ลืมรักเลือนใจ - ตอนที่ 91 เธอมีแฟนคลับ? / ตอนที่ 92 ความหมายของอาชีพนักแสดง
ลืมรักเลือนใจ – ตอนที่ 91 เธอมีแฟนคลับ? / ตอนที่ 92 ความหมายของอาชีพนักแสดง
ตอนที่ 91 เธอมีแฟนคลับ?
‘ดอกไม้ไฟจิ๋ว’ [เยียนเยียน พยายามเข้านะ! ฉันเป็นกำลังใจให้! ฉันเชื่อว่าคุณเก่งที่สุดเลย!]
หลินเยียนกะพริบตาถี่ๆ อย่างประหลาดใจ
คนนี้เป็นแอนตี้แฟนด้วยหรือเปล่านะ?
แอนตี้แฟนบางคนที่ฉลาดพออาจแกล้งทำตัวเป็นแฟนคลับ แต่ลึกๆ แล้วคนพวกนี้น่ากลัวและเจ้าเล่ห์กว่าแอนตี้แฟนทั่วไปหลายเท่า จริงๆ แล้วนี่ถือเป็นกลเม็ดทั่วไปอย่างหนึ่งที่คนในวงการบันเทิงมักใช้กัน
แต่หลังจากที่หลินเยียนพินิจพิเคราะห์อยู่ครู่หนึ่ง เธอก็คิดว่าไม่ใช่
เพราะไม่มีเหตุผลที่ต้องแกล้งทำตัวเป็นแฟนคลับในเมื่อมีแต่คนรังเกียจหลินเยียนขนาดนี้
นอกจากนี้ เนื้อหาในข้อความก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้เขียนโดยแอนตี้แฟน เพราะโดยปกติแล้วพวกเขามักชื่นชมศิลปินคนหนึ่งในขณะที่ด่าทอศิลปินอีกคนไปพร้อมๆ กัน ซึ่งวิธีนี้จะทำให้แฟนคลับของศิลปินอื่นหันมาเล่นงานเธอได้
แต่ถึงอย่างนั้น คำถามก็คือ…หลินเยียนเนี่ยนะ…มีแฟนคลับ?
ในช่วงแรก แม้ว่าทักษะการแสดงของหลินเยียนจะไม่ดีนักแต่เธอก็ยังมีแฟนคลับที่คอยสนับสนุนเพราะหน้าตา แต่จำนวนแฟนๆ ของเธอก็ลดลงอย่างมากเมื่อเวลาผ่านไป ซึ่งสาเหตุมาจากการแต่งหน้าสุดสยอง ท่าทีไร้ชีวิตชีวา และบุคลิกที่น่าเบื่อของเธอ ซ้ำร้าย พวกแอนตี้แฟนยังรวมกลุ่มกันโจมตีเธออีกด้วย
ด้วยเหตุนี้ หลินเยียนจึงตกใจมากเมื่อได้เห็นแฟนคลับปรากฏตัวอย่างกะทันหันเช่นนี้
หลินเยียนตัดสินใจกดเข้าไปดูเว่ยป๋อของแฟนคลับคนนี้ด้วยความสงสัย และเธอก็พบว่าเขาโพสต์บทความเกี่ยวกับหลินเยียนและพยายามปกป้องเธอมาตลอด
คนคนนี้เป็นแฟนคลับจริงๆ เหรอ?
หลินเยียนเลื่อนลงมาอ่านโพสต์หนึ่งที่ลงวันที่เมื่อนานมาแล้ว นิ้วของเธอหยุดชะงัก
‘ดอกไม้ไฟจิ๋ว’ [ฉันรู้ว่าฉันต้องโดนด่าแน่ๆ แต่ฉันทนไม่ไหวแล้ว! ฉันต้องพูดมันออกมาเสียที ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันคือแฟนคลับของหลินเยียน! ใช่แล้ว หลินเยียนที่ทุกคนรู้จักกันนั่นแหละ! เธอคือเทพธิดาที่แสนงดงามและโอบอ้อมอารี!
