ลืมรักเลือนใจ - ตอนที่ 697 ตั้งใจยั่วโมโห ตอนที่ 698 พอจะเห็นแก่หน้าฉันสักหน่อยได้หรือเปล่า
- Home
- ลืมรักเลือนใจ
- ตอนที่ 697 ตั้งใจยั่วโมโห ตอนที่ 698 พอจะเห็นแก่หน้าฉันสักหน่อยได้หรือเปล่า
ตอนที่ 697 ตั้งใจยั่วโมโห
แม้แต่เธอยังรู้เลยว่าเพราะหลิงเย่ว์ไปมีเรื่องกับคุณหนูหรงคนนั้นถึงได้ถูกลงโทษหนักหนาสาหัสมากขนาดนี้ และชายหนุ่มหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าพวกนี้ก็เหมือนจะเกี่ยวข้องกับคุณหนูหรงคนนั้น
ในเวลาแบบนี้ซิงเฉินควรจะเงียบเป็นดีที่สุด อย่างไรก็ตามเขากลับทนไม่ได้
หลินเยียนลอบถอนหายใจ สิ่งที่เธอทำได้ในตอนนี้คือแอบขอพรให้กับซิงเฉินเท่านั้น
ซิงเฉินเพิ่งจะพูดจบได้ไม่นาน เผยอวี้เฉิงก็มองซิงเฉินด้วยท่าทางเรียบเฉย
“ซิงเฉิน นายนึกว่านายกับคุยกับใครอยู่?”
ทันใดนั้นหญิงสาวที่ชื่อสวีเหยาคนนั้นก็มองซิงเฉินด้วยความเย็นชา “ให้พี่อวี้ยกโทษให้นังสารเลวนั่น เหอะ…นายกำลังล้อเล่นอยู่รึเปล่า?
นังสารเลวนั่นทำให้คุณหนูหรงไม่พอใจมากเสียขนาดนั้น ไม่ไล่มันออกจากตระกูลเผย ออกไปจากพี่อวี้ ก็ถือว่าเป็นเมตตาของพี่อวี้กับคุณหนูหรงแล้ว นายยังกล้าขอร้องให้มันอีกนะ…นายไม่เห็นคุณหนูหรงอยู่ในสายตาใช่รึเปล่า?!”
เมื่อสวีเหยาพูดจบ หน้าผากซิงเฉินก็ปรากฏเส้นเอ็นปูดโปน ดวงตาฉายประกายเย็นเยียบอันน่ากลัว
“เธอชื่อหลิงเย่ว์…ไม่ได้ชื่อนังสารเลว!” ซิงเฉินกำหมัดทั้งสองข้างจนแน่น คล้ายกำลังฝืนสะกดกลั้นโทสะของตนเองอยู่
“อ้อ งั้นเหรอ น่าเสียดายนะ ในสายตาพวกเรา มันก็เป็นแค่นังสารเลวชั้นต่ำ ไร้หัวสมองเท่านั้นเอง” สวีเหยาหัวเราะเย้ยหยัน ไม่แยแสเพลิงโทสะของซิงเฉินแม้แต่น้อย
“ซิงเฉิน ถ้านังสารเลวนั่นไม่ยอม นายก็ให้มันออกไปจากตระกูลเผย ไปจากพี่อวี้ก็ได้ นับจากนี้ ท่องโลกกว้างอย่างอิสระเสรี ถ้านายทำใจไม่ได้ จะไปพร้อมมันเลยก็ได้นะ” ชายหนุ่มผู้เป็นหัวหน้ากล่าวระคนหัวเราะ
เมื่อได้ยินซิงเฉินก็กัดฟันกรอด
เขาเคยโน้มน้าวให้หลิงเย่ว์จากไปจริงๆ ทว่าต่อให้ต้องตาย หลิงเย่ว์ก็ไม่ยอมเด็ดขาด
หลิงเย่ว์สูญเสียพ่อแม่มาตั้งแต่เด็ก เป็นเด็กกำพร้า ถูกตระกูลเผยรับอุปการะเอาไว้ ติดตามอยู่ข้างกายเผยอวี้เฉิงมานานหลายปีแล้ว
ถ้าหากให้หลิงเย่ว์จากไป เธออาจยอมตายก็เป็นได้
ถึงแม้ว่าตอนนี้หลิงเย่ว์จะตกอยู่สภาพเช่นนี้ ถึงกระนั้นก็ยังอดทนมาตลอด ไม่ยอมจากไปไหน
