ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - ตอนที่ 2505 ตายก็ไม่ยอมรับ ณ เมืองหลวงของฮวาเซี่ย ช่วงนี้เหยียนหมิงซุ่นยุ่งจนหัวหมุน ถึงแม้ว่าเรื่องที่เขาเดินทางไปสหรัฐอเมริกาจะเป็นความลับ อีกทั้งยังสร้างสถานะตัวปลอมอีก แต่ประเทศสหรัฐอเมริกาก็ไม่ได้หลอกได้ง่าย ๆ พวกเขาสืบหาข้อมูลพบอย่างรวดเร็ว สถานการณ์บีบคั้นสุด ๆ โชคดีที่ทางฝั่งสหรัฐอเมริกาเพียงแค่สงสัยเท่านั้นแต่หาหลักฐานไม่ได้ พวกเขาทำแค่เพียงกดดันทางสถานทูต ทางสถานทูตรู้อยู่แก่ใจแต่ก็แกล้งทำเป็นไม่รู้อะไรเพื่อยื้อเวลาทางสหรัฐอเมริกา ยื้อไปเรื่อย ๆจนในที่สุดเรื่องใหญ่ก็กลายเป็นเรื่องเล็ก เรื่องเล็กก็หายไปและไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น นายใหญ่เรียกเหยียนหมิงซุ่นมาดุด่าชุดใหญ่ ด่าว่าเขาไม่ปฏิบัติตามคำสั่งแล้วกระทำการโดยพลการ “ไม่แม้แต่จะโทรมาหาฉันแล้วไปก่อเรื่องวุ่นวายใหญ่โตถึงสหรัฐอเมริกา นายว่ามาสิว่าจะทำอย่างไรต่อ?” นายใหญ่โมโหเป็นอย่างมาก ในเวลาเดียวกันในใจก็เกิดความระแวงขึ้นมา สงสัยว่าเหยียนหมิงซุ่นปีกกล้าขาแข็งแล้วหรือถึงไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา! ก่อนกลับประเทศเฮ่อเหลียนชิงเตือนเหยียนหมิงซุ่นให้เขาระวังนายใหญ่ไว้แล้วเช่นกัน เฮ่อเหลียนชิงอยู่กับนายใหญ่มาหลายปีจึงรู้ว่าเขามีนิสัยขี้ระแวงมาก เรื่องจะเป็นมาอย่างไรก็คิดมากไปกว่าคนอื่นหนึ่งขั้นแล้ว เรื่องที่เหยียนหมิงซุ่นทำเป็นการปฏิบัติการโดยพลการ ฉะนั้นนายใหญ่จะต้องระแวงอย่างแน่นอน เหยียนหมิงซุ่นพูดคุยกับเฮ่อเหลียนชิงพร้อมคิดหาแผนรับมือเอาไว้แล้ว จงใจกล่าวว่า “ทั้งภรรยาและลูกสาวของผมต่างเกิดเรื่องขึ้น ผมร้อนใจแทบแย่ ทางฝั่งพ่อเลี้ยงก็ไม่มีการแจ้งมาเลย!” “แค่โทรมาบอกกันก็ทำไม่ได้เหรอ? แค่บอกฉันสักหน่อยก็คงไม่เป็นฝ่ายถูกกระทำเหมือนตอนนี้!” น้ำเสียงของนายใหญ่อ่อนลงเล็กน้อยแต่ก็ยังโมโหอยู่ดี สิ่งที่เขาเกลียดที่สุดก็คือลูกน้องที่ไม่เชื่อฟังคำสั่ง ครั้งนี้เหยียนหมิงซุ่นกระทำการโดยพลการฝ่าฝืนกฎใหญ่มหันต์ “ครั้งนี้เป็นความผิดของผมเอง โปรดนายใหญ่ลงโทษด้วย ทางฝั่งสหรัฐอเมริกาและยุโรปผมจะหาทางแก้ปัญหาเองครับ!” เหยียนหมิงซุ่นยอมรับผิดแต่โดยดี ท่าทางเคารพนับถือของเขาทำให้นายใหญ่โล่งใจขึ้นมาก “นายจะแก้ไขอย่างไร?” “ต่อให้ตายก็ไม่ยอมรับ ถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่มีหลักฐาน!” “นายคิดว่าคนอื่นเขาโง่หรือไง?” นายใหญ่ส่งเสียงเยาะเย้ยใส่ “ไม่ว่าจะโง่หรือไม่ ถ้าจะกล่าวหาพวกเราก็ต้องมีหลักฐาน หากไม่มีหลักฐานมายืนยันก็จะไม่ยอมรับ หลักการนี้ใช้กันทุกที่!” เหยียนหมิงซุ่นไม่กังวลเลยแม้แต่น้อย ถึงแม้ว่าการกระทำนี้จะบุ่มบ่ามไปหน่อย แต่เขาก็เตรียมการรอบคอบป้องกันไว้แต่เนิ่น ๆแล้ว! นายใหญ่เห็นเขาวางแผนไว้แล้วจึงวางใจเพราะเขารู้ว่าเหยียนหมิงซุ่นไม่ใช่คนที่คุยโม้โอ้อวดแบบขอไปที “วันหลังหากนายยังกล้ากระทำการบุ่มบ่ามโดยพลการแบบนี้อีกก็อย่าโทษว่าฉันไม่เกรงใจแล้วกัน!” สิ่งที่ควรเตือนก็ยังคงต้องเตือนอยู่ดี “ทราบแล้วครับ งั้นผมจะบอกนายท่านก่อนเลยว่าผมวางแผนจะทำลายตระกูลคาร์ลโดยไม่เหลือไว้แม้แต่คนเดียว!” เหยียนหมิงซุ่นทิ้งระเบิดอีกลูก นายใหญ่ตกใจยกใหญ่ “นายคิดจะทำอะไรอีก? ยังก่อเรื่องไม่พอหรือไง?” “ตระกูลคาร์ลเป็นพวกคนบาปทำความชั่วไร้ศีลธรรมไว้มากมาย ผมช่วยจัดการแทนสวรรค์เบื้องบนเอง!” เหยียนหมิงซุ่นพูดด้วยท่าทีจริงจัง