ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 1003 ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้
เห็นฟางเถิงวิตกกังวล จิ้นเฟิงเฉินจึงให้คำแนะนำว่า “คุณน้าชายเล็กต้องเชื่อในตัวยู่เชินนะครับ เขามีความสามารถในการแก้ปัญหาทุกเรื่องให้เรียบร้อยได้ครับ”
“เขาเป็นลูกชายของฉัน แน่นอนว่าฉันเชื่อในตัวเขา เพียงแต่ฉันกลัว…”
ฟางเถิงถอนหายใจหนัก และไม่ได้มีการพูดต่ออีก
จิ้นเฟิงเฉินรู้ว่าเขาอยากพูดอะไร “ตอนนี้ที่ฟางอี้หมิงทำได้มีเพียงแค่รอ เขาไม่กล้าเคลื่อนไหวอะไรหรอกครับ”
ฟางเถิงพยักหน้า “งั้นก็ดี ฉันยังกลัวอยู่เลยว่าเขาจะทำร้ายยู่เชิน”
ที่จริงความกังวลของเขานั้นถูกต้อง
ด้วยนิสัยของฟางอี้หมิง ถ้าสุดท้ายแล้วเป้าหมายของเขาไม่ประสบความสำเร็จ เช่นนั้นเขาก็จะยอมเสี่ยงเพราะเข้าตาจนอย่างแน่นอน
เมื่อถึงเวลานั้นฟางยู่เชินก็จะมีอันตราย
“ผมจะส่งคนไปคอยคุ้มครองยู่เชินเองครับ” จิ้นเฟิงเฉินบอกเสียงต่ำ
ฟางเถิงมองเขาอย่างซาบซึ้ง “ขอบคุณเธอมากนะเฟิงเฉิน ถ้าไม่ได้เธอ ยู่เชินที่อยู่ท่ามกลางสถานการณ์วุ่นวายในฟางซื่อจะยิ่งลำบากกว่านี้แน่”
เพราะมีจิ้นกรุ๊ปคอยหนุนหลังอยู่ พวกกรรมการจึงไม่กล้าสร้างความลำบากให้ยู่เชินมากนัก
“สื้อสื้อบอกแล้วไงครับว่าครอบครัวเดียวกันไม่ต้องเกรงใจ”
คำพูดนี้ทำให้ฟางเถิงประทับใจมาก “ใช่แล้ว เป็นครอบครัวเดียวกัน เป็นครอบครัวเดียวกันนะ”
เจียงสื้อสื้อเห็นว่าพวกจิ้นเฟิงเฉินออกไปนานแล้วก็ยังไม่กลับมา จึงเดินออกมาด้วยความแปลกใจเพื่อจะไปดูว่าเกิดเรื่องอะไรหรือเปล่า
เธอเพิ่งออกมาจากห้องพักผู้ป่วย ก็เห็นฟางเถิงกับจิ้นเฟิงเฉินเดินมาทางนี้
“คุณน้าชายเล็ก”
รอจนกระทั่งอีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้ เธอก็ร้องเรียกอย่างน่ารัก
“ออกมาหาเฟิงเฉินเหรอ” ฟางเถิงยิ้มหยอกล้อ
เจียงสื้อสื้อยิ้มเขิน “ถูกคุณน้าชายเล็กมองออกซะแล้ว”
“งั้นฉันไม่กวนพวกเธอแล้ว”
มองดูฟางเถิงเดินเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยแล้ว เจียงสื้อสื้อถึงได้ถอนสายตากลับมาก่อนจะถามเขาเสียงเบาว่า “คุณกับคุณน้าชายเล็กคุยอะไรกันตั้งนานเลยคะ”
“คุณว่าไงล่ะ” เฟิงเฉินไม่ตอบ สีหน้าอ่อนโยน
เจียงสื้อสื้อครุ่นคิดครู่หนึ่ง “คุยเรื่องญาติผู้พี่ของฉันเหรอคะ”
จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้า
“จริงๆ ด้วย” เจียงสื้อสื้อถอนหายใจ “เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น คุณน้าชายเล็กต้องกังวลมากแน่ แต่ว่า…”
เธอเปลี่ยนน้ำเสียง มองเขาพลางยิ้มหวาน “มีคุณอยู่ ไม่มีอะไรต้องกังวลหรอกค่ะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น จิ้นเฟิงเฉินก็เลิกคิ้ว “ทำไมรู้สึกว่าคุณคิดว่าผมเหมือนซุปเปอร์แมน ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้”
เจียงสื้อสื้อดึงมือเขามาจับประสานนิ้ว คู่ดวงตาใสจ้องมองตรงไปยังเขา พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ในสายตาของฉัน คุณเป็นซุปเปอร์แมนที่เก่งกาจที่สุดเลยค่ะ”
จิ้นเฟิงเฉินยิ้ม ออกแรงข้อมือดึงเธอเข้ามากอดไว้ในอ้อมแขน
ที่จริงคำพูดของเจียงสื้อสื้อเหมือนคำพูดของเด็กน้อย แต่สำหรับเขา มันส่งผลมากจริงๆ
อย่างน้อยในใจของเธอ เขาเป็นซุปเปอร์แมนที่สามารถปกป้องเธอได้
……
ตกค่ำ เจียงสื้อสื้ออยากอยู่โรงพยาบาลเป็นเพื่อนแม่ ทว่าถูกปฏิเสธ
“ร่างกายแกยังไม่ค่อยดี ไม่ต้องอยู่เป็นเพื่อนฉันหรอก อีกอย่าง ฉันอยู่ที่นี่มีพยาบาลดูแล แกไม่ต้องห่วง”
ภายใต้การยืนกรานของแม่ เจียงสื้อสื้อกับจิ้นเฟิงเฉินจึงกลับไปที่บ้านใหญ่ตระกูลฟางอย่างเชื่อฟัง
ฟางยู่เชินยังไม่กลับมา หลายวันมานี้เขาออกไปแต่เช้ากว่าจะกลับก็ค่ำ มันทำให้ซ่างหยิงเจ็บปวดใจจนจะตายอยู่รอมร่อ
“ญาติผู้พี่ของเธอยุ่งมากจนไม่ได้อยู่บ้านเลย” ซ่างหยิงพูดกับเจียงสื้อสื้อพลางส่ายหน้าและทอดถอนใจ
เจียงสื้อสื้อไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไรดี ได้แต่ปลอบใจว่า “คุณน้าสะใภ้เล็กคะ เดี๋ยวรอญาติผู้พี่เสร็จงานยุ่งๆ นี่แล้ว ก็จะกลับบ้านตรงเวลาค่ะ”
“หวังว่าอย่างนั้นจ้ะ” ซ่างหยิงทอดถอนใจอีกครั้ง หลังจากนั้นจึงเปลี่ยนเรื่อง “อีกไม่กี่วันจะเป็นวันเกิดของน้าชายรองของเธอแล้ว อายุห้าสิบปีพอดี ทีแรกควรจะมีงานวันเกิด แต่เพราะคุณตาของเธอยังอยู่โรงพยาบาล พวกเขาจึงไม่หน้าหนาพอจะทำการใหญ่โต ดังนั้นจึงแค่ให้ครอบครัวทานข้าวด้วยกันเท่านั้น”
เจียงสื้อสื้อครุ่นคิด “ฉันต้องไปไหมคะ”
“หรือว่าเธอไม่ใช่คนตระกูลฟางล่ะจ๊ะ” ซ่างหญิงถามเธอกลับ
เจียงสื้อสื้อพูดไม่ออก
ซ่างหยิงรู้ว่าเธอไม่อยากไป แต่ยังตักเตือนว่า “ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นน้าชายรองของเธอ เธอฝืนใจไว้หน้าเขาหน่อยเถอะนะ”
เจียงสื้อสื้อขำคำพูดนี้ “ได้ค่ะ ฉันจะฝืนใจไปงานสักพักก็แล้วกัน”
ซ่างหยิงหัวเราะ “อย่าลืมซื้อของขวัญไปด้วยนะ”
“ค่ะ ฉันรู้แล้ว”
ถึงแม้จะไม่ชอบน้าชายรองของตระกูล แต่มารยาทที่ควรมีก็ยังต้องมี
เพียงแต่ครั้งนี้ไม่รู้ว่าต้องเจอฟางเย้นชิงหรือเปล่า นึกไปถึงครั้งก่อนเรื่องที่เขาคุกคามตัวเธอ
เจียงสื้อสื้อครุ่นคิด ก่อนจะค่อยๆ ยกยิ้ม ครั้งนี้เธอต้องสอนบทเรียนให้เขาถึงจะพอใจ
ซ่างหยิงเห็นเธอยิ้มโง่ๆ ออกมาโดยไม่รู้ตัว “สื้อสื้อ เธอคิดอะไรอยู่”
เจียงสื้อสื้อได้สติกลับมา เห็นสายตาที่สงสัยของเธอจึงรีบพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่มีอะไรค่ะ แค่คิดถึงเรื่องตลกนิดหน่อย”
“งั้นเหรอจ๊ะ” ซ่างหยิงไม่ได้สงสัยอะไรอีก “พรุ่งนี้เราไปช็อปปิ้งกัน แม้จะเป็นแค่การทานอาหารในครอบครัว แต่จะแต่งตัวแบบสบายๆ ไม่ได้นะ”
