ลืมรักเลือนใจ - ตอนที่ 643 ฉันนึกว่าเธออยู่ราศีฮัสกี้เสียอีก ตอนที่ 644 ของโชว์ที่ไร้ค่า
- Home
- ลืมรักเลือนใจ
- ตอนที่ 643 ฉันนึกว่าเธออยู่ราศีฮัสกี้เสียอีก ตอนที่ 644 ของโชว์ที่ไร้ค่า
ตอนที่ 643 ฉันนึกว่าเธออยู่ราศีฮัสกี้เสียอีก
ในฐานะที่เป็นแฟนสาว ถ้าแม้แต่วันเกิดของแฟนหนุ่มก็ยังไม่รู้ ก็เหมือนจะทำหน้าที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลยจริงๆ
และโชคดีที่ได้เผยอวี่ถังเตือนสติว่าถึงถึงเวลาเธอควรจะเตรียมของขวัญอะไรเสียบ้าง
“โอเค ขอบใจที่เตือนนะ!” หลินเยียนผงกศีรษะ
“จริงสิ พี่สะใภ้ วันเกิดพี่คือเมื่อไหร่เหรอครับ?” เผยอวี่ถังถามด้วยความอยากรู้ “เหมือนก่อนหน้านี้ผมจะเคยเห็นในเน็ตว่าวันเกิดพี่อยู่เดือนพฤษภาคม?”
หลินเยียนผงกศีรษะ “อ่าฮะ ห้าหนึ่งแปด! จำง่ายมากเลยนะ!”
เผยอวี่ถัง “อืม วันที่ สิบแปด พฤษภาคม พี่สะใภ้ พี่ราศี…พฤษภเหรอครับ?”
หลินเยียน “ทำไมล่ะ?”
เผยอวี่ถังกระแอมเบาๆ ครั้งหนึ่ง “มะ…ไม่มีอะไร…ราศีพฤษภเยี่ยมมาก…เยี่ยมมากครับ…”
ไม่ใช่แค่ ห้าหนึ่งแปด แถมยังอยู่ราศีพฤษภที่ชอบเงินราวกับชีวิตอีกด้วย สมแล้วที่เป็นคุณพ่อของเขา!
“พี่สะใภ้ ทำไมพี่ไม่ถามผมว่าวันเกิดผมคือเมื่อไหร่บ้างล่ะครับ?” เผยอวี่ถังแสดงสีหน้ามุ่งหวัง
หลินเยียนเหลือบมองเขาด้วยท่าทีเรียบเฉย “ไม่อยากรู้ ถ้ารู้แล้วก็ต้องซื้อของขวัญเพิ่มอีกชิ้นหนึ่งทุกปี”
เผยอวี่ถังหน้าบูดเล็กน้อย เอ่ยปากพูดด้วยท่าทีงอนตุ๊บป่อง “ของผมวันที่ ยี่สิบเก้า พฤษภาคม ราศีสิงห์!!! ดาวประจำตัวคือดวงอาทิตย์ เป็นสัญลักษณ์ของความสว่างไสว มีความสุขในการช่วยเหลือผู้คน เชื่อมั่นในคุณธรรม มักเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจของดวงอาทิตย์ที่จะขจัดปัดเป่าความดำมืดทุกอย่าง มีความเป็นผู้นำ เป็นราศีที่ควรค่าแก่การไว้เนื้อเชื่อใจมาก!!!”
หลินเยียนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “โอ้โห เป็นไปไม่ได้น่า! เธออยู่ราศีสิงห์งั้นเหรอ? ฉันนึกว่าเธอราศีฮัสกี้เสียอีก…”
เผยอวี่ถัง “…”
เผยอวี่ถังนึกธุระสำคัญขึ้นมาได้เสียที เขาประนมมือแล้วพูดขึ้นมาว่า “คุณพ่อ ที่แท้จะเอายังไงกันแน่? เห็นแก่ผมที่พยายามช่วยพี่กับพี่ใหญ่อย่างสุดความสามารถเถอะนะครับ! ขอร้องพี่ล่ะ! พอถึงวันเกิดของคุณพ่อ ผมต้องให้ของขวัญชิ้นใหญ่กับคุณพ่อแน่ๆ !”