นายใหญ่แค่นเสียง อย่าคิดว่าเขาไม่รู้นะว่าเจ้าหมอนี่ใช้เรื่องงานมาแก้แค้นเรื่องส่วนตัว “แล้วถือโอกาสฮุบกิจการตระกูลคาร์ลมาด้วยเลย กำไรทั้งหมดจะถูกส่งไปเก็บยังคลังทรัพย์สินของประเทศ!” เหยียนหมิงซุ่นกล่าวประโยคที่สำคัญที่สุดออกมา นี่คือสิ่งที่เฮ่อเหลียนชิงสอนมา เฮ่อเหลียนชิงบอกว่านายใหญ่รักเงินมากที่สุด แค่บอกผลประโยชน์เขาก็จะไม่มีการคัดค้านอย่างแน่นอน ซึ่งก็เป็นไปตามคาดเพราะสีหน้าของนายใหญ่ดูผ่อนคลายขึ้นมาก ระยะนี้คลังทรัพย์สินของประเทศขาดแคลน มีเงินเข้าก็ถือว่าดีเช่นกัน เขาจะได้เอาไปช่วยเหลือชนบทยากจนได้หลายพื้นที่ พอเหยียนหมิงซุ่นเดินออกจากห้องทำงานของนายใหญ่ก็ได้รับโทรศัพท์จากลูกน้อง จากนั้นก็รู้ว่าเหมยเหมยพาลูกไปเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่น “ปกป้องพวกเขาให้ดี มีเรื่องอะไรโทรหาฉันได้เลย!” ทางด้านเหมยเหมยก็พาเด็ก ๆไปทานโอเด้งร้านชื่อดัง เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทุกย่างก้าวของเธออยู่ภายใต้การดูแลอย่างเข้มงวดของเหยียนหมิงซุ่น “หาเจอแล้ว ร้านนี้แหละ ว่ากันว่าเก่าแก่นับร้อยปีเลยนะ!” เหมยเหมยพาลูกไปหาที่นั่งแบ่งโต๊ะกับคนอื่นอย่างมีความสุข อีกฝ่ายดูเหมือนจะเป็นนักท่องเที่ยวเช่นกันซึ่งดูท่าทางยังอยู่ในวัยหนุ่มสาวกันอยู่เลย ………………………………………….. ตอนที่ 2506 เพิ่งเกิดเรื่องขึ้นเอง พอเหมยเหมยได้ยินพวกเขาพูดคุยกันก็รู้เลยว่าพวกเขาเป็นชาวฮ่องกงหรือคนกวางตุ้ง นั่นยิ่งทำให้เธอรู้สึกสนิทสนมมากขึ้น แต่ว่าเธอก็ไม่ได้ไปผูกมิตรกับใคร คนฮวาเซี่ยมาเที่ยวที่นี่เยอะมากจึงเป็นเรื่องปกติที่จะพบเพื่อนประเทศเดียวกัน “แม่ ไม่กินหัวไชเท้า จะกินเนื้อ!” เล่อเล่อเขี่ยหัวไชเท้าที่เหมยเหมยเลือกมาให้เธออย่างรังเกียจ เธอเกลียดการทานหัวไชเท้ามากที่สุด แต่แม่ของเธอกลับมักจะให้เธอทานหัวไชเท้าอยู่เรื่อย “ลูกต้องกินหัวไชเท้าสองชิ้นถึงจะกินเนื้อได้หนึ่งชิ้น!” เหมยเหมยคีบหัวไชเท้าที่เล่อเล่อเขี่ยออกกลับมาด้วยสีหน้าจริงจัง ไม่รู้ว่าเจ้าตัวเล็กไม่ชอบทานผักเหมือนใคร แต่ละวันทั้งต้องเกลี้ยกล่อมและกดดันถึงจะทำให้เธอทานผักได้บ้าง เสี่ยวเป่าทานหัวไชเท้าคำโตแล้วหันไปส่งยิ้มให้เล่อเล่อ “หัวไชเท้าอร่อย พี่ยังอยากกินอีกคำเลย!” แต่ถ้าพูดตามสัตย์จริง หัวไชเท้ารสชาติแย่มาก ๆ! เสี่ยวเป่าพยายามอดกลั้นต่อความอยากอาเจียนเอาไว้แล้วกลืนหัวไชเท้าลงไปเพื่อเกลี้ยกล่อมน้องสาวให้กินหัวไชเท้า เขายอมทุกอย่าง! เล่อเล่อคีบหัวไชเท้าขึ้นมาอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ขมวดคิ้วและกัดคำเล็ก ๆ จากนั้นก็เบะปากพูดว่า “ไม่อร่อยเลย…” พี่ชายโกหกอีกแล้ว หัวไชเท้าไหนเลยจะอร่อยเท่าเนื้อ! เหมยเหมยคีบหัวไชเท้าให้เสวี่ยเอ๋อร์หนึ่งชิ้น ร้านโอเด้งนี้ดีมากอนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงเข้ามาได้ แต่ห้ามไม่ให้รบกวนผู้อื่น “ลูกดูสิ เสวี่ยเอ๋อร์ยังกินได้เลย ทำไมลูกถึงกินไม่ได้ล่ะ?” เหมยเหมยเอาหัวไชเท้าที่เล่อเล่อคายออกมายัดเข้าไปในปากของเธออีกครั้งและจ้องไปที่เสวี่ยเอ๋อร์ เสวี่ยเอ๋อร์กินหัวไชเท้าอย่างเชื่อฟังพร้อมมองเจ้านายอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ มันหวังว่าเธอจะกินหัวไชเท้าเร็ว ๆ ไม่อย่างนั้นมันจะต้องทนทุกข์ทรมานกินหัวไชเท้าต่อไปเช่นนี้ มันไม่ชอบกินหัวไชเท้าเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่อร่อยเลย! เล่อเล่อเหลือบมองเหมยเหมยแวบหนึ่ง ช่วงนี้แม่ดุมากขึ้นเรื่อย ๆ นี่ไม่ใช่เรื่องดีเลยจริง ๆ! เพื่อไม่ให้คู่หูต้องทนทุกข์เล่อเล่อเลยต้องฝืนทานหัวไชเท้าไปสามชิ้นถึงทำให้เหมยเหมยพอใจ จากนั้นก็ส่งชามลูกชิ้นให้เธอด้วยท่าทีใจดี เล่อเล่อหน้าบานเป็นกระด้งในทันที เธอคีบลูกชิ้นป้อนเสวี่ยเอ๋อร์แล้วก็ป้อนฉิวฉิว หลังจากนั้นถึงกินเอง “ช่างเป็นหมาที่น่ารักมากจริง ๆ โอ๊ย แถมยังมีกระรอกน้อยอีกด้วย!” พอลูกค้าวัยรุ่นที่ร่วมโต๊ะเดียวกันเห็นเสวี่ยเอ๋อร์กับฉิวฉิวก็แปลกใจมาก ตอนแรกยังรู้สึกอายอยู่บ้าง แต่พอได้ยินเหมยเหมยและเด็ก ๆพูดภาษาจีนกลางเลยรู้ว่าเป็นเพื่อนชาติเดียวกันจึงเริ่มเปิดบทสนทนากับเหมยเหมย “พวกเขาเป็นลูกชายลูกสาวของคุณเหรอ หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูมากจริง ๆ สัตว์เลี้ยงก็น่ารักมากเช่นกัน คุณช่างโชคดีจริง ๆ!” พวกวัยรุ่นเหล่านี้เป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยฮ่องกงซึ่งนัดกันมาเที่ยวที่นี่ในวันหยุด พวกเขาชอบเสี่ยวเป่าและเล่อเล่อมาก แถมยังมีเสวี่ยเอ๋อร์ผู้เย่อหยิ่งและฉิวฉิวที่ดูไร้เดียงสา พวกเขาถ่ายรูปกันเยอะเลย เหมยเหมยพูดคุยกับพวกเขาอย่างมีความสุข อันที่จริงอายุต่างกันไม่มาก เพราะหลายคนเป็นนักศึกษาปริญญาโท แก่กว่าเธอไม่กี่ปีเอง! “เธอแต่งงานเร็วมากเลย ไม่น่าล่ะถึงได้ดูอายุน้อยขนาดนี้!” พวกผู้หญิงอิจฉาเป็นอย่างมาก พวกผู้ชายยิ่งผิดหวังไปกันใหญ่ เดิมทียังคิดว่าจะได้นัดบอดสุดแสนโรแมนติก แต่ใครจะรู้ว่าอีกฝ่ายกลับเป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว! เหมยเหมยยิ้ม เธอก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดีมาก นอกเสียจากว่าช่วงนี้จะมีใครบางคนน่ารำคาญไปสักหน่อย! “เย็นนี้ไปกินเคเอฟซีกันไหม? พวกเราเลี้ยงเด็ก ๆเอง!” มีวัยรุ่นสาวคนหนึ่งเสนอขึ้นมา เสี่ยวเป่าและเล่อเล่อดวงตาเป็นประกายแต่ก็ปิดปากอย่างรวดเร็วพร้อมจับจ้องเหมยเหมยอย่างมีความหวัง “ขอบคุณนะ พวกเราเพิ่งกินไปเมื่อตอนบ่ายเอง!” เหมยเหมยยิ้มพลางปฏิเสธ “ไม่ต้องไปทานเคเอฟซีหรอก คนเยอะแน่นอน ไปกินหม้อไฟกันดีกว่า!” มีคนคัดค้าน “ไม่นะ พวกเราไปกินกันเมื่อตอนเที่ยงที่ว่างเยอะมาก คนไม่เยอะเลย” เหมยเหมยรีบค้านทันที “จะเป็นไปได้อย่างไรกัน?” ทุกคนต่างก็ไม่เชื่อ วัยรุ่นสองสามคนอีกโต๊ะใช้ภาษาจีนกลางพูดกับพวกเขาว่า “พวกคุณยังกล้าไปกินเคเอฟซีอีกเหรอ ที่นั้นเพิ่งเกิดเรื่องขึ้นเอง!” …………………………
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- ตอนที่ 2505 ตายก็ไม่ยอมรับ ณ เมืองหลวงของฮวาเซี่ย ช่วงนี้เหยียนหมิงซุ่นยุ่งจนหัวหมุน ถึงแม้ว่าเรื่องที่เขาเดินทางไปสหรัฐอเมริกาจะเป็นความลับ อีกทั้งยังสร้างสถานะตัวปลอมอีก แต่ประเทศสหรัฐอเมริกาก็ไม่ได้หลอกได้ง่าย ๆ พวกเขาสืบหาข้อมูลพบอย่างรวดเร็ว สถานการณ์บีบคั้นสุด ๆ โชคดีที่ทางฝั่งสหรัฐอเมริกาเพียงแค่สงสัยเท่านั้นแต่หาหลักฐานไม่ได้ พวกเขาทำแค่เพียงกดดันทางสถานทูต ทางสถานทูตรู้อยู่แก่ใจแต่ก็แกล้งทำเป็นไม่รู้อะไรเพื่อยื้อเวลาทางสหรัฐอเมริกา ยื้อไปเรื่อย ๆจนในที่สุดเรื่องใหญ่ก็กลายเป็นเรื่องเล็ก เรื่องเล็กก็หายไปและไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น นายใหญ่เรียกเหยียนหมิงซุ่นมาดุด่าชุดใหญ่ ด่าว่าเขาไม่ปฏิบัติตามคำสั่งแล้วกระทำการโดยพลการ “ไม่แม้แต่จะโทรมาหาฉันแล้วไปก่อเรื่องวุ่นวายใหญ่โตถึงสหรัฐอเมริกา นายว่ามาสิว่าจะทำอย่างไรต่อ?” นายใหญ่โมโหเป็นอย่างมาก ในเวลาเดียวกันในใจก็เกิดความระแวงขึ้นมา สงสัยว่าเหยียนหมิงซุ่นปีกกล้าขาแข็งแล้วหรือถึงไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา! ก่อนกลับประเทศเฮ่อเหลียนชิงเตือนเหยียนหมิงซุ่นให้เขาระวังนายใหญ่ไว้แล้วเช่นกัน เฮ่อเหลียนชิงอยู่กับนายใหญ่มาหลายปีจึงรู้ว่าเขามีนิสัยขี้ระแวงมาก เรื่องจะเป็นมาอย่างไรก็คิดมากไปกว่าคนอื่นหนึ่งขั้นแล้ว เรื่องที่เหยียนหมิงซุ่นทำเป็นการปฏิบัติการโดยพลการ ฉะนั้นนายใหญ่จะต้องระแวงอย่างแน่นอน เหยียนหมิงซุ่นพูดคุยกับเฮ่อเหลียนชิงพร้อมคิดหาแผนรับมือเอาไว้แล้ว จงใจกล่าวว่า “ทั้งภรรยาและลูกสาวของผมต่างเกิดเรื่องขึ้น ผมร้อนใจแทบแย่ ทางฝั่งพ่อเลี้ยงก็ไม่มีการแจ้งมาเลย!” “แค่โทรมาบอกกันก็ทำไม่ได้เหรอ? แค่บอกฉันสักหน่อยก็คงไม่เป็นฝ่ายถูกกระทำเหมือนตอนนี้!” น้ำเสียงของนายใหญ่อ่อนลงเล็กน้อยแต่ก็ยังโมโหอยู่ดี สิ่งที่เขาเกลียดที่สุดก็คือลูกน้องที่ไม่เชื่อฟังคำสั่ง ครั้งนี้เหยียนหมิงซุ่นกระทำการโดยพลการฝ่าฝืนกฎใหญ่มหันต์ “ครั้งนี้เป็นความผิดของผมเอง โปรดนายใหญ่ลงโทษด้วย ทางฝั่งสหรัฐอเมริกาและยุโรปผมจะหาทางแก้ปัญหาเองครับ!” เหยียนหมิงซุ่นยอมรับผิดแต่โดยดี ท่าทางเคารพนับถือของเขาทำให้นายใหญ่โล่งใจขึ้นมาก “นายจะแก้ไขอย่างไร?” “ต่อให้ตายก็ไม่ยอมรับ ถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่มีหลักฐาน!” “นายคิดว่าคนอื่นเขาโง่หรือไง?” นายใหญ่ส่งเสียงเยาะเย้ยใส่ “ไม่ว่าจะโง่หรือไม่ ถ้าจะกล่าวหาพวกเราก็ต้องมีหลักฐาน หากไม่มีหลักฐานมายืนยันก็จะไม่ยอมรับ หลักการนี้ใช้กันทุกที่!” เหยียนหมิงซุ่นไม่กังวลเลยแม้แต่น้อย ถึงแม้ว่าการกระทำนี้จะบุ่มบ่ามไปหน่อย แต่เขาก็เตรียมการรอบคอบป้องกันไว้แต่เนิ่น ๆแล้ว! นายใหญ่เห็นเขาวางแผนไว้แล้วจึงวางใจเพราะเขารู้ว่าเหยียนหมิงซุ่นไม่ใช่คนที่คุยโม้โอ้อวดแบบขอไปที “วันหลังหากนายยังกล้ากระทำการบุ่มบ่ามโดยพลการแบบนี้อีกก็อย่าโทษว่าฉันไม่เกรงใจแล้วกัน!” สิ่งที่ควรเตือนก็ยังคงต้องเตือนอยู่ดี “ทราบแล้วครับ งั้นผมจะบอกนายท่านก่อนเลยว่าผมวางแผนจะทำลายตระกูลคาร์ลโดยไม่เหลือไว้แม้แต่คนเดียว!” เหยียนหมิงซุ่นทิ้งระเบิดอีกลูก นายใหญ่ตกใจยกใหญ่ “นายคิดจะทำอะไรอีก? ยังก่อเรื่องไม่พอหรือไง?” “ตระกูลคาร์ลเป็นพวกคนบาปทำความชั่วไร้ศีลธรรมไว้มากมาย ผมช่วยจัดการแทนสวรรค์เบื้องบนเอง!” เหยียนหมิงซุ่นพูดด้วยท่าทีจริงจัง นายใหญ่แค่นเสียง อย่าคิดว่าเขาไม่รู้นะว่าเจ้าหมอนี่ใช้เรื่องงานมาแก้แค้นเรื่องส่วนตัว “แล้วถือโอกาสฮุบกิจการตระกูลคาร์ลมาด้วยเลย กำไรทั้งหมดจะถูกส่งไปเก็บยังคลังทรัพย์สินของประเทศ!” เหยียนหมิงซุ่นกล่าวประโยคที่สำคัญที่สุดออกมา นี่คือสิ่งที่เฮ่อเหลียนชิงสอนมา เฮ่อเหลียนชิงบอกว่านายใหญ่รักเงินมากที่สุด แค่บอกผลประโยชน์เขาก็จะไม่มีการคัดค้านอย่างแน่นอน ซึ่งก็เป็นไปตามคาดเพราะสีหน้าของนายใหญ่ดูผ่อนคลายขึ้นมาก ระยะนี้คลังทรัพย์สินของประเทศขาดแคลน มีเงินเข้าก็ถือว่าดีเช่นกัน เขาจะได้เอาไปช่วยเหลือชนบทยากจนได้หลายพื้นที่ พอเหยียนหมิงซุ่นเดินออกจากห้องทำงานของนายใหญ่ก็ได้รับโทรศัพท์จากลูกน้อง จากนั้นก็รู้ว่าเหมยเหมยพาลูกไปเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่น “ปกป้องพวกเขาให้ดี