“ซิงเฉิน นังสารเลวนั่นผิดใจกับคุณหนูหรง ลงโทษมันแค่นี้ นั่นถือเป็นความเมตตาของคุณหนูหรงแล้ว ถ้านังสารเลวนั่นไม่ใช่คนของพี่อวี้ มันต้องน่าอนาถมากกว่านี้เป็นพันเป็นหมื่นเท่า” สวีเหยาพูดด้วยท่าทีเรียบเฉย
“ผมขอพูดอีกรอบ…เธอชื่อหลิงเย่ว์ ไม่ได้ชื่อนังสารเลว…” ซิงเฉินพูดกดเสียงต่ำ
ตอนนี้หลินเยียนมองเห็นร่างกายซิงเฉินกำลังสั่นเทิ้มเบาๆ คล้ายอดทนจนถึงขีดสุดแล้ว
หลินเยียนเชื่อว่าผู้หญิงที่ชื่อหลิงเย่ว์คนนั้นจะต้องสำคัญกับซิงเฉินมากแน่ สำคัญจนถึงขั้นผู้ชายคนนี้สามารถละทิ้งทุกสิ่งเพื่อเธอได้
ก่อนหน้านี้ซิงเฉินอาจต้านทานการที่คนอื่นใช้หลิงเย่ว์เป็นเบี้ยต่อรอง ไม่ยอมทรยศเผยอวี้เฉิงได้ แต่เมื่อคนพวกนี้เข้ามาผสมโรงด้วย เกรงว่าคงไม่แน่แล้ว
“พี่อวี้ ซิงเฉินคนนี้ถืว่าเป็นคนเก่าแก่ของตระกูลเผยแล้ว แต่พี่อวี้ดูสิ สิ่งที่เขาทำในตอนนี้เป็นสิ่งที่คนเก่าแก่ควรจะทำอย่างงั้นเหรอ? ถ้าให้คุณหนูหรงรู้เข้า เกรงว่าซิงเฉินคงไม่มีจุดจบที่ดีแน่เลยค่ะ” สวีเหยาพูดพร้อมมองเผยอวี้เฉิง
“พวกพี่อย่ามาพูดจาใส่ไฟอยู่ที่นี่เลย ผมไม่ได้มีเจตนาลบหลู่คุณหนูหรง” ซิงเฉินรีบเอ่ยขึ้นมา
“เหอะ งั้นนายหมายความว่ายังไง เพื่อนังสารเลวคนนั้นแค่นั้นเองเหรอ?” สวีเหยาเยาะเย้ย “ซิงเฉิน นายช่างเป็นพวกมั่นคงในรักซะจริงนะ เพียงแต่ขอบอกความลับนายอย่างหนึ่งนะ ก่อนหน้านี้ฉันเคยได้ยินว่านังสารเลวนั่นยั่วยวนผู้ชายคนอื่นไปทั่ว อ้อ จริงสิ มันยังเคยไปยั่วยวนเขาด้วยนะ”
สวีเหยาชี้ไปยังชายหนุ่มที่อยู่ด้านข้าง
ขณะนี้หลินเยียนอดห่วงแทนซิงเฉินไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าคนพวกนี้จงใจยั่วโมโหซิงเฉินอยู่…
ตอนที่ 698 พอจะเห็นแก่หน้าฉันสักหน่อยได้หรือเปล่า
ด้วยสถานะของหลินเยียนในตอนนี้กลับทำอะไรไม่ได้เช่นเดียวกัน ซิงเฉินซึ่งกำลังถูกเพลิงโทสะแผดเผาอยู่นั้น ต่อให้หลินเยียนส่งข้อความเตือนสติเขา ซิงเฉินก็คงไม่สังเกตเห็น
ซิงเฉินในตอนนี้ถูกผู้หญิงที่ชื่อสวีเหยาคนนี้จูงจมูกไปแล้ว
หากเป็นสถานการณ์โดยทั่วไป ซิงเฉินคนนี้ยังค่อนข้างเยือกเย็น มีความฉลาดหัวไว้อย่างยิ่ง แต่น่าเสียดายที่พอเกี่ยวพันถึงหลิงเย่ว์ เขากลับไร้สมองไปเสียแล้ว
“เหอะ ซิงเฉิน สวีเหยาพูดไม่ผิดเลยสักนิด ก่อนหน้านี้นังสารเลวนั่นเคยมายั่วยวนฉัน แน่นอนว่า ฉันน่ะนะก็เป็นผู้ชาย ไม่ได้ปฏิเสธ… หลังจากนั้น นายแน่ใจนะว่าอยากจะให้ฉันพูดต่อไป แน่นอนว่าถ้านายไม่ถือสาน่ะ” ชายหนุ่มมองซิงเฉิน พูดพร้อมหัวเราะเบาๆ
“แกอยากตายงั้นเหรอ!”
