ลืมรักเลือนใจ - ตอนที่ 467 คุณหลิน ฉันรอเธออยู่ ตอนที่ 468 ใครบอกว่าฉันคบใครไม่เป็น
- Home
- ลืมรักเลือนใจ
- ตอนที่ 467 คุณหลิน ฉันรอเธออยู่ ตอนที่ 468 ใครบอกว่าฉันคบใครไม่เป็น
ตอนที่ 467 คุณหลิน ฉันรอเธออยู่
หลังจากที่หลินเยียนทำธุระของทีมรถแข่งเสร็จ ตอนที่กลับมายังคฤหาสน์เมฆก็เป็นเวลายามวิกาลแล้ว
เธอกลัวว่าจะทำให้เผยอวี้เฉิงตื่น หลินเยียนค่อยๆ ผลักประตูแล้วเดินเข้าไป
เธอเพิ่งจะเปลี่ยนรองเท้าที่ใส่ในบ้านเสร็จก็เห็นโคมไฟสีเหลืองในห้องรับแขกกำลังเปิดอยู่ ภายใต้แสงไฟสีนวลนั้น เผยอวี้เฉิงกำลังนอนพิงอยู่บนเก้าอี้
แว่นของเขาถูกถอดออกมาแล้ววางอยู่บนเอกสารที่กระจายอยู่ หลับตาลงเล็กน้อย เหมือนจะนอนหลับซะแล้ว…
หลินเยียนไม่คิดว่าดึกขนาดนี้แล้วเผยอวี้เฉิงยังอยู่ในห้องรับแขกอีก เธอผ่อนลมหายใจลงตามจิตใต้สำนึก
ดึกขนาดนี้แล้วทำไมเผยอวี้เฉิงยังไม่นอนล่ะ?
ถ้าจะทำงานทำไมไม่ไปห้องหนังสือล่ะ?
เหมือนเผยอวี้เฉิงยังหลับไม่ลึก พอหลินเยียนเข้าใกล้ปุ๊บ เขาก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น
สายตาของเขาแลดูยังงัวเงียอยู่ เมื่อเพ่งมองไปยังหลินเยียนแล้วถึงค่อยๆ กลับสู่ปกติ เขาเอื้อมมือไปหยิบแว่นที่อยู่ข้างๆ แล้วสวมมันขึ้น
“กลับมาแล้วเหรอ”
หลินเยียนได้ยินแล้วพยักหน้าตอบรับ “วันนี้คุยธุระกับคุณตาก็เลยกลับมาดึกหน่อย รบกวนคุณหรือเปล่าคะ?”
หลังจากที่หลินเยียนบอกว่า ‘คุณอยู่บนหัวใจฉัน’ แล้ว เผยอวี้เฉิงก็ไม่เคยห้ามเธอใช้คำว่า ‘คุณ’เรียกเขาอีกเลย
เผยอวี้เฉิงขยี้หัวคิ้วแล้วลุกขึ้นยืน “หิวไหม? ฉันเก็บกับข้าวไว้ให้เธอ”
หัวใจหลินเยียนกระตุกไปชั่วขณะ เธอกลืนน้ำลายแล้วค่อยพูดขึ้น “ขอบคุณนะคะคุณเผย แต่ไม่เป็นไรค่ะ ฉันกินมาแล้ว อีกอย่างคุณก็รู้ว่าในวงการอย่างฉันต้องรักษาหุ่น ห้ามกินเยอะไปน่ะค่ะ…”
เผยอวี้เฉิงได้ยินแล้วจึงไม่ได้ตื้อต่อไป “อื้ม รีบพักผ่อนนะ”
หลินเยียนพยักหน้า “อื้มๆ ได้เลยค่ะ คุณเผยก็ด้วยนะ!”
หลินเยียนพูดจบก็ถามขึ้นอีกครั้ง “นี่คุณเผยทำงานอยู่เหรอคะ?”
“ใช่แล้ว ทำไมเหรอ?” เผยอวี้เฉิงถามขึ้น
หลินเยียนเกาหัวแล้วพูดขึ้น “ไม่มีอะไรค่ะ แค่รู้สึกแปลกๆ น่ะค่ะ คุณถนัดทำงานในห้องรับแขกมากกว่าเหรอ? อีกอย่างนี่ก็ดึกมากแล้ว ทำไมไม่ไปทำงานที่ห้องหนังสือล่ะคะ?”