มีเรื่องอะไรโทรหาฉันได้เลย!” ทางด้านเหมยเหมยก็พาเด็ก ๆไปทานโอเด้งร้านชื่อดัง เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทุกย่างก้าวของเธออยู่ภายใต้การดูแลอย่างเข้มงวดของเหยียนหมิงซุ่น “หาเจอแล้ว ร้านนี้แหละ ว่ากันว่าเก่าแก่นับร้อยปีเลยนะ!” เหมยเหมยพาลูกไปหาที่นั่งแบ่งโต๊ะกับคนอื่นอย่างมีความสุข อีกฝ่ายดูเหมือนจะเป็นนักท่องเที่ยวเช่นกันซึ่งดูท่าทางยังอยู่ในวัยหนุ่มสาวกันอยู่เลย ………………………………………….. ตอนที่ 2506 เพิ่งเกิดเรื่องขึ้นเอง พอเหมยเหมยได้ยินพวกเขาพูดคุยกันก็รู้เลยว่าพวกเขาเป็นชาวฮ่องกงหรือคนกวางตุ้ง นั่นยิ่งทำให้เธอรู้สึกสนิทสนมมากขึ้น แต่ว่าเธอก็ไม่ได้ไปผูกมิตรกับใคร คนฮวาเซี่ยมาเที่ยวที่นี่เยอะมากจึงเป็นเรื่องปกติที่จะพบเพื่อนประเทศเดียวกัน “แม่ ไม่กินหัวไชเท้า จะกินเนื้อ!” เล่อเล่อเขี่ยหัวไชเท้าที่เหมยเหมยเลือกมาให้เธออย่างรังเกียจ เธอเกลียดการทานหัวไชเท้ามากที่สุด แต่แม่ของเธอกลับมักจะให้เธอทานหัวไชเท้าอยู่เรื่อย “ลูกต้องกินหัวไชเท้าสองชิ้นถึงจะกินเนื้อได้หนึ่งชิ้น!” เหมยเหมยคีบหัวไชเท้าที่เล่อเล่อเขี่ยออกกลับมาด้วยสีหน้าจริงจัง ไม่รู้ว่าเจ้าตัวเล็กไม่ชอบทานผักเหมือนใคร แต่ละวันทั้งต้องเกลี้ยกล่อมและกดดันถึงจะทำให้เธอทานผักได้บ้าง เสี่ยวเป่าทานหัวไชเท้าคำโตแล้วหันไปส่งยิ้มให้เล่อเล่อ “หัวไชเท้าอร่อย พี่ยังอยากกินอีกคำเลย!” แต่ถ้าพูดตามสัตย์จริง หัวไชเท้ารสชาติแย่มาก ๆ! เสี่ยวเป่าพยายามอดกลั้นต่อความอยากอาเจียนเอาไว้แล้วกลืนหัวไชเท้าลงไปเพื่อเกลี้ยกล่อมน้องสาวให้กินหัวไชเท้า เขายอมทุกอย่าง! เล่อเล่อคีบหัวไชเท้าขึ้นมาอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ขมวดคิ้วและกัดคำเล็ก ๆ จากนั้นก็เบะปากพูดว่า “ไม่อร่อยเลย…” พี่ชายโกหกอีกแล้ว หัวไชเท้าไหนเลยจะอร่อยเท่าเนื้อ! เหมยเหมยคีบหัวไชเท้าให้เสวี่ยเอ๋อร์หนึ่งชิ้น ร้านโอเด้งนี้ดีมากอนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงเข้ามาได้ แต่ห้ามไม่ให้รบกวนผู้อื่น “ลูกดูสิ เสวี่ยเอ๋อร์ยังกินได้เลย ทำไมลูกถึงกินไม่ได้ล่ะ?” เหมยเหมยเอาหัวไชเท้าที่เล่อเล่อคายออกมายัดเข้าไปในปากของเธออีกครั้งและจ้องไปที่เสวี่ยเอ๋อร์ เสวี่ยเอ๋อร์กินหัวไชเท้าอย่างเชื่อฟังพร้อมมองเจ้านายอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ มันหวังว่าเธอจะกินหัวไชเท้าเร็ว ๆ ไม่อย่างนั้นมันจะต้องทนทุกข์ทรมานกินหัวไชเท้าต่อไปเช่นนี้ มันไม่ชอบกินหัวไชเท้าเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่อร่อยเลย! เล่อเล่อเหลือบมองเหมยเหมยแวบหนึ่ง ช่วงนี้แม่ดุมากขึ้นเรื่อย ๆ นี่ไม่ใช่เรื่องดีเลยจริง ๆ! เพื่อไม่ให้คู่หูต้องทนทุกข์เล่อเล่อเลยต้องฝืนทานหัวไชเท้าไปสามชิ้นถึงทำให้เหมยเหมยพอใจ จากนั้นก็ส่งชามลูกชิ้นให้เธอด้วยท่าทีใจดี เล่อเล่อหน้าบานเป็นกระด้งในทันที เธอคีบลูกชิ้นป้อนเสวี่ยเอ๋อร์แล้วก็ป้อนฉิวฉิว หลังจากนั้นถึงกินเอง “ช่างเป็นหมาที่น่ารักมากจริง ๆ โอ๊ย แถมยังมีกระรอกน้อยอีกด้วย!” พอลูกค้าวัยรุ่นที่ร่วมโต๊ะเดียวกันเห็นเสวี่ยเอ๋อร์กับฉิวฉิวก็แปลกใจมาก ตอนแรกยังรู้สึกอายอยู่บ้าง แต่พอได้ยินเหมยเหมยและเด็ก ๆพูดภาษาจีนกลางเลยรู้ว่าเป็นเพื่อนชาติเดียวกันจึงเริ่มเปิดบทสนทนากับเหมยเหมย “พวกเขาเป็นลูกชายลูกสาวของคุณเหรอ หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูมากจริง ๆ สัตว์เลี้ยงก็น่ารักมากเช่นกัน