ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 1001 เข็มในก้นบึ้งหัวใจหญิงสาว
ซ่างกวนหยวนกระตุกมุมปากยิ้มเยาะตัวเอง
ทั้งที่รู้ว่านอกจากเจียงสื้อสื้อแล้วจิ้นเฟิงเฉินก็ไม่สนหญิงอื่นอีก แต่ตนยังดันทุรังหาเรื่องให้ตัวเองอับอาย
เก็บรวบรวมความผิดหวังในระยะเวลาอันสั้น ก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าไปในอาคารฟางซื่อ
ฟางยู่เชินได้รับโทรศัพท์จากผู้ช่วย บอกว่าซ่างกวนหยวนมา จึงลุกขึ้นยืนทันทีและรีบร้อนออกจากออฟฟิศไป
“ท่านประธานมีเรื่องอะไรจะสั่งเหรอครับ” ส้งหยาวเห็นเขาออกมา จึงรีบลุกขึ้นสอบถาม
“ช่วยเตรียมลาเต้ให้ผมสองแก้ว ทั้งหมดไม่ต้องใส่น้ำตาล”
ฟางยู่เชินบอกไปพลางเดินไปที่ลิฟต์
เมื่อเห็นดังนั้นส้งหยาวก็ตระหนักได้ว่าฟางยู่เชินกำลังทำอะไร อดไม่ได้ที่จะแอบยิ้ม ดูเหมือนว่าท่านประธานจะตื่นเต้นมากจริงๆ
“ติ๊ง——!”
ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออก ซ่างกวนหยวนเห็นฟางยู่เชินอยู่ข้างนอกก็พลันชะงักไปครู่หนึ่ง แต่ไม่นานก็กลับมาเป็นปกติ
“ทำไมคุณมาอยู่ตรงนี้คะ” เธอถามขณะที่เดินออกไป
“คุณเป็นแขกผู้มีเกียรติ ผมต้องมาต้อนรับด้วยตัวเอง”
ฟางยู่เชินมองเธอด้วยรอยยิ้มบางอ่อนโยน กึ่งจริงจังกึ่งล้อเล่น
ซ่างกวนหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอไม่ได้เกลียดเขา แต่ไม่ชอบเขาที่เป็นแบบนี้ มันทำให้เธอรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก
ฟางยู่เชินที่เฉลียวฉลาดสัมผัสได้ทันทีว่าเธอรู้สึกไม่ดี จึงรีบอธิบายว่า “คุณอย่าคิดมาก ผมแค่อยากออกมาต้อนรับเฉยๆ เท่านั้นไม่มีอะไรครับ ใครให้คุณเป็นเพื่อนของผมล่ะ”
เขาไม่ต้องการทำให้เธอตีตัวออกห่างเพราะการกระทำหนึ่งของเขา
ทันทีที่เขาพูดอย่างนั้น ซ่างกวนหยวนก็เพิ่งรู้ตัวว่าดูเหมือนตัวเธอจะระมัดระวังตัวมากเกินไป จึงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันไม่ได้คิดมากค่ะ”
“งั้นก็ดีครับ” ฟางยู่เชินผ่อนลมหายใจโล่งอก “เราไปคุยกันที่ออฟฟิศเถอะ”
ส้งหยาวนำกาแฟที่เตรียมเรียบร้อยไปให้ในออฟฟิศแล้ว
“ลาเต้ไม่ใส่น้ำตาลที่คุณชอบครับ” ฟางยู่เชินหยิบแก้วหนึ่งยื่นส่งให้ซ่างกวนหยวน
ซ่างกวนหยวนรับมาจิบเบาๆ ก่อนจะเลื่อนสายตาขึ้นมองเขา “ไม่เลวเลยค่ะ ฉันชอบ”
ฟางยู่เชินยิ้ม “คุณชอบก็ดีแล้วครับ”
จากนั้นซ่างกวนหยวนก็เอาเอกสารที่นำมาด้วยยื่นให้เขา “นี่เป็นแผนการดำเนินงานของบริษัทค่ะ อย่างช้าที่สุดจะเริ่มโปรโมตในสัปดาห์หน้า คุณลองดูสิคะว่ามีปัญหาตรงไหนไหม”
ฟางยู่เชินรับมาวางไว้ข้างๆ “ผมเชื่อในตัวคุณครับ”
ซ่างกวนหยวนขมวดคิ้ว “เพราะงั้นคุณเลยไม่ดูเหรอคะ”
“ไม่ดูครับ”
