุกคนต่างก็จับจ้องไปทางหวาเหวินทันที
สายตาพิฆาตของแต่ละคนนี้ทำให้เจียงหยู่สัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือกขึ้นมา