“ถ้าสุ่มได้ฉัน ฉันจะพยายามอย่างเต็มที่ก็แล้วกัน…” หลินเยียนถอนหายใจ
ถ้าไม่ส่งผลกระทบต่อการเลื่อนขั้นของทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อ จะยอมให้เผยอวี่ถังสักครั้งก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้…
“พยายามอย่างเต็มที่งั้นเหรอ”
ขณะนี้เองอู๋หย่งที่อยู่ด้านข้างเมื่อได้ฟังคำพูดของหลินเยียนประกายดูแคลนก็ปรากฏขึ้นในดวงตาอย่างชัดเจน จากนั้นก็ระงับความรู้สึกทันที เขามองหลินเยียน ยิ้มบางพร้อมพูดขึ้นมาว่า “คุณหลินเยียน ผมคิดว่าอาจสุ่มไม่ได้คุณก็ได้นะ แต่ถ้าสุ่มได้…”
อู๋หย่งพูดระคนยิ้มต่อโดยไม่เปิดโอกาสให้หลินเยียนได้เอ่ยปาก “แน่นอนว่าถ้าสุ่มได้คุณหลินเยียน ก็ไม่จำเป็นต้องไว้ไมตรีหรอกนะครับ พยายามไล่ตามผมให้ทันอย่างเต็มที่ก็พอแล้ว”
เผยอวี่ถังเหล่ตามองอู๋หย่งทันที เด็กคนนี้ออกจะโอหังมากเกินไปแล้วรึเปล่านะ?!
เผยอวี่ถังรู้ความสามารถของอู๋หย่งดี แข็งแกร่งมากจริงๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่เชิญตัวมาด้วยเงินจำนวนมหาศาล แต่หากเทียบกับหลินเยียน คงยังห่างชั้นกันอยู่บ้าง
เพียงแต่อู๋หย่งเป็นนักแข่งที่เผยอวี่ถังทุ่มเงินเชิญตัวเข้าทีมของตัวเอง แม้จะพูดจาโอหังไปบ้าง แต่ เผยอวี่ถังก็ไม่ค่อยสะดวกที่จะทำลายความมั่นใจของอู๋หย่งเช่นกัน
อย่าว่าแต่อู๋หย่งดูถูกหลินเยียนเลย ต่อให้อู๋หย่งดูถูกเยวา เผยอวี่ถังก็ไม่มีทางทำลายความมั่นใจเขาเช่นกัน ตรงข้ามกลับจะมอบความรักและขวัญกำลังใจให้เขาด้วย
“คุณพ่อ ยังไงเสีย…ถ้าหากเจอกันจะต้องอ่อนข้อให้หน่อยนะครับ!” เมื่อพูดจบ เผยอวี่ถังก็เดินมาข้างหลินเยียนพร้อมพูดกระซิบด้วยสีหน้ากลัดกลุ้ม “คุณพ่อ ผมใช้เงินส่วนตัวหมดแล้ว ไม่มีเงินแล้วจริงๆ ถ้าแพ้การแข่งและหาเงินสนับสนุนไม่ได้ เกรงว่าทีมรถแข่งของผมคงยื้อไปได้อีกไม่นาน!”
เมื่อได้ยินหลินเยียนก็เหลือบมองเผยอวี่ถังแวบหนึ่ง
มาบอกเธอก็ไร้ประโยชน์ ตัวเองไม่มีเงินก็ไปหาพี่ชายสิ!
ไปต่อต้าน ไปต่อสู้!
เอาสิทธิ์ด้านการเงินของตัวเองกลับคืนมา!