ฟางยู่เชินแค่อยากแสดงให้เห็นว่าตัวเองเชื่อใจเธอ แต่ไม่ได้คาดไว้ว่าที่ตัวเขาทำแบบนี้กลับเป็นการไปทำให้เธอไม่ชอบใจ
ซ่างกวนหยวนเม้มริมฝีปากแน่น ครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะถามว่า “คุณไม่คิดเหรอว่าการทำแบบนี้มันขาดความรับผิดชอบ”
“หืม?” ฟางยู่เชินชะงักไป
ซ่างกวนหยวนสูดหายใจเข้าลึก “คุณบอกว่าคุณเชื่อในตัวฉัน ดังนั้นจึงไม่ดูแผนงาน คุณคิดว่าคุณทำแบบนี้แล้วฉันจะดีใจงั้นเหรอคะ”
“ผม…”
ฟางยู่เชินตระหนักได้แล้วว่ามีบางอย่างผิดปกติ ร้อนใจอยากอธิบาย
แต่ซ่างกวนหยวนไม่ให้โอกาสเขา ขัดจังหวะทันที “ฉันขอบอกคุณนะคะ ฉันไม่ดีใจสักนิด กลับกันฉันรู้สึกว่าคุณดูถูกฉัน”
“ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้นนะครับ” ฟางยู่เชินไม่รู้ว่าควรจะอธิบายอย่างไร เขารีบหยิบแผนงานขึ้นมาแล้วบอกว่า “ผมจะดู ผมจะดูให้ละเอียดเลยครับ”
ซ่างกวนหยวนอยากจะคว้าแผนงานคืนมา แต่ยังคงอดกลั้นไว้
“ฉันหวังว่าต่อไปในอนาคตคุณจะไม่ทำแบบนี้อีก เราแค่ทำงานร่วมกัน แม้ว่าคุณจะเชื่อใจฉันขนาดไหน ก็ไม่ควรเอาทั้งบริษัทมาโยนให้ฉันรับผิดชอบ ไม่กลัวว่าฉันจะเล่นไม่ซื่อเหรอคะ”
“คุณจะไม่ทำแบบนั้นหรอกครับ” ซ่างกวนหยวนเลื่อนสายตาขึ้นมองเธอ “ผมเชื่อในตัวคุณจริงๆ เหมือนกับที่ประธานจิ้นเชื่อในตัวผม”
“ฉันรู้แล้วค่ะ คุณดูเถอะ”
ทันทีที่พูดถึงจิ้นเฟิงเฉิน ซ่างกวนหยวนก็พลันรู้สึกแย่ ไม่อยากคุยเรื่องนี้กับเขาอีก
เธอดูอารมณ์เสียมาก
ฟางยู่เชินแอบถอนหายใจ ดูเหมือนว่าตัวเองจะทำพังอีกแล้ว
เขาอยากจะตีตัวเอง ชอบทำอะไรไปโดยไม่ผ่านสมองเป็นประจำเลย
ถึงแม้ว่าซ่างกวนหยวนจะอารมณ์ไม่ดี แต่ยังคงแสดงทัศนคติอย่างมืออาชีพ หารือเกี่ยวกับแผนการดำเนินงานของบริษัทใหม่กับฟางยู่เชินอย่างเป็นปกติ
ตอนที่เธอกลับไป ได้ปฏิเสธความตั้งใจของฟางยู่เชินที่อยากไปส่งเธอ
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันขับรถมาเอง”
ฟางยู่เชินไม่กล้าเซ้าซี้ ได้แต่ลงไปส่งเธอข้างล่าง มองดูเธอค่อยๆ ขับรถจากไปจนกระทั่งไม่เห็นแม้เงา
เขาถอนใจหนัก ช่างเป็นเข็มในก้นบึ้งหัวใจของหญิงสาวจริงๆ
……
ขณะนี้ เจียงสื้อสื้อกำลังเดินเล่นเป็นเพื่อนแม่ตัวเองในสวนใต้ตึกผู้ป่วยใน
“คุณแม่คะ เราไปนั่งตรงนั้นกันเถอะค่ะ” เจียงสื้อสื้อบอกพลางชี้ไปทางม้านั่งที่อยู่ไม่ไกล
ฟางเสว่มั่นพยักหน้า “จ้ะ”
เจียงสื้อสื้อประคองเธอไปนั่งลง มองไปรอบๆ มีคนไข้เดินไปเดินมาอยู่ไม่น้อย เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกบางอย่าง “ถ้าที่นี่ไม่ใช่โรงพยาบาลก็จะดีมากเลยนะคะ การที่ได้เดินเล่นเยอะๆ แบบนี้มันจะทำให้พวกเขารู้สึกสดชื่นสบายใจ”