คุณช่างโชคดีจริง ๆ!” พวกวัยรุ่นเหล่านี้เป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยฮ่องกงซึ่งนัดกันมาเที่ยวที่นี่ในวันหยุด พวกเขาชอบเสี่ยวเป่าและเล่อเล่อมาก แถมยังมีเสวี่ยเอ๋อร์ผู้เย่อหยิ่งและฉิวฉิวที่ดูไร้เดียงสา พวกเขาถ่ายรูปกันเยอะเลย เหมยเหมยพูดคุยกับพวกเขาอย่างมีความสุข อันที่จริงอายุต่างกันไม่มาก เพราะหลายคนเป็นนักศึกษาปริญญาโท แก่กว่าเธอไม่กี่ปีเอง! “เธอแต่งงานเร็วมากเลย ไม่น่าล่ะถึงได้ดูอายุน้อยขนาดนี้!” พวกผู้หญิงอิจฉาเป็นอย่างมาก พวกผู้ชายยิ่งผิดหวังไปกันใหญ่ เดิมทียังคิดว่าจะได้นัดบอดสุดแสนโรแมนติก แต่ใครจะรู้ว่าอีกฝ่ายกลับเป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว! เหมยเหมยยิ้ม เธอก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดีมาก นอกเสียจากว่าช่วงนี้จะมีใครบางคนน่ารำคาญไปสักหน่อย! “เย็นนี้ไปกินเคเอฟซีกันไหม? พวกเราเลี้ยงเด็ก ๆเอง!” มีวัยรุ่นสาวคนหนึ่งเสนอขึ้นมา เสี่ยวเป่าและเล่อเล่อดวงตาเป็นประกายแต่ก็ปิดปากอย่างรวดเร็วพร้อมจับจ้องเหมยเหมยอย่างมีความหวัง “ขอบคุณนะ พวกเราเพิ่งกินไปเมื่อตอนบ่ายเอง!” เหมยเหมยยิ้มพลางปฏิเสธ “ไม่ต้องไปทานเคเอฟซีหรอก คนเยอะแน่นอน ไปกินหม้อไฟกันดีกว่า!” มีคนคัดค้าน “ไม่นะ พวกเราไปกินกันเมื่อตอนเที่ยงที่ว่างเยอะมาก คนไม่เยอะเลย” เหมยเหมยรีบค้านทันที “จะเป็นไปได้อย่างไรกัน?” ทุกคนต่างก็ไม่เชื่อ วัยรุ่นสองสามคนอีกโต๊ะใช้ภาษาจีนกลางพูดกับพวกเขาว่า “พวกคุณยังกล้าไปกินเคเอฟซีอีกเหรอ ที่นั้นเพิ่งเกิดเรื่องขึ้นเอง!” …………………………
ตอนที่ 2507 เป็นพวกวิปริตอีกแล้วเหรอ
วัยรุ่นหนุ่มสาวสองสามคนอีกโต๊ะพูดสำเนียงภาคเหนือด้วยท่าทีกระตือรือร้นเป็นอย่างมาก เดินเข้ามาแล้วถือโอกาสนั่งลงเบียดเสียดโต๊ะเดียวกับเหม่ยเหม่ย
“ร้านเคเอฟซีเกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ?” วัยรุ่นหนุ่มสาวฮ่องกงเอ่ยถาม สีหน้าท่าทางดูตื่นเต้นมากรู้สึกเหมือนได้ผจญภัย
“พวกเธอไม่ได้อ่านหนังสือพิมพ์เหรอ? มีเขียนรายงานในหนังสือพิมพ์ด้วยนะ!”
วัยรุ่นจากทางเหนือหยิบหนังสือพิมพ์ออกมาจากกระเป๋าแล้วกางบนโต๊ะให้พวกเหมยเหมยดู
“ใครจะซื้อหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นมาอ่านกัน ภาษาอะไรก็ไม่รู้ อ่านไม่ออกสักตัว” มีคนพูดพลางกลั้วหัวเราะ
“งั้นฉันจะแปลให้พวกเธอฟังเอง ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาร้านเคเอฟซีได้เกิดดคีฆาตกรรมสามครั้ง และผู้ตายทั้งหมดเป็นเด็กผู้ชายอายุราว ๆเจ็ดหรือแปดขวบทั้งนั้น…” พอคำพูดของวัยรุ่นจากทางเหนือเอ่ยออกมาก็ทำเอาทุกคนตกใจกันยกใหญ่พร้อมดูรูปถ่ายในหนังสือพิมพ์ที่เขากำลังชี้ไปด้วย
เมื่อครู่ไม่ทันได้สนใจมอง ที่แท้ก็มีร่างเด็กนอนฟุบอยู่ถูกเบลออยู่ในภาพ เบื้องหลังคือร้านเคเอฟซี
“เด็กคนนั้นตายไหม?” เสียงของหญิงสาวสั่นเครือ สีหน้าท่าทางดูหวาดกลัวมาก
“ใช่ เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ก่อน คนทำความสะอาดพบศพตรงทางเข้าร้านเคเอฟซี ดูเหมือนว่าจะเป็นเด็กที่เดินทางมาท่องเที่ยวที่นี่เหมือนกัน ไม่รู้ว่าพลัดหลงกับพ่อแม่ได้อย่างไร วันต่อมาก็ถูกพบศพเข้าแล้ว…”
“พระเจ้าช่วย จับฆาตกรได้ไหม?”
“แน่นอนว่ายังจับไม่ได้ ไม่อย่างนั้นคนเหล่านั้นจะไม่กล้าไปทานอาหารที่เคเอฟซีกันเหรอ หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะตกเป็นเหยื่อของฆาตกร!”