ก่อนหน้านี้โอหังมากเลยไม่ใช่หรือไง บอกว่าต่อให้เผยอวี้เฉิงรู้ว่าเขาแข่งรถก็ทำอะไรเขาไม่ได้อยู่ดี…
แล้วตอนนี้มาคร่ำครวญว่าจนกับเธอทำไม
ตอนที่ 644 ของโชว์ที่ไร้ค่า
“พวกเราไปเตรียมตัวกันก่อนนะครับ” เผยอวี่ถังเห็นหลินเยียนไม่เอ่ยปากจึงพูดระคนหัวเราะเบาๆ
เมื่อเผยอวี่ถังพาอู๋หย่งจากไปแล้ว มั่วซูอวิ๋นที่อยู่ด้านข้างก็พูดด้วยความประหลาดใจ “เทพธิดา นั่นใครน่ะครับ ทำไมถึงเรียกคุณว่าคุณพ่อ พวกคุณสนิทกันมากเลยเหรอ แล้วมาจากทีมไหนครับ”
หลินเยียนเหลือบมองมั่วซูอวิ๋นแวบหนึ่ง “เปลี่ยนอาชีพเป็นเจ้าหน้าที่สำรวจสำมะโนประชากรแล้วเหรอ”
มั่วซูอวิ๋นยิ้มเล็กน้อย “นี่ไม่ใช่เพราะผมเป็นห่วงเทพธิดาเหรอครับ อีกอย่างนะ ตอนนี้ผู้ชายห่วยๆ กับคนโรคจิตมีเยอะแยะเสียขนาดนั้น เขาเอาแต่เรียกคุณว่าคุณพ่อ ทั้งโรคจิตทั้งอันตราย”
หลินเยียน “…”
ไม่นานนักหลินเยียน มั่วซูอวิ๋น และสมาชิกทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อก็เดินเข้าไปในสถานที่ที่ใช้เตรียมตัวแข่งขัน
ทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อเปลี่ยนมาใส่ชุดยูนิฟอร์ม แม้แต่เฮ่อติ้งคุนเองก็ยังไม่ยกเว้น สวมชุดแข่งเหมือนกันทุกคน
“หัวหน้า หรือว่าพวกเราจะไม่มีกลยุทธ์อะไรเลยเหรอครับ”
ณ สถานีที่เตรียมลงแข่ง เฮ่อเล่อเฟิงมองมั่วซูอวิ๋นซึ่งกำลังก้มหน้าเงียบอยู่
“หัวหน้า?”
เมื่อเห็นว่ามั่วซูอวิ๋นมีท่าทีคล้ายใจลอย เฮ่อเล่อเฟิงจึงพูดต่อไป
พอได้ยิน มั่วซูอวิ๋นจึงได้สติกลับมา เงยหน้ามองเฮ่อเล่อเฟิง “มีอะไรเหรอ”
เฮ่อเล่อเฟิง “…”
“หัวหน้า เมื่อกี้ผมถามว่าพวกเรามีกลยุทธ์อะไรบ้างหรือเปล่า” เฮ่อเล่อเฟิงยิ้มพร้อมตอบกลับไป
“อ้อ” มั่วซูอวิ๋นผงกศีรษะ ตอบกลับไปทันที “งั้นก็ไม่มี”
“หัวหน้า การแข่งที่สำคัญมากขนาดนี้ ไม่ต้องกำหนดกลยุทธ์กันสักหน่อยเหรอ การทหารไม่เบื่อหน่ายกลอุบาย…สามสิบหกกลยุทธ์…” เฮ่อเล่อเฟิงพูดพึมพำ
เมื่อเฮ่อเล่อเฟิงพูดจบ มั่วซูอวิ๋นก็มองเฮ่อเล่อเฟิงเหมือนเห็นคนซื่อบื้อ “ทำไมนายไม่ใช้วิธีหนีถือเป็นสุดยอดกลยุทธ์ซะเลยล่ะ ยังจะมากำหนดกลยุทธ์อะไรกันอีก ถ้าโชคดีเจอทีมระดับต้นหรือไม่ก็ทีมระดับกลางพวกนั้นก็แข่งไปอย่างนั้นก็ได้ แต่ถ้าเจอทีมระดับสูงกับทีมแถวหน้า ต่อให้นายอ่านกลยุทธ์มาตั้งแต่ในท้องแม่ก็ไร้ประโยชน์ เมื่ออยู่ต่อหน้าความสามารถระดับสุดยอด แผนทุกอย่างก็เหมือนเป็นแค่ของโชว์ไร้ค่าเท่านั้น”