“มันก็แค่ชั่วคราว เมื่ออาการเจ็บป่วยดีขึ้น โดยธรรมชาติแล้วก็สามารถออกจากโรงพยาบาลได้” ฟางเสว่มั่นอ่อนใจกับอารมณ์ที่เปลี่ยนมารู้สึกหดหู่กะทันหันของเธอ
เจียงสื้อสื้อเลิกคิ้ว “โอ้ก็จริงนะคะ”
จู่ๆ เธอก็คิดเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ “ถ้าคุณตาฟื้นแล้ว หายดีแล้ว คุณแม่จะกลับบ้านไปกับท่านไหมคะ”
ฟางเสว่มั่นยิ้มขมขื่นครู่หนึ่ง “ฉันยังไม่รู้เลยว่าคุณตาของแกท่านจะยกโทษให้ฉันหรือยัง เพราะงั้นจึงไม่กล้าคิดเรื่องนี้”
“คุณตาจะยกโทษให้คุณแม่แน่นอนค่ะ” เจียงสื้อสื้อไม่เข้าใจว่าทำไมเธอคิดแบบนั้น “คุณตาคิดถึงคุณมายี่สิบกว่าปีแล้วค่ะ ถ้าท่านตื่นขึ้นมาเห็นคุณ ต้องมีความสุขมากแน่นอนค่ะ”
“นั่นมันแค่สิ่งที่พวกแกคิด” ฟางเสว่มั่นเงยหน้าขึ้นมองไปในระยะไกล “ฉันรู้จักคุณตาของแกดี ท่านเป็นคนดื้อรั้นมาก เป็นเรื่องยากมากที่จะให้อภัยใครง่ายๆ”
“คุณแม่คิดมากไปแล้วค่ะ ถึงคุณตาจะดื้อรั้นแค่ไหนก็เป็นพ่อแท้ๆ ของคุณนะคะ ท่านรักคุณค่ะ”
ในมุมมองของเจียงสื้อสื้อ ความรักสามารถแก้ปัญหาความเข้าใจผิดทั้งหมด
ฟางเสว่มั่นหันข้างไปมองเธอ “แกรู้ได้ยังไงว่าท่านรักฉัน”
“ก็ ก็ดูจากที่ยี่สิบกว่าปีมานี้เขาเอาแต่คิดถึงคุณไงคะ”
เจียงสื้อสื้อโอบไหล่ของเธอแล้วพูดต่อไป “ต่อให้เขาไม่ยกโทษให้คุณ คุณก็ต้องมีความกล้าพอไปขอให้เขายกโทษให้นะคะ”
ฟางเสว่มั่นจมอยู่ในความเงียบ
“คุณแม่คะ คุณต้องนึกถึงตอนคุณยายนะคะ ท่านจากไปอย่างเสียใจ จากไปโดยที่ไม่ได้พบหน้าคุณเลย”
ทันทีที่พูดถึงเรื่องนี้ ดวงตาของฟางเสว่มั่นก็แดงเรื่ออย่างช่วยไม่ได้
ใช่ ไม่เพียงแต่ความเสียใจของแม่เธอ แต่เป็นความเสียใจที่หนักหนาสาหัสของเธอไปตลอดชีวิต
“คุณแม่คะ อะไรที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป สิ่งที่เราต้องหวงแหนรักษาไว้คือปัจจุบันค่ะ”
เจียงสื้อสื้อช่วยเช็ดน้ำตาให้เธอด้วยความปวดใจ “คุณตาคิดถึงคุณมากจริงๆ นะคะ และก็รักคุณมากด้วยค่ะ”
ฟางเสว่มั่นอดยิ้มไม่ได้ “แต่ไหนแต่ไรมาคุณตาของแกเป็นคนที่ไม่เคยเปิดเผยความรู้สึก แกเพิ่งเจอเขาไม่กี่ครั้ง ทำไมถึงมั่นใจขนาดนี้”
“เพราะท่านเป็นคุณตาของฉัน เป็นคุณพ่อของคุณ สายเลือดเดียวกัน เพราะฉะนั้นฉันจึงเข้าใจคุณตาค่ะ”
“ลูกคนนี้…”
ฟางเสว่มั่นหัวเราะพลางส่ายหน้า
“งั้นถ้าถึงเวลานั้นคุณจะกลับบ้านใช่ไหมคะ” เจียงสื้อสื้อถามย้ำอีกครั้ง
เธออยากรู้ความคิดและความตั้งใจของแม่ตัวเอง
ฟางเสว่มั่นทอดถอนใจ “ตราบใดที่คุณตาของแกยินดีให้ฉันกลับไป ฉันก็จะกลับ”
สุดท้ายแล้ว ใจเธอก็ยังอยากกลับไปตระกูลฟาง
เพราะถึงอย่างไรท้ายที่สุดแล้วนั่นก็เป็นบ้านของเธอ
เจียงสื้อสื้อยิ้ม “เรื่องนี้คุณวางใจเถอะค่ะ คุณปู่จะต้องยินดีแน่นอน”
ฟางเสว่มั่นยิ้มพลางตบๆ มือของเธอ “อืม ฉันเชื่อแก”