“ต้องเป็นพวกวิปริตอย่างแน่นอน ทำไมถึงต้องลงมือกับเด็กไร้เดียงสาด้วยนะ ช่างไร้มนุษยธรรมจริง ๆ…ตำรวจที่นี่มัวแต่ทำอะไรอยู่…”
วัยรุ่นหนุ่มสาวหลายคนรู้สึกขุ่นเคืองใจ เหมยเหมยขมวดคิ้ว เธอคาดไม่ถึงว่าเหตุผลจะเป็นเช่นนี้
จากฉากร้านอาหารในภาพดูเหมือนว่าจะเป็นร้านเคเอฟซีที่เธอพาเด็ก ๆไปมาด้วย มิน่าล่ะคนถึงน้อย แถมยังมีแต่ชาวต่างชาติทั้งนั้นด้วย
คนท้องถิ่นคงตื่นตกใจแย่ ใครจะกล้าพาลูก ๆไปกินกันล่ะ!
“เมื่อครู่คุณบอกว่าเกิดเหตุการณ์นี้มาแล้วสามครั้ง งั้นหมายความว่ามีเด็กสามคนถูกฆ่าตายใช่ไหม? เหมยเหมยถามขึ้น
“ใช่ ล้วนเป็นร้านเคเอฟซีสามแห่งต่างที่กัน พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นเด็กผู้ชายอายุหกถึงแปดปี คนแรกเป็นนักท่องเที่ยว ส่วนอีกสองคนเป็นคนในท้องถิ่น ระยะเวลาก่อนหลังห่างกันครึ่งปี จนถึงตอนนี้ก็ยังไขคดีไม่ได้เลย”
“ตอนเย็นพวกเราก็ไม่ต้องไปกินกันแล้ว รีบกลับกันเถอะ ที่นี่น่ากลัวมาก!”
หญิงสาวขี้กลัวหมดซึ่งความสนใจในการท่องเที่ยวทันที เธอไม่กล้าอยู่ที่นี่อีกต่อไปคิดแค่อยากกลับบ้านเท่านั้น
“เธอจะกลัวอะไร ฆาตกรสนใจแต่เด็ก เธออายุมากแล้วไม่เป็นไรหรอก” มีคนพูดล้อเล่น แต่เขากลับถูกเพื่อนของเขาถลึงตาใส่ อยู่ดี ๆก็เกิดสำนึกได้ว่าตัวเองพูดผิดไปจึงส่งยิ้มเชิงขอโทษให้เหมยเหมย
“พวกเธอรีบกลับประเทศเถอะ!” วัยรุ่นหนุ่มสาวเกลี้ยกล่อมเหมยเหมย เสี่ยวเป่างดงามมากขนาดนี้ บางทีอาจจะโดนพวกโรคจิตหมายตาก็ได้!
เหมยเหมยอมยิ้มแต่เธอไม่ได้คิดจะกลับ ก็แค่คนโรคจิตไม่ใช่เหรอ? เมื่อครู่เธอเพิ่งทารุณเจ้าคนโรคจิตวิปริตไปเอง!
หลังจากทานโอเด้งเสร็จเหมยเหมยก็ขอแยกตัวจากพวกเขา เดินเตร่อยู่พักหนึ่งก็กลับโรงแรม เธอวางแผนจะไปเที่ยวโอซาก้าอีกวันหนึ่งแล้วค่อยไปฮอกไกโด
ห้องที่เธอจองไว้อยู่ชั้นบนสุด ตอนขึ้นลิฟต์เหมยเหมยก็เจอสองแม่ลูกที่เคยเจอในดิสนีย์แลนด์อีกครั้ง คาดไม่ถึงว่าพวกเขาจะพักโรงแรมนี้เช่นกัน เธอนึกว่าเป็นคนในท้องถิ่นเสียอีก!
เด็กชายหันมาโค้งตัวให้เหมยเหมยอย่างสุภาพชวนให้คนเอ็นดูมากเหลือเกิน สิ่งที่บังเอิญยิ่งกว่านั้นก็คือพวกเขาอาศัยอยู่ชั้นเดียวกันด้วย นับว่าเป็นพรหมลิขิตจริง ๆ
“แม่ ยกเว้นสักครั้งได้ไหม? ไปกินเคเอฟซีกันเถอะนะครับ?”
เด็กชายตัวน้อยคะนึงหาเคเอฟซีอยู่เสมอและระลึกถึงมันอยู่ตลอด!
…………………………………………..
ตอนที่ 2508 ตั้งกฎระเบียบ
ลิฟต์ค่อย ๆขึ้นไป ชั้นสูงสุดของโรงแรมอยู่ที่ชั้นยี่สิบแปด ในลิฟต์มีเพียงแค่สองครอบครัวเท่านั้น เหมยเหมยมองแม่ลูกคู่นี้ด้วยความสนใจ เธออยากรู้จริง ๆว่าแม่คนนี้จะตอบรับข้อยกเว้นนี้หรือไม่
แต่ว่า——
“ไม่ได้จ้ะ…อิจิโร่ ลูกสัญญากับแม่แล้วว่าจะทานเคเอฟซีเดือนละครั้งเท่านั้น หรือว่าลูกอยากเป็นผู้ชายที่เชื่อถือไม่ได้งั้นเหรอ?” เสียงของแม่ยังคงอ่อนโยนเช่นเคยแต่กลับเข้มงวดขึ้นเล็กน้อย
เด็กผู้ชายเกาศีรษะด้วยท่าทีขัดเขินเล็กน้อย จากนั้นก็หันไปโค้งคำนับแม่ ”ขอโทษครับ แม่ ผมผิดไปแล้ว!”
“งั้นลูกรู้ว่าควรทำอย่างไรใช่ไหม?” เสียงของแม่ยังคงเข้มงวดเหมือนเดิม
“กลับห้องไปคัดตัวอักษรสิบรอบ” เด็กชายกล่าวด้วยท่าทีนอบน้อม
“ติ้ง”
ลิฟต์มาถึงชั้นบนสุด ประตูลิฟต์เปิดออก แม่หันมาโค้งตัวเบา ๆให้เหมยเหมยแล้วพาลูกออกไป เหมยเหมยก็ตามออกมาด้วย ห้องของเธอกับสองแม่ลูกคู่บังเอิญอยู่ตรงข้ามกัน ช่างมีวาสนาต่อกันจริง ๆ
เหมยเหมยทอดถอนใจ เธอรู้สึกชื่นชมแม่ที่ทั้งอ่อนโยนและเข้มงวดคนนี้มากจริง ๆ ในทางตรงกันข้ามเธอก็เป็นแม่เช่นกันแต่กลับรู้สึกว่าเลี้ยงลูกตามใจมากเกินไปแล้ว
ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยตั้งกฎระเบียบให้เด็ก ๆสักเท่าไรเลย!