“เทพธิดา ผมพูดถูกหรือเปล่าครับ”
พอพูดจบ มั่วซูอวิ๋นก็มองหลินเยียนพลางยิ้มแย้ม
เมื่อเห็นเช่นนั้น สมาชิกจำนวนไม่น้อยที่อยู่ตรงนั้นก็ลอบยิ้มเยาะ ดูท่าหลินเยียนจะเป็นเหมือนที่เฮ่อหมิงไข่ญาติผู้พี่กับลุงเธอพูดเอาไว้ไม่มีผิด มั่วซูอวิ๋นมีความสัมพันธ์ที่บอกกล่าวใครไม่ได้กับหลินเยียนจริงๆ ด้วย คำก็เทพธิดา สองคำก็เทพธิดา
ถึงอย่างไรมั่วซูอวิ๋นก็เป็นถึงนักแข่งรถที่มีชื่อเสียง ฝีมือและเทคนิคในการแข่งรถไม่ต้องเอ่ยถึง แล้วหลินเยียนจะไปรู้อะไร ทำไมต้องไปถามหลินเยียนด้วยล่ะ
สมกับคำกล่าวโบราณที่ว่านับแต่โบราณมาวีรบุรุษยากจะผ่านด่านหญิงงาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงงามที่จิตใจชั่วร้ายอย่างหลินเยียน เกรงว่าคงยั่วยวนผู้ชายมานับไม่ถ้วน ผ่านคนมานับไม่ถ้วน จะจัดการกับมั่วซูอวิ๋นยังไม่ใช่เรื่องง่ายดายอีกเหรอ
ไม่อย่างนั้นด้วยความสามารถของมั่วซูอวิ๋น ทำไมถึงเข้าร่วมทีมเล็กๆ ระดับต้นที่กำลังจะถูกยุบเมื่อไหร่ก็ได้ล่ะ
“ไปตรวจเช็กรถสักหน่อยเถอะ”
หลินเยียนมองไปยังรถที่อยู่ในสถานที่เตรียมตัว พร้อมพูดกับมั่วซูอวิ๋น
ทุกทีมต้องเตรียมรถแข่งมาเอง ทีมรถแข่งระดับต้นนอกจากจะมีผู้สนับสนุนอยู่ในระดับมหาเศรษฐี
ไม่อย่างนั้นก็ไม่อาจเทียบได้กับรถแข่งของทีมระดับสูงได้เลย
สมรรถนะสู้ไม่ได้ไปแล้ว ดังนั้นจะต้องตรวจเช็กสภาพรถก่อนแข่งให้ดี จะให้เกิดปัญหาใดๆ ไม่ได้เด็ดขาด
“ตรวจเช็กตั้งนานแล้วครับ เรื่องนี้กล้าชักช้าที่ไหนกัน” มั่วซูอวิ๋นมองหลินเยียนพร้อมกล่าวพลางยิ้ม มือยังถือรายชื่ออยู่แผ่นหนึ่ง
“เทพธิดา เมื่อกี้ทางผู้จัดงานให้รายชื่อกับพวกเรามา ทีมรถแข่งตระกูลเฮ่ออยู่ในกลุ่มซี ส่วนสภาพการณ์ในกลุ่มซีนั้นคงไม่ได้แย่อย่างที่คิดกันไว้มากขนาดนั้น มีทีมระดับต้นและระดับกลางเป็นหลัก นอกจากนี้ยังมีทีมระดับสูงสามทีมกับทีมระดับแถวหน้าอีกหนึ่งทีมครับ” มั่วซูอวิ๋นพูด
มั่วซูอวิ๋นพูดต่อโดยไม่ให้หลินเยียนมีโอกาสได้เอ่ยปาก “จะต้องระวังทีมระดับสูงทีมหนึ่งเป็นพิเศษ เป็นทีมใต้สังกัดทีมเควัน มิหนำซ้ำยังโยกซูไฉ่ซึ่งเป็นเป็นหัวหน้าทีมหญิงเพียงคนเดียวของทีมเควันมาชั่วคราว เพื่อให้ทีมใต้สังกัดนี้ได้อันดับที่ไม่เลวสักอันดับหนึ่งด้วยครับ”