เมื่อชายหนุ่มพูดจบ ซิงเฉินก็ทนต่อไปไม่ไหว ออร่าที่เหมือนสัตว์ป่าระเบิดออกมาโดยพลัน เปลี่ยนเป็นกรงเล็บ จิกลำคอชายหนุ่มทันที
อย่างไรก็ตามภายในเวลาประกายไฟปะทุนี้เอง หลินเยียนที่เงียบงันและไม่ได้ขยับเขยื้อนมาตลอดกลับก้าวไปข้างหน้า คว้าจับแขนของซิงเฉินทันที
เมื่อเห็นเช่นนั้นสายตาของชายหนุ่มหญิงสาวทั้งหลายพลันไปอยู่ที่ร่างของหลินเยียนที่พวกเขาแทบจะลืมเลือนไปแล้ว
“คุณหลิน…” ซิงเฉินมองหลินเยียนด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย
หลินเยียนใบหน้าเย็นชา ถึงกระนั้นก็เก็บความรู้สึกกลับไปอย่างรวดเร็ว มุมปากประดับรอยยิ้ม “ซิงเฉิน นายออกจะกระตือรือร้นเกินไปแล้วนะ ต่อให้อยากจะแลกเปลี่ยนฝีมือกัน นั่นก็ต้องรอโอกาสก่อนไม่ใช่หรือไง”
“แลกเปลี่ยนฝีมือ? คุณผู้หญิงคนนี้ ท่าทางของเขาไม่เหมือนกำลังจะแลกเปลี่ยนฝีมือกับใครนะ ฉันว่าเขาอยากแลกชีวิตมากกว่ารึเปล่า” สวีเหยาเหลือบมองหลินเยียนแวบหนึ่ง
เมื่อหลินเยียนได้ยินจึงมองสวีเหยา “งั้นก็น่าแปลกนะ ซิงเฉินไม่มีความแค้นกับพวกเธอ อยู่ดีไม่ว่าดี ถ้าไม่มีคนกระตุ้นเขา ถ้าไม่มีคนจงใจยั่วโทสะเขา แล้วเขาจะไปแลกชีวิตกับใครทำไมกัน”
“เธอ…!”
สวีเหยามองหลินเยียน ขมวดหัวคิ้วเล็กน้อย
เธอประเมินผู้หญิงคนนี้ต่ำไปแล้วจริงๆ
“คุณหลิน ถ้ามีเรื่องอะไร ผมจะแบกรับไว้เอง คุณไม่ต้องสนใจผม พวกเขาดูถูกเพื่อนผมขนาดนี้ ผมทนไม่ไหวแล้วจริงๆ” ซิงเฉินยังคงเดือดดาลอยู่
เมื่อเห็นเช่นนั้นหลินเยียนก็อดแอบถอนใจไม่ได้ ช่างเป็นเจ้าทึ่มที่ถูกอารมณ์ควบคุมได้ง่ายสุดๆ
หลินเยียนสัมผัสได้ว่าตอนนี้ซิงเฉินกำลังจะสูญเสียการควบคุมแล้ว ถึงตอนนี้ถ้าเธอเข้าขัดขวาง เขาจะไม่อัดเธอไปด้วยงั้นเหรอ…?
มิหนำซ้ำหลินเยียนยังรู้อีกว่าจนถึงตอนนี้เกรงว่าเรื่องนี้คงไม่อาจแก้ไขได้อีกแล้ว
ถ้าหากเรื่องของหลิงเย่ว์ยังไม่คืบหน้า เช่นนั้นก็จะเหลือผลลัพธ์แค่สองทางเท่านั้น
ทางแรก ซิงเฉินจะลงมือลงไม้ตรงนี้อย่างใหญ่โต เมื่อมีคุณหนูหรงคนนั้นกดดันอยู่ข้างบน เกรงว่าซิงเฉินคงไม่ได้มีจุดจบที่ดีอะไรแน่
ทางที่สอง ซิงเฉิน…จะทรยศเผยอวี้เฉิงอย่างแน่นอน!
ถึงแม้สติจะบอกหลินเยียนว่าเธอในตอนนี้ควรนั่งดูโดยไม่ต้องเข้าไปยุ่มย่าม ทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่…ทำไม่ได้จริงๆ อย่างไรเสียซิงเฉินก็ดูแลเธอค่อนข้างดี และไม่เคยเห็นเธอเป็นคนนอกเลย
หลินเยียนถลึงตาใส่ซิงเฉินอย่างดุดันทันที “สมองเพี้ยนไปแล้วหรือไง จะรีบร้อนทำไม ลืมเรื่องที่ฉันรับปากนายไปตั้งแต่แรกแล้วหรือไง นี่ฉันไม่ได้มาทำให้สิ่งที่เคยสัญญาไว้เป็นจริงรึไง?”
ตอนนี้หลินเยียนถูกบีบให้ต้องลงมือทำแล้วจริงๆ ขึ้นขี่หลังเสือแล้วก็ลงได้ยาก คงได้แต่ฝืนหน้าด้านทำต่อไปเท่านั้นเอง
ซิงเฉินมองหลินเยียน ดวงตาซึ่งเต็มไปด้วยโทสะปรากฏความประหลาดใจฉายวาบขึ้นมา ทีแรกเป็นเพราะเขาหมดหนทาง ถึงเห็นหลินเยียนเป็นฟางเส้นสุดท้าย แต่…เขารู้เช่นกันว่าหลินเยียนไม่ได้ติดค้างอะไรเขา และไม่มีทางช่วยเขาแน่นอน
หลินเยียนปล่อยมือซิงเฉิน หมุนกายแล้วเดินไปหาเผยอวี้เฉิง สีหน้าเต็มไปด้วยความจริงจัง โดยไม่ปล่อยโอกาสให้ซิงเฉินพูดต่อไป “อะแฮ่ม คือว่า ขอคุยด้วยหน่อยนะคะ…ฉันอยากถามว่า พอจะเห็นแก่หน้าฉันสักหน่อยได้หรือเปล่าคะ…”