ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 1014 ฉันจะไปส่งเธอ
เมื่อเห็นใบหน้าโมโหของฟางอี้หมิง รอยยิ้มบนใบหน้าของฟางยู่เชินยิ่งกว้างเข้าไปใหญ่ “พี่ใหญ่ ผมก็แค่เดา พี่ไม่จำเป็นต้องตื่นเต้นขนาดนี้หรอก”
ฟางอี้หมิงแค่นหัวเราะ “เดา? ฉันว่านายคิดกับฉันแบบนี้จริงๆ มากกว่า”
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ ระงับความโกรธ แล้วพูดต่อว่า “ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาฉันทุ่มเทเพื่อฟางซื่อไปเท่าไหร่ แต่ท้ายที่สุดแล้ว กลับถูกนายปลุกปั่นข่าวลือโดยไม่มีมูลหลักฐานแบบนี้ ฉันรู้สึกไม่คุ้มค่าแทนตัวเองเลยจริงๆ”
ถ้าหากไม่รู้แต่แรกอยู่แล้วว่าเขาเป็นคนทำเรื่องนี้ ฟางยู่เชินอาจจะเชื่อใน ‘การแสดงความจริงใจ’ ของเขาในตอนนี้ไปแล้ว
“นี่มันเรื่องคนละเรื่องกัน อีกอย่างผมก็ไม่ได้ปฏิเสธความทุ่มเทเพื่อฟางซื่อของพี่ ผมแค่อยากจะรู้ว่าคนในเครื่องบันทึกเสียงนี้พี่รู้จักไหม? สิ่งที่เขาพูดเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า?”
เมื่อต้องเผชิญกับคำถามของฟางยู่เชิน ฟางอี้หมิงหันหน้าหนี หลบสายตาของเขา “ฉันไม่รู้จักเขา และสิ่งที่เขาพูดก็ไม่เป็นความจริง”
“ก็ได้” ฟางยู่เชินพยักหน้า “ไม่รู้จักก็แล้วไป”
นี่เป็นเรื่องที่เขาคาดการณ์เอาไว้แล้ว
เขาก้าวเท้าเดินไปทางประตู ขณะที่กำลังเดินผ่านฟางอี้หมิง เขาก็ชะงักฝีเท้า เอียงศีรษะเอนไปทางเขา “พี่ใหญ่ ลืมบอกพี่ไปว่าคนที่ฉีดยาพิษหลี่เผิงคนนั้นใกล้จะจับตัวได้แล้วนะ ผมแทบจะทนรอไม่ไหวอยากจะรู้ว่าคนคนนั้นเป็นใครแล้ว”
ฟางอี้หมิงหน้าตึงเครียด มือทั้งสองข้างที่วางอยู่ข้างลำตัวกำหมัดแน่น ข้อมือซีดขาวเกือบทั้งหมด
ส่วนฟางยู่เชินก็เดินจากไปพร้อมรอยยิ้ม
“ไปตายซะ!”
ฟางอี้หมิงเหวี่ยงแขนกวาดสิ่งของบนโต๊ะทำงานหล่นลงพื้นจนหมด
“ฟางยู่เชิน!” เขากัดฟันแน่นพลางพ่นสามคำนี้ออกมา สีหน้าดูมืดมนจนน่ากลัว
เรื่องนี้กำลังจะสำเร็จแล้วแท้ๆ…
ฟางอี้หมิงหลับตาลง กัดฟันเข้าหากันอย่างแรง
ทั้งหมดต้องโทษที่เขาประเมินฟางยู่เชินต่ำเกินไป และเป็นตัวเองที่ประมาทเกินไป ไม่ให้ย่วนชิงโซงซ่อนตัวให้ดี ถึงทำให้ฟางยู่เชินมีโอกาสใช้ประโยชน์จากมันได้
ไม่ได้!