เมื่อไม่กี่วันก่อน ฉันไปคอนเสิร์ตของเว่ยสวีเฟิงมา คนเยอะมากจนเบียดฉันล้มลง และในตอนนั้นเองก็มีหญิงสาวใจดียื่นมือช่วยเหลือจนพาฉันออกมาได้อย่างปลอดภัย! ถ้าเธอไม่ช่วยฉัน ฉันต้องโดนคนเป็นร้อยเหยียบตายแน่ๆ!
แล้วพวกคุณรู้ไหมว่าคนคนนั้นคือใคร หลินเยียนไง! ยัยแพศยาที่มีข่าวฉาวนับครั้งไม่ถ้วน! หลินเยียนคนนั้นแหละ!
ในชีวิตจริง เธอเป็นคนดีมาก! เธอใช้ตัวเองเป็นโล่เพื่อพาฉันออกมาจากคอนเสิร์ต เธอซื้อชุดทำแผลมาให้ฉันแล้วหายไปก่อนที่ฉันจะได้พูดขอบคุณเสียอีก เป็นเพราะผู้ช่วยของเธอแท้ๆ ที่ทั้งน่ารำคาญแล้วก็เอาแต่เร่งให้เธอรีบไปโดยไม่ต้องช่วยฉัน!
แล้วอีกอย่าง! เธอสวยมากโดยไม่ต้องพึ่งเครื่องสำอาง! เธอสวยจนฉันตะลึงไปเลย! เสียดายที่ฉันไม่ได้ถ่ายรูปไว้!]
‘ดอกไม้ไฟจิ๋ว’ มีผู้ติดตามไม่มากนัก จึงมีข้อความเพียงหยิบมือเดียวที่แสดงความคิดเห็นในเชิงตั้งคำถามกับเธอ
‘สายลมอ่อนๆ แสนสดชื่น’ [แหม แต่งเรื่องเก่ง! สงสัยจะเป็นพวกแฟนคลับจอมปลอม!]
‘ที่รักของเว่ยสวีเฟิง’ [ขี้โม้!]
‘หลินเยียน ออกจากวงการบันเทิงไปซะ’ [ตลกอะ หลินเยียนเนี่ยนะสวยและใจดี? นี่ได้ค่าจ้างมาเท่าไหร่อะบอกหน่อย!]
‘ดอกไม้ไฟจิ๋ว’ [ตอนแรกฉันก็คิดว่าเธอแค่ใช้มารยาหรือเปล่า ถ้าใช่ ตรงนั้นต้องมีกล้องคอยเก็บภาพเธอไว้แน่ๆ แต่ปรากฏว่าไม่มีข่าวเกี่ยวกับเธอเลย ฉันถึงได้มั่นใจว่าเธอไม่ได้เสแสร้งเป็นคนดี!
ฉันคิดว่าเราไม่ควรตัดสินคนจากภายนอกนะ ตัวจริงของเธอทั้งเป็นคนใจดีและชอบช่วยเหลือคนอื่น และฉันเชื่อว่าข่าวลือเสียๆ หายๆ ที่เกี่ยวกับเธอน่ะไม่เป็นความจริงเลย!]
‘ดอกไม้ไฟจิ๋ว’ พยายามอธิบายต่อแต่ไม่มีใครรับฟัง ซ้ำร้ายยังพากันประชดประชันเธออีกด้วย
หลินเยียนจำเหตุการณ์วันนั้นได้
เธอชอบเพลงของสวีเฟิง หลินซูหย่าจึงขอให้ผู้ช่วยหาตั๋วคอนเสิร์ตให้กับเธอเพราะอยากให้พี่สาวได้สนุกสนานและผ่อนคลายบ้าง หลินเยียนจึงไปคอนเสิร์ตโดยไม่ได้คิดมาก
ในวันถัดมา หลินซูหย่าโพสต์บนเว่ยป๋อว่าหลินเยียนไปเที่ยวที่คอนเสิร์ตของเว่ยสวีเฟิง อาจดูเหมือนเป็นเรื่องทั่วไปแต่ไม่ใช่สำหรับหลินเยียนที่มักตกเป็นเป้าของข่าวอื้อฉาวและการโต้เถียง ท้ายที่สุดจึงไม่มีใครเชื่อว่าเธอไปคอนเสิร์ตโดยไม่มีแรงจูงใจอื่นแอบแฝงอยู่
ตอนที่ 92 ความหมายของอาชีพนักแสดง
ในเวลานั้น หลินเยียนยังไม่รู้ว่าหลินซูหย่าแอบติดต่อและติดสินบนนักข่าวจำนวนหนึ่งให้นั่งเทียนเขียนข่าวเกี่ยวกับเธอ ดังนั้น หลินเยียนจึงไม่ได้ใส่ใจโพสต์ธรรมดาๆ ที่เกี่ยวกับคอนเสิร์ตบนเว่ยป๋อของตัวเองเลย
ถ้าเธอไม่ได้เห็นโพสต์เว่ยป๋อโพสต์นี้ เธอคงลืมไปแล้วว่าเคยช่วยคนคนหนึ่งเอาไว้…
หลินเยียนรู้สึกแปลกๆ อย่างอธิบายไม่ถูกเมื่อได้อ่านความคิดเห็นของแฟนคนนี้ที่พยายามแก้ต่างให้กับเธอ
ความรู้สึกเมื่อได้ถูกปกป้องเป็นแบบนี้นี่เอง…
เธอไม่ได้อยู่ลำพังอีกต่อไป ยังมีคนพยายามปกป้องเธออยู่…
ที่ผ่านมา หลินเยียนไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับอาชีพที่เธอกำลังทำมากนัก เธอเลือกเข้าสู่วงการบันเทิงเพราะหันอี้เซวียน และถึงแม้ว่าเธอจะเป็นคนตัดสินใจเลือกอาชีพนี้เอง แต่เหตุผลหลักก็เป็นเพราะเรื่องเงินเท่านั้น
แต่จู่ๆ หลินเยียนก็ได้เข้าใจความหมายของอาชีพนักแสดงขึ้นมาในฉับพลันทันที
…
หลินเยียนโทรหาวังจิ่งหยางเพื่อขอให้เขาซื้อข้าวของเครื่องใช้และอาหารให้เธอก่อนจะขังตัวเองไว้ในบ้าน
กลางดึกคืนนั้น หลินเยียนเพียรฝึกซ้อมการแสดงครั้งแล้วครั้งเล่า
เธอไม่เคยเข้าเรียนในโรงเรียนการแสดงและไม่เคยฝึกฝนอย่างมืออาชีพมาก่อน ที่เธอพอจะทำได้คือต้องพึ่งตัวเองเพื่อค่อยๆ พิชิตความท้าทายใหม่ที่ไม่คุ้นเคย…
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปไวเหมือนโกหก หลินเยียนท่องจำเนื้อหาในหนังสือสอนเทคนิคการแสดงและดูภาพยนตร์มากมายเพื่อศึกษา และเธอพยายามแสดงโดยลอกเลียนแบบตัวละครตามที่เห็น