เจียงสื้อสื้อพยักหน้า “ได้ค่ะ”
สองคนพูดคุยกันอีกสักพัก ก่อนที่เจียงสื้อสื้อจะกลับไปที่ห้องพักของตัวเอง
จิ้นเฟิงเฉินนั่งอยู่ตรงหัวเตียง แล็ปท็อปวางอยู่ที่ต้นขา เหมือนกำลังเคลียร์งานอยู่
เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู มือที่กำลังเคลื่อนไหวก็พลันหยุดนิ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองทางประตู
เจียงสื้อสื้อเดินเข้าห้อง ทันทีที่เห็นชายหนุ่มนั่งอยู่ตรงหัวเตียงก็พลันยกยิ้ม “ยุ่งอยู่เหรอคะ”
“เคลียร์งานนิดหน่อย” จิ้นเฟิงเฉินปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์
เจียงสื้อสื้อหาวหวอดจนน้ำตาไหลซึม เธอเช็ดๆ มัน “งั้นคุณทำงานเถอะค่ะ ฉันไปอาบน้ำนะ”
มองดูเธอเข้าห้องน้ำไปแล้ว จิ้นเฟิงเฉินจึงเคลียร์งานที่ยังคั่งค้างอยู่เมื่อครู่ต่อ
เจียงสื้อสื้ออาบน้ำเสร็จแล้วออกมา จิ้นเฟิงเฉินก็เพิ่งเสร็จงานพอดี
เจียงสื้อสื้อเดินไปนั่งลงที่ขอบเตียงและพูดว่า “อีกไม่กี่วันจะวันเกิดน้าชายรอง ให้พวกเราไปทานอาหารด้วยกันค่ะ”
“วันเกิดเหรอ” จิ้นเฟิงเฉินหันหน้าไปมองเธอ
เจียงสื้อสื้อบึนปาก “เดิมทีเหมือนจะจัดงานใหญ่ แต่เมื่อพิจารณาแล้วว่าคุณตายังอยู่โรงพยาบาล จึงเปลี่ยนเป็นแค่งานเลี้ยงในครอบครัว”
“คุณจะไปเหรอ” จิ้นเฟิงเฉินถาม
“ฉันไม่ไปได้เหรอ” เจียงสื้อสื้อยักไหล่ พูดอย่างไม่มีทางเลือกอื่น “น้าสะใภ้เล็กบอกว่าฉันเป็นหลาน ถ้าไม่ไปมันไม่ดี”
เห็นได้ชัดว่าเธอไม่เต็มใจ จิ้นเฟิงเฉินจึงไปนั่งข้างเธอ โอบไหล่เธอและพูดว่า “หรือว่าเรากลับเมืองจิ่นกันดีไหม แบบนี้พวกเขาก็พูดอะไรไม่ได้”
“ที่จริงฉันก็คิดแบบนี้ค่ะ” เจียงสื้อสื้อสีหน้ายินดีทันที แต่วินาทีต่อมาก็หมองลงอีกครั้ง “ช่างเถอะค่ะ ไปก็ไป ยังไงแค่เอาของขวัญไปให้ก็พอ”
ถ้าพวกเขาเลือกที่จะกลับไปเมืองจิ่นเวลานี้ ไม่แน่ว่าพวกน้าชายใหญ่น้าชายรองคงต้องจัดการพวกเขาแน่
จิ้นเฟิงเฉินลูบศีรษะของเธอและพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “อันที่จริงคุณไม่ต้องสนใจเลยว่าพวกเขาจะพูดจะคิดยังไง คุณมีความสุขคือสิ่งที่สำคัญที่สุด”
“แน่นอนว่าฉันรู้ว่าฉันมีความสุขคือสิ่งที่สำคัญที่สุด” เจียงสื้อสื้อเอียงศีรษะวางลงบนไหล่ของเขา แล้วถอนหายใจเบาๆ “แต่ฉันคิดไปถึงว่าในอนาคตคุณแม่อาจจะกลับมาบ้านตระกูลฟาง เพราะฉะนั้น…คุณคงรู้ว่าฉันหมายถึงอะไร”
ทำไมจิ้นเฟิงเฉินจะไม่เข้าใจ “ไม่ใช่ว่ายังมีผมอยู่เหรอ พวกเขาไม่กล้าทำอะไรกับคุณแม่หรอก”
“เราไม่สามารถอยู่ในเมืองหลวงได้ตลอดเวลานะคะ” เจียงสื้อสื้อนั่งตัวตรง หันหน้าไปมองเขา “ดังนั้นนับว่าเพื่อคุณแม่ ฉันจึงจะไปฉลองวันเกิดให้น้าชายรองตามปกติค่ะ”
จิ้นเฟิงเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย ทำไมเขาถึงได้รู้สึกว่าคำว่า “ฉลอง” ไม่ได้มีความหมายตามนั้น