ลืมรักเลือนใจ - ตอนที่ 105 ทำเป็นอวดเก่ง / ตอนที่ 106 ฉันคือหลินเยียน
ตอนที่ 105 ทำเป็นอวดเก่ง
จูมั่นเชี่ยนแสดงสีหน้าเย้ยหยันและคลี่ยิ้มด้วยความดูถูกดูแคลน “มากล่าวหากันอย่างนี้ได้ยังไงคะ? ไม่เคยได้ยินเหรอว่าคนเราต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเอง ช่วยไม่ได้นี่คะ น้องซือเฟยน่ะเป็นดารามากความสามารถที่อาจจะไปได้ไกลกว่านี้ ถ้ายังขืนติดแหงกอยู่กับผู้จัดการห่วยๆ ต่อไปก็น่าเสียดายพรสวรรค์แย่ จริงไหมคะ?”
“ใครกันแน่ที่ห่วยแตก ถ้าไม่มีพี่หลิง หล่อนก็มาไกลขนาดนี้ไม่ได้หรอก อย่ามาทำเป็นอวดเก่งต่อหน้าพี่หลิงนะ!”
เจี่ยงซือเฟยหน้าเจื่อนและเหยเกไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินที่ตัวตัวพูด สิ่งที่เธอรังเกียจที่สุดคือการที่ทุกคนต่างชื่นชมความสำเร็จของเธอว่าเป็นฝีมือของจ้าวหงหลิง ราวกับว่าเธอทำอะไรเองไม่ได้เลยถ้าไม่มีผู้จัดการสาวคนนี้
เธอเป็นหุ่นเชิดของจ้าวหงหลิงมานานหลายปี และเธอจะไม่ทน สตาร์ เอนเตอร์เทนเมนต์เป็นเพียงแค่สังกัดกระจอกๆ ที่ไม่สามารถสนับสนุนเงินทุนให้เธอได้อีกต่อไป
จูมั่นเชี่ยนกอดอกด้วยท่าทีผยอง “ฮ่าฮ่า…ถ้าหล่อนมีความสามารถจริง ทำไมถึงไม่มีปัญญาวิ่งเต้นหาบทนางเอกให้ซือเฟยล่ะ หล่อนควรจะไตร่ตรองบ้างนะว่าซือเฟยเหมาะกับบทแบบไหน ไม่ใช่บังคับให้น้องต้องแสดงเป็นเด็กบ้านนอกกะโปโลหัวแข็ง เฮอะ…
ฉันสิที่เป็นคนหาบทนางเอกให้ซือเฟยได้คู่กับดาราระดับเผยหนานซวี่ ถ้าพวกหล่อนจะคว้าโอกาสแบบนี้ให้ได้ก็คงต้องบูชายัญไม่รู้กี่ชีวิตแน่ๆ!”
เจี่ยงซือเฟยอารมณ์ดีขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินเช่นนั้น เธอรู้สึกว่าคิดไม่ผิดจริงๆ ที่หนีมาอยู่กับบริษัทเฮาส์ออฟมิลเลี่ยนมีเดีย
เพราะเฮาส์ออฟมิลเลี่ยนมีเดียเป็นบริษัทลูกของไทรอัมพ์เอนเตอร์เทนเมนต์ และคุณหนูของบริษัทอย่างหลินซูหย่าก็ได้คุมบังเ**ยนด้วยตัวเองอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเงินทุนจำนวนมหาศาลกำลังจะหลั่งไหลเข้ามาอย่างแน่นอน
“แก…พี่หลิงเขา…”
ตัวตัวกำลังจะพูดต่อ แต่จ้าวหงหลิงหยุดเธอเอาไว้
อันที่จริง เจี่ยงซือเฟยไม่ใช่คนสวยสะดุดตา แต่จ้าวหงหลิงเลือกดูแลเธอเพราะมองเห็นศักยภาพในการแสดง ผู้จัดการสาวจึงจงใจเลือกภาพยนตร์โดยคำนึงถึงคุณภาพและมีความชดช้อยดุจงานศิลป์เป็นส่วนใหญ่ จ้าวหงหลิงอยากให้เจี่ยงซือเฟยทุ่มเทกับการพัฒนาทักษะการแสดงและเติบโตเป็นดาราที่น่าเชื่อถือ
บทเด็กสาวบ้านนอกที่จูมั่นเชี่ยนพูดถึงอย่างดูถูกดูแคลนนั้นเป็นบทที่ผลักดันให้เจี่ยงซือเฟยมีชื่อเสียงโด่งดัง และบทบาทนี้เองที่ทำให้เธอได้รับรางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมจากโกลเด้นคราวน์อวอร์ด
หากเจี่ยงซือเฟยไม่ทำตัวไร้เหตุผลและขยันทำงานต่อไป จ้าวหงหลิงมั่นใจว่าเธอจะต้องสามารถคว้ารางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมได้ในสักวัน
แต่อนิจจา จ้าวหงหลิงลืมไปเสียสนิทว่าความเย้ายวนและความกระหายในชื่อเสียงนั้นเป็นสิ่งที่ล่อลวงจิตใจคนในวงการบันเทิงได้จริงๆ …
‘พานพบคนที่ใช่’ เป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่มีทีมงานและผู้กำกับมือฉมังและจะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์หลายแห่งก็จริง แต่ถึงกระนั้น ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ถือเป็นโฆษณาชิ้นหนึ่งที่มีแต่บทวนเวียนอยู่กับหน้าหล่อๆ ของพระเอก
จ้าวหงหลิงอ่านบทนางเอกทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ซึ่งก็ไม่มีอะไรมากนอกจากปั้นหน้าสวยเพื่อส่งเสริมลุคของพระเอก ตัวละครเองก็ไม่มีความตื้นลึกหนาบางที่น่าสนใจและไม่จำเป็นต้องให้ดารามากฝีมืออย่างเจี่ยงซือเฟยแสดงด้วยซ้ำ นอกจากนี้ เจี่ยงซือเฟยน่าจะไม่สามารถสวมบทบาทนี้ได้ดีพอ เป็นเพราะหน้าตาของเธอนั่นเอง
แต่จ้าวหงหลิงรู้ดีว่าพูดไปก็ป่วยการ เจี่ยงซือเฟยไม่ฟังเหตุผลอะไรทั้งนั้นจนเธอต้องยอมแพ้ในท้ายที่สุด
ตอนนี้บรรดานักข่าวต่างเดินทางมาถึงกองถ่ายแล้ว และกำลังกรูเข้ามาหาเจี่ยงซือเฟย
นี่ถือเป็นหนึ่งในวิธีที่จูมั่นเชี่ยนใช้อยู่บ่อยๆ เพื่อสุมเชื้อไฟให้ชื่อเสียงของศิลปินที่เธอดูแลยิ่งโด่งดังขึ้น เธอคงจะเป็นคนปล่อยข่าวและเชิญนักข่าวมาเองแน่ๆ
นักข่าวคนหนึ่งเอ่ยว่า “น้องซือเฟย ได้ยินมาว่าเพิ่งย้ายสังกัดเป็นเฮาส์ออฟมิลเลี่ยนมีเดีย แล้วบทนางเอกของ ‘พานพบคนที่ใช่’ นี่ก็ถือเป็นบทแรกที่ทางต้นสังกัดใหม่คว้ามาไว้ให้น้องได้ด้วย อุ๊ย นี่ยังถือเป็นครั้งแรกที่ได้ประกบกับพระเอกซุป’ ตาระดับเผยหนานซวี่ด้วยใช่ไหมคะ เรามีความเห็นกับเรื่องนี้ว่ายังไงบ้างเอ่ย?”
เจี่ยงซือเฟยตอบ “หนูรู้สึกตื่นเต้นมากเลยนะคะที่จะได้ร่วมงานกับคุณเผยหนานซวี่ และหนูต้องขอขอบคุณทางต้นสังกัด เฮาส์ออฟมิลเลี่ยนมีเดีย มากจริงๆ ค่ะ ขอบคุณผู้จัดการของหนู คุณจูมั่นเชี่ยน ที่คว้าบทนี้ให้หนูได้ หนูคิดไม่ผิดจริงๆ ที่ย้ายมาอยู่ในความดูแลของเฮาส์ออฟมิลเลี่ยนมีเดียค่ะ!”
นักข่าวอีกคนหนึ่งถามขึ้น “น้องซือเฟย มีอะไรอยากจะพูดถึงสังกัดเก่าหน่อยไหมคะ ได้ยินมาว่าคุณจ้าวหงหลิงของสตาร์ เอนเตอร์เทนเมนต์เป็นคนปั้นหนูมาตั้งแต่เดบิวต์ ทำไมถึงเลือกย้ายสังกัดทั้งๆ ที่ยังไม่หมดสัญญาคะ?”
ตอนที่ 106 ฉันคือหลินเยียน
เจี่ยงซือเฟยเหลือบมองจูมั่นเชี่ยนที่ยืนอยู่ข้างๆ “อืม…”
จูมั่นเชี่ยนพูดแทรก “ฮ่าฮ่า…ก็ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ แค่มีคนขี้อิจฉาที่ตั้งใจจะขัดขวางไม่ให้น้องซือเฟยประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานเลยจงใจเลือกแต่บทห่วยๆ ให้น้องเล่น และซือเฟยก็ตั้งใจว่าจะไม่ทนอีกต่อไปแล้ว น้องเลยขอออกจากสังกัดเก่ามาหาเราน่ะค่ะ! ฉันหวังว่าคนๆ นั้นจะฉุกคิดเรื่องพฤติกรรมของตัวเองได้บ้าง และช่วยคิดถึงประโยชน์ที่ตัวศิลปินจะได้รับ ไม่ใช่มองเห็นดาราเป็นแค่เครื่องมือทำเงินเท่านั้น!”
…
พื้นที่รอบๆ ตัวเจี่ยงซือเฟยนั้นเต็มไปด้วยบรรดานักข่าวกลุ่มใหญ่ ต่างกับที่ที่จ้าวหงหลิงยืนอยู่อย่างลิบลับ
ตัวตัวโกรธจัดจนหน้าดำหน้าแดงเมื่อได้ยินว่าทั้งสองคนกำลังบิดเบือนความจริงไปมากขนาดไหน “ยัยคนทรยศ! โอ๊ย! โมโห! ทำไมถึงหน้าด้านหน้าทนกันขนาดนี้นะ ถ้าไม่มีพี่หลิง หล่อนก็ไม่มีวันได้มาเหยียบที่นี่หรอกย่ะ นี่ไม่ใช่แค่อกตัญญูเฉยๆ นะ แต่หล่อนกำลังทำลายชื่อเสียงของพี่หลิงด้วย! ฉันทนไม่ไหวแล้วค่ะพี่ ฉันต้องแก้ข่าว!”
“ที่พวกนั้นพูดมันไม่จริงนะ…” ตัวตัวตะโกนลั่นขณะพยายามแทรกตัวในฝูงชน แต่เหล่านักข่าวนั้นมีจำนวนมากเกินไปและทุกคนก็กำลังให้ความสนใจกับเจี่ยงซือเฟยอย่างเต็มที่ ไม่มีใครสังเกตเห็นตัวตัวเลย
ตากล้องคนหนึ่งผลักตัวตัวกระเด็นอย่างไม่แยแส เครื่องไม้เครื่องมือของเขากระแทกใส่ตัวตัวอย่างแรง
“โอ๊ย!” ตัวตัวถอยหลังกรูดขณะที่ร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด
ในขณะเดียวกัน หลินเยียนที่นั่งซุกอยู่ในมุมเพื่อเล่นเกมก็ถอดหูฟังออก ก่อนจะยืดแขนและบิดขี้เกียจไปมา
หลินเยียนสังเกตเห็นว่าตัวตัวกำลังจะถูกชนอีกครั้ง เธอจึงรีบจับแขนของผู้ช่วยแล้วดึงตัวเข้ามาอยู่ที่มุมห้อง
“หลินเยียน พี่จะมารั้งฉันไว้ทำไมล่ะ? ฉันต้องแก้ข่าว!” ตัวตัวโวยวายอย่างร้อนใจ
“ไม่ต้องกังวลหรอก! ถ้าอยากเป็นจุดสนใจขนาดนั้น ฉันมีวิธีดีๆ อยู่นะ!” หลินเยียนพูดเอื่อยๆ อย่างเกียจคร้าน
ตัวตัวแหวกลับ “มันง่ายขนาดนั้นเลยหรือไง พี่คิดว่าจะมีใครฟังเราเหรอ คนอย่างเราน่ะแทบไม่มีที่ยืนในวงการบันเทิงด้วยซ้ำ!”
หลินเยียนรู้ความจริงข้อนั้นดี เธอจึงไม่ปฏิเสธอะไรแต่กลับยืนตัวตรงด้านหลังเหล่านักข่าวก่อนพูดอย่างฉะฉานโดยไม่เร่งรีบว่า “สวัสดีค่ะ ท่านบุรุษและสุภาพสตรี ขอฉันขัดจังหวะสักเดี๋ยวได้ไหมคะ มีใครอยากสัมภาษณ์ฉันบ้างไหมเอ่ย”
“อะไรของหล่อน! เธอเป็นใคร? ไปไกลๆ ไป๊!” นักข่าวคนหนึ่งพูดโดยไม่หันมาด้วยซ้ำเพราะกำลังตั้งอกตั้งใจมองเจี่ยงซือเฟยอยู่
หลินเยียนยิ้มแฉ่ง “ฉันคือหลินเยียนค่ะ”
ความเงียบเข้าปกคลุมทั่วทั้งห้องสตูดิโอในทันทีที่หลินเยียนพูดจบประโยค และในวินาทีต่อมา ทุกคนก็พากันหันมามองเธอเป็นตาเดียว
“หา…หลินเยียน?”
“หลินเยียนจริงๆ เหรอ?”
“พูดเป็นเล่น ฉันนึกว่าหลินเยียนไม่ให้สัมภาษณ์ซะอีก ปกติเธอจะให้ผู้ช่วยเป็นคนพูดไม่ใช่หรือไง!”
…
หลินเยียนกระแอมไอให้คอโล่ง “สวัสดีค่ะ พี่ๆ นักข่าว หลินเยียนเองค่า อยากถามอะไรฉันบ้างคะ ถามได้เลยนะ”
ดาราสาวที่พัวพันกับข่าวฉาวชวนช็อกมากมายนับไม่ถ้วนกำลังบอกว่ายินดีให้สัมภาษณ์! บทสัมภาษณ์ของเธอต้องดังระเบิดและน่าสนใจยิ่งกว่าการสัมภาษณ์นางเอกด้วยซ้ำ!
ชื่อของหลินเยียนขายได้แน่นอนเพราะเธอมักมีเอี่ยวกับประเด็นในวงนินทาและเรื่องอื้อฉาวเมื่อเร็วๆ นี้แทบทุกเรื่อง!
นักข่าวหลายคนที่มาจากสื่อแนวซุบซิบดาราทั้งหนังสือพิมพ์และทางออนไลน์ที่มักหากินกับข่าวฉาวต่างกรูเข้ามาทางเธอ
ส่วนนักข่าวจากสื่อชั้นนำไม่ได้ขยับเขยื้อนตัวเพราะพวกเขาไม่ได้สนใจอะไรในตัวหลินเยียน อีกทั้งยังถูกว่าจ้างมาโดยจูมั่นเชี่ยน พวกเขาจึงต้องทำงานของตัวเองต่อไป
หลินเยียนกวาดตามองฝูงชนแล้วส่งยิ้มให้ “วันนี้ฉันจะไม่ปิดบังเรื่องที่ฉันรู้เลย และฉันจะไม่หยุดจนกว่าจะได้พูดจนหมดเปลือก อยากถามอะไรก็ถามมาเลยค่า”
หลินเยียนพูดเอื่อย “อย่างเช่น…เรื่องของเฉินเจามู่กับฉัน…”
เหล่านักข่าวจำนวนหนึ่งที่ไม่สนใจหลินเยียนก่อนหน้านี้เริ่มเดินมาทางเธอ ดวงตาของพวกเขาเปล่งประกายสงสัยใคร่รู้
หลินเยียนพูดต่อ “อ้อ แล้วก็…ความลับระหว่างฉันกับเว่ยสวีเฟิง…”
เธอถูกขัดจังหวะกลางคันด้วยเหล่าฝูงชนที่แห่แหนเข้ามารุมล้อม แม้แต่นักข่าวที่จูมั่นเชี่ยนเชิญมาก็ยังรู้สึกสนอกสนใจ
หลินเยียนเอ่ยอย่างฉะฉาน “หรือว่าจะเป็นคืนนั้นที่เป็นข่าวอื้อฉาวระหว่างฉันกับถังจยาเยี่ย อ้อ แล้วก็ ฉันจะเล่าเรื่องในอดีตของฉันให้ฟังด้วยนะคะ รวมไปถึงเรื่องความบาดหมางระหว่างฉัน หันอี้เซวียน กับหลินซูหย่าพร้อมทั้งสาเหตุ…แล้วก็…เรื่องของเผยหนานซวี่กับฉันด้วยค่ะ”
เหล่านักข่าวหันขวับและพุ่งตรงมาหาหลินเยียนอย่างรวดเร็วในพริบตาเดียว
ในวงการบันเทิงมีดาราระดับท็อปอยู่มากมาย และเจี่ยงซือเฟยก็ไม่ใช่ดาราที่โดดเด่นอะไรขนาดนั้น นอกจากนี้ เธอยังไม่มีเรื่องอื้อฉาวที่น่าหยิบไปเขียนข่าวด้วย
ถึงแม้ว่าผู้จัดการจะสรรหาบทนางเอกมาให้เจี่ยงซือเฟยได้ แต่หลินเยียนก็ยังครองตำแหน่งเจ้าแม่ข่าวซุบซิบอยู่ดี!