ยังไงห้องหนังสือก็สบายกว่านั่งบนโซฟานี่สินะ
เธอจำได้ว่าตัวเองไม่ได้เห็นเผยอวี้เฉิงทำงานบนโซฟาในห้องรับแขกเป็นครั้งแรก อีกทั้งวันนี้ดึกขนาดนี้ เขายังอยู่ในห้องรับแขกอีก ทำให้หลินเยียนเกิดความสงสัยก็เลยเอ่ยถามขึ้น
หลังจากเผยอวี้เฉิงได้ยินหญิงสาวพูดขึ้นแล้ว ยกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “คุณหลิน…ไม่รู้จริงๆ เหรอ?”
“หืม?” หลินเยียนกะพริบตาด้วยสีหน้ามึนงง “ฉัน…ฉันควรรู้เหรอคะ?”
เธอจะไปรู้ได้ไงล่ะ? เธอไม่เข้าใจตรรกะของเผยอวี้เฉิงซะหน่อย!
เผยอวี้เฉิงเห็นท่าทางไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ของหญิงสาวแล้ว ความลำบากใจผ่านแว๊บเข้ามาในแววตา เขาช้อนสายตาอันเย้ายวนนั้นแล้วมองไปทางหญิงสาวด้วยความตั้งใจพลันเอ่ยปากขึ้น “คุณหลิน ฉันรอเธออยู่”
ฉันรอเธออยู่…
หลินเยียนกะพริบตาแล้วกะพริบตาอีก ผ่านไปสักพักถึงจะเข้าใจความหมายความเผยอวี้เฉิง
เผยอวี้เฉิงหมายความว่า…ที่เขาทำงานในห้องรับแขกนั้น…ก็เพราะรอเธอกลับบ้านงั้นเหรอ!?
หลินเยียนยังไม่ทันตั้งตัวได้ เสียงของเขาก็ดังขึ้นอีกครั้ง “ที่ทำงานในห้องรับแขกไม่ได้เป็นเพราะความเคยชิน แต่เพราะว่าจะได้เห็นเธอบ่อยขึ้นน่ะ”
หลินเยียน “…”
ที่เผยอวี้เฉิงพูดมานี้…พูดตรงไปหรือเปล่าเนี่ย!
ถ้าหลินเยียนยังไม่เข้าใจอีกล่ะก็ คงจะไม่ใช่ผู้หญิงแล้ว แต่เป็นพิการทางสมองแทน!
เผยอวี้เฉิงเห็นว่าในที่สุดหญิงสาวเข้าใจความหมายของตัวเองได้สักที จึงเผยรอยยิ้มอันพึงพอใจขึ้น
ตอนที่ 468 ใครบอกว่าฉันคบใครไม่เป็น
“ฉันพูดแบบนี้แล้วคุณหลินฟังรู้เรื่องใช่ไหม” เผยอวี้เฉิงถามด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร
หลินเยียนเขินจนแทบจะขุดหลุมมุดดินไปแล้ว เธอรีบพยักหน้าตอบรับ
เข้าใจแล้วๆ! เลิกแซวอีคิวของเธอสักที!
ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงกล้าพูดอะไรแบบนี้อย่างหน้าตาเฉยได้ล่ะ…
ป๋าก็คือป๋าสินะ!
เมื่อเผยอวี้เฉิงเห็นท่าทางหลินเยียนแล้วจึงไม่แซวต่อ เขาเอ่ยปากพูดขึ้น “รีบพักผ่อนนะ”
หลินเยียนถอนหายใจแล้วรีบเอ่ย “ได้เลยค่ะ!”
เผยอวี้เฉิงเดินมาตรงหน้าหญิงสาวแล้วจุมพิตลงที่หน้าผากเธอ “ฝันดีนะ”
หลินเยียน “ฝันดีค่ะ…”
จนกระทั่งเผยอวี้เฉิงเข้าไปในห้องนอนแล้ว หลินเยียนยังยืนอึ้งอยู่กับที่แบบนั้น
ตลอดเวลาที่เธออาศัยอยู่ในบ้านเผยอวี้เฉิงนี้ นอกจากวันที่เผยอวี้เฉิงขาดสติอย่างกะทันหันวันนั้นแล้ว หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกเลย ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างสุขสงบมากๆ
เธอเริ่มจะเข้าใจแล้วว่าแค่ไม่ไปข้ามเส้นเผยอวี้เฉิง เขาก็จะพูดจาดีๆ อย่างมีความอดทนมาก
ปกติเราต่างวุ่นวายกับเรื่องของตัวเอง แต่ก็ถือว่าใช้ชีวิตด้วยกันได้อย่างลงตัวแล้ว
แต่หลังจากการสั่งสอนครั้งที่แล้ว หลินเยียนก็เข้าใจด้านอันตรายของเผยอวี้เฉิง เลยไม่ได้ชะล่าใจกับท่าทางดูเป็นมิตรของเขาอีก
ซึ่งทำให้เธอไม่มีโอกาสพูดถึงเรื่องที่ตอบตกลงกับซิงเฉินไปสักที…
หลังจากกลับมาที่ห้อง หลินเยียนเค้นความคิดจนปวดขมับ
ในขณะเดียวกัน วีแชทของเธอก็ดังขึ้น เธอถูกดึงเข้าไปในแชทกลุ่มกลุ่มหนึ่ง
คนที่ดึงเธอเข้าไปคือซิงเฉิน ปกติเธอไม่ค่อยได้ใช้คิวคิวก็เลยเอาวีแชทให้ซิงเฉินไป
แน่นอนว่ายังมีอีกเหตุผลหนึ่งคือเธอไม่อยากเห็นชื่อของซิงเฉินที่ทำให้นึกอยากแซวไม่ได้อีกแล้ว
นอกจากซิงเฉินแล้วในกลุ่มยังมีอีกคนหนึ่ง
ชื่อไอดีของเขาคือ ‘ตรุษจีนสำราญใจ’
ฝนโปรย ณ เมืองเยียนยามโพล้เพล้ : [?]
หลินเยียนส่งเครื่องหมายสงสัยไป
ตรุษจีนสำราญใจ : พี่สะใภ้ครับ! ผมฉินฮวนไงครับ! ชื่อวีแชทของพี่สะใภ้ช่างไพเราะจริงๆ มีเทสต์สุดๆ!
หลินเยียน : […]
ชื่อไอดีนี้ก็มีเรื่องราวอยู่เหมือนกัน เธอไม่อยากพูดถึงหรอกนะ
ซิงเฉิน : [คุณหลินครับ ไม่รู้ว่าความคืบหน้าของเรื่องนั้นเป็นยังไงบ้าง]
หลินเยียนถอนหายใจแล้วตอบกลับไป : [ยังหาโอกาสเหมาะๆ ไม่ได้เลยค่ะ ฉันไม่รู้จะทำยังไงถึงจะทำให้คุณเผยอารมณ์ดีน่ะ…]
ซิงเฉิน : [ผมเข้าใจครับ ไม่เป็นไร ผมรอได้ ยังไงก็รอมาตั้งนานแล้ว]
ตรุษจีนสำราญใจ : [พี่สะใภ้ครับ! ทำไมถึงไม่มีโอกาสเหมาะๆ ล่ะ โอกาสมีเยอะแยะไป! เช่นหลังจากพี่จูงมือกับพี่อวี้แล้ว เช่น หลังจากพี่กอดกันจุ๊บๆ โยกเยกเอ๋ยแล้ว เช่น ตอนที่พี่นอนมองดวงดาวพระจันทร์แล้วคุยกันเรื่องปรัชญาชีวิตไงล่ะ…]
หลินเยียน:“…” พอได้แล้ว!
หลินเยียนตอบกลับไป : [ไม่มีโอกาสแบบนี้ค่ะ ขอบคุณนะ!]
การคบหาของเธอกับเผยอวี้เฉิงสุภาพเรียบร้อยกันมากเลยนะ ให้เกียรติกันและกันสุดๆ อย่างมากก็แค่จุ๊บเหม่งตอนเช้ากับก่อนนอนแค่นั้น
ฉินฮวนส่งข้อความเสียงกลับมาด้วยความเจ็บปวดใจ “ไม่หรอกมั้งพี่สะใภ้! ความคืบหน้าของพวกพี่…ช้าไปหรือเปล่า…พวกพี่เกิดในยุคไหนเนี่ย! คบกันตั้งนานขนาดนี้แล้วยังมีความคืบหน้าแบบหอยทากเนี่ยนะ? ถ้าพี่ไม่เป็นจริงๆ พวกเราสอนพี่ก็ได้นะ!”
เพื่อไม่ให้เสียหน้า หลินเยียนตอบกลับไปอย่างเด็ดขาด : [ใครบอกว่าฉันไม่เป็น! ฉันไม่ใช่ว่าไม่เคยคบใครสักหน่อย! ฉันมีประสบการณ์อยู่หรอก!]