สำหรับมือใหม่ด้านการแสดงแล้ว สิ่งที่ยากที่สุดคือการเป็นธรรมชาติเมื่ออยู่หน้ากล้อง เพราะท่าทางที่กระอักกระอ่วนหรือแปลกประหลาดจะถูกขยายให้ใหญ่กว่าเดิมอีกเป็นร้อยเท่าเมื่ออยู่บนหน้าจอ
โชคดีที่หลินเยียนมีประสบการณ์จากการแข่งรถระดับมืออาชีพในการแข่งสำคัญๆ มามากมายตั้งแต่อายุเพียง 18 ปี ดังนั้น เธอจึงมีจิตใจที่เข้มแข็งและสามารถขจัดสิ่งที่รบกวนจิตใจออกไปได้ไม่ยาก
ต่อให้มีดวงตานับพันคู่จับจ้องเธออยู่ หลินเยียนก็ยังสามารถรักษาความสงบเยือกเย็นไว้ได้ นี่ถือเป็นจุดแข็งของเธอเลย
ดังนั้น สิ่งที่เธอต้องทำในตอนนี้คือเชี่ยวชาญทักษะการแสดงและเทคนิคต่างๆ ให้ได้ แล้วจึงค่อยทำความเข้าใจพื้นฐานของบทที่เธอได้รับ
หลินเยียนพอจะเข้าใจพื้นฐานของทักษะและเทคนิคการแสดงบ้างแล้ว ส่วนเรื่องบทของเธอ หลินเยียนได้ศึกษาวิดีโอที่เผยอวี่ถังส่งมาให้และพยายามวิเคราะห์ท่าทางและสีหน้าทั้งหมดของเผยอวี้เฉิง รวมถึงน้ำเสียงของเขาด้วย
หากเธอสามารถเลียนแบบพลังกดดันเหมือนของเผยอวี้เฉิงได้เพียงเล็กน้อย การดึงบทบาทประธานสาวจอมบงการก็อาจจะไม่ยากเท่าไรนัก
หลินเยียนจ้องมองกระจกแล้วพยายามฝึกเปลี่ยนการแสดงแววตาซ้ำไปซ้ำมาจนรู้สึกเหมือนจะเป็นบ้าให้ได้
“โอย…เหนื่อย! ขอพักสักแป๊บ…” หลินเยียนทรุดลงบนโต๊ะเครื่องแป้งพลางโหยหวน
บทประธานหญิงจอมบงการไม่ใช่บทง่ายๆ ที่ใครก็แสดงได้ ถ้าหลินเยียนทำให้เป็นธรรมชาติไม่ได้ เธอจะดูเหมือนคนงี่เง่าหรือคนซื่อบื้อได้ง่ายๆ เลยทีเดียว
หลินเยียนถอนหายใจก่อนคิดบางอย่างขึ้นมาได้ ความคิดนั้นทำให้เธอตัวแข็งทื่อ
เธอเพิ่งรู้ตัวว่า…นับตั้งแต่วันที่เธอพบกับเผยอวี้เฉิงที่คฤหาสน์จนถึงวันนี้ก็เป็นเวลาสัปดาห์หนึ่งแล้ว! และเขาไม่ได้ติดต่อเธอเลย
หลินเยียนวุ่นวายอยู่กับเรื่องอื่นและใช้สมาธิกับอย่างอื่นตลอดเวลาจึงอาจจะหลงลืมโลกภายนอกไปบ้าง แต่การลืมของเธอคราวนี้คือการทุ่มเทเพื่อฝึกฝนทักษะการแสดงจนลืมแฟนหนุ่มของตัวเอง
ซวยละ! นี่เธอลืมเรื่องระเบิดเวลาไปเสียสนิทได้ยังไง
ไม่รู้ว่าเผยอวี้เฉิงจะเป็นยังไงบ้าง
แม้ว่าหลินเยียนจะเป็นหญิงเหล็กผู้อ่อนประสบการณ์ด้านความรักแต่เธอก็เคยคบหากับชายหนุ่มมาบ้างแล้ว ดังนั้น ถ้านี่เป็นการคบหากันจริงๆ ทำไมต่างฝ่ายต่างไม่ติดต่อถึงกันเลย มันดูประหลาดเกินไปหรือเปล่า
หรือว่าเผยอวี้เฉิงเองก็ลืมทุกอย่างไปแล้วเหมือนกับเธอ