อืม ยังไม่สายเกินไปที่จะแก้ไข ในอนาคตจะต้องตั้งกฎระเบียบอย่างเคร่งครัดสักหน่อยแล้ว!
เธอจะไม่ใจอ่อนเพราะดวงตาใสซื่อของเจ้าตัวน้อยคู่นั้นเด็ดขาด!
“แม่…พรุ่งนี้กินน่องไก่กันดีไหมคะ?” เล่อเล่อเงยหน้าขึ้นถาม ดวงตาสุกใสเต็มไปด้วยความโหยหา ทางฝั่งเสี่ยวเป่าเองก็มีท่าทีเช่นนี้เหมือนกัน ต่อให้จะเป็นมนุษย์เหล็กก็ย่อมใจอ่อนอยู่ดี
แน่นอนว่าหัวใจของเหมยเหมยย่อมอ่อนยวบพังทลายลงอยู่แล้ว…หากเป็นเมื่อก่อนเธอคงเห็นแก่ว่าออกมาเที่ยว แล้วละกฎระเบียบต่าง ๆเอาไว้ก่อน แต่ตอนนี้…
“ตอนบ่ายแม่พูดว่าอย่างไรคะ?” เหมยเหมยเอ่ยเสียงขรึม
“หนึ่งครั้งต่อเดือน!” เล่อเล่อเบะปากพูดเสียงเบา มืออ้วน ๆบิดไปมาไม่หยุด เธอไม่ชอบใจเลยสักนิด
หนึ่งเดือนกินได้แค่หนึ่งครั้ง แม้กระทั่งรสชาติของน่องไก่เธอคงลืมไปแล้วมั้ง!
แม่ขี้เหนียวจริง ๆ!
“จำได้ก็ดี ตอนนี้ผ่านไปหนึ่งเดือนหรือยัง?” เหมยเหมยถามอีกครั้ง
“ไม่รู้ค่ะ…” เล่อเล่อส่ายศีรษะพร้อมหันไปมองเสี่ยวเป่า เสี่ยวเป่ากระซิบบอกเธอว่า “ยังอีกนาน อีกนานมาก…”
“หิวแล้ว…แม่!” เล่อเล่อกุมท้องด้วยท่าทีน่าสงสาร ถ้านานขนาดนั้นเธอจะต้องหิวตายแน่
“ถ้าหิวก็ทานข้าว ในโลกนี้ไม่ได้มีแค่เคเอฟซีสักหน่อย อยากกินหัวไชเท้าหรือปลา? แม่จะโทรไปสั่งอาหารเย็นให้!” เหมยเหมยถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
เด็กทั้งสองคนทำหน้าหงิกทันที…ส่ายศีรษะรัว “ไม่หิวแล้ว!”
สองอย่างนี้พวกเขาไม่อยากทานอะไรเลย พวกเขาอยากทานเนื้อ!
มุมปากของเหมยเหมยยกขึ้นเล็กน้อย เธอจึงรีบหันหนี ในที่สุดก็กลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่ นักแสดงตัวเล็กทั้งสองเพิ่งกินโอเด้งมาเยอะขนาดนั้นยังหลอกเธอว่าหิวอีก ฮึ!
“ไม่หิวก็ไปดูทีวีกันก่อน เย็น ๆมืด ๆค่อยทานมื้อเย็นกัน” เหมยเหมยเปิดโทรทัศน์แล้วตั้งใจเลือกการ์ตูนให้ดู เด็กทั้งสองชอบดูมาก แม้แต่เสวี่ยเอ๋อร์กับฉิวฉิวก็ชอบดูมากเช่นกัน
เหมยเหมยไปแช่น้ำร้อนพลันรู้สึกสบายไปทั้งตัว ถึงแม้ว่าเด็กทั้งสองคนจะฉลาดมากแต่เธอก็ยังเหนื่อยจนสายตัวแทบขาดอยู่ดี ทั้ง ๆที่ไม่ได้ทำอะไรมากมายแต่กลับรู้สึกปวดหลังเมื่อยเอวไปหมด หลังจากแช่น้ำร้อนแล้วก็รู้สึกดีขึ้นมาก
วันรุ่งขึ้นเหมยเหมยพาเด็กทั้งสองคนไปทานบุฟเฟ่ต์อาหารเช้าด้านล่าง อาหารเช้าของโรงแรมฟรีและหลากหลาย มีผลไม้ให้เลือกมากมาย เธอเจอแม่ลูกคู่นั้นอีกครั้งที่ห้องอาหารเช้า เหมยเหมยส่งยิ้มทักทายพวกเขา สองแม่ลูกต่างก็โค้งตัวกลับซึ่งถือว่าถูกเลี้ยงดูสั่งสอนมาเป็นอย่างดี
“อิจิโร่ วันนี้พวกเราเที่ยวกันอีกวันก็จะกลับบ้านแล้วนะ!” โต๊ะอาหารของแม่ลูกคู่นี้อยู่ติดกับพวกเหมยเหมย
“จะได้เจอพ่อแล้ว แม่ วันนี้พวกเราจะไปเที่ยวที่ไหนกันดีครับ?” เด็กชายตื่นเต้นมาก
“วันนี้ไปซื้อของกัน แม่อยากซื้อของฝาก!”
……
เหมยเหมยนึกขึ้นได้ ทำไมเธอลืมเรื่องซื้อของฝากไปได้ล่ะ? อีกเดี๋ยวไปซื้อของกับสองแม่ลูกคู่นี้ก็แล้วกัน!
………………………………