เขาลืมตาขึ้นอย่างกะทันหัน ต้องคิดหาวิธีเอาตัวเองออกจากเรื่องนี้ไปให้ได้ ไม่อย่างนั้นทุกอย่างต้องจบเห่แน่
…
เจียงสื้อสื้อไปโรงพยาบาลแต่เช้า วันนี้เป็นวันที่ฟางเสว่มั่นจะเข้ารับการตรวจร่างกาย
เมื่อถึงโรงพยาบาล คนยังไม่ทันได้นั่งพักหายใจ พยาบาลก็เข้ามาบอกพวกเขาให้ไปต่อแถวสแกนร่างกายแล้ว
เจียงสื้อสื้อรีบพาฟางเสว่มั่นไปที่อาคารใหญ่ที่ตั้งจุดตรวจสแกนร่างกายของโรงพยาบาลทันที
หลังจากทำการตรวจจนครบชุดก็เป็นเวลาเที่ยงวันแล้ว
เมื่อกลับมาที่ห้องพักผู้ป่วย ซ่างหยิงและจิ้นเฟิงเฉินต่างมาถึงกันหมดแล้ว
“เป็นยังไงบ้าง? ตรวจเสร็จหมดแล้วเหรอ?”
เมื่อเห็นพวกเธอกลับมา ซ่างหยิงก็รีบเข้ามาหา พลางช่วยพยุงฟางเสว่มั่นให้นั่งลงข้างเตียง พลางเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“ตรวจเสร็จหมดแล้วค่ะ” เจียงสื้อสื้อรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นลูกบอลที่ถูกปล่อยลมออกจนหมดตัวยังไงอย่างนั้น ตัวอ่อนยวบยาบ ทรุดตัวลงบนโซฟาทันที
จิ้นเฟิงเฉินเดินเข้ามาหาเธอแล้วนั่งลง เปิดกระติกเก็บความร้อนที่วางอยู่บนโต๊ะ จากนั้นหยิบชามมาเทน้ำซุปลงไป
“ดื่มซุปก่อนสักหน่อย” มือหนึ่งของเขาถือชาม อีกมือถือช้อนตักซุป ตั้งใจจะป้อนเธอ
ที่นี่ยังมีแม่กับน้าสะใภ้เล็กอยู่ด้วย แถมหน้าเธอก็บางมาก ไหนจะกล้าปล่อยให้เขาป้อน
ด้วยเหตุนี้เธอจึงนั่งตัวตรง รับชามและช้อนตักซุปจากมือของเขา พลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฉันกินเองก็ได้”
เมื่อเห็นเธอดื่มน้ำซุปทีละคำๆ ดวงตาของจิ้นเฟิงเฉินก็เต็มไปด้วยความโปรดปรานลุ่มหลง
ฟางเสว่มั่นและซ่างหยิงมองหน้ากันยิ้มๆ
วิ่งไปวิ่งมาเกือบทั้งเช้า เจียงสื้อสื้อหิวมากจริงๆ เพียงไม่นานก็ดื่มซุปจนหมด
ซ่างหยิงเพิ่งจะตักซุปให้ฟางเสว่มั่น เห็นว่าเธอดื่มหมดจนเกลี้ยงจึงเอ่ยถามยิ้มๆ “เอาอีกหน่อยไหม?”
เจียงสื้อสื้อเงยหน้าขึ้น ฉีกยิ้ม “ไม่เอาแล้วค่ะ อีกเดี๋ยวมีคนชวนหนูไปทานข้าวด้วย”
“ใครเหรอ?”
“หยวนหยวน”
ทันทีที่พูดชื่อออกไป เจียงสื้อสื้อก็รีบปิดปากและมองไปทางจิ้นเฟิงเฉินทันที
เขาเพิ่งจะบอกว่าให้เธอพยายามไปมาหาสู่กับซ่างกวนหยวนให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่วันนี้ตัวเองกลับจะไปทานอาหารกับเธอ แบบนี้เท่ากับไม่ได้เก็บคำพูดของเขาไปใส่ใจเลย
จิ้นเฟิงเฉินสีหน้านิ่งเรียบ มองไม่ออกว่าดีหรือโกรธแต่อย่างใด
เจียงสื้อสื้อหัวเราะแห้งๆ ยกมือขึ้นทำท่าสาบานว่า “แค่วันนี้ครั้งเดียว ต่อไปไม่มีอีกแล้ว”
ซ่างหยิงทำหน้ามึนงง “สื้อสื้อ นี่หนูกำลังทำอะไรอยู่?”
“ไม่มีอะไรค่ะ” เจียงสื้อสื้อบอกเธอ
ฉีกยิ้มหวาน จากนั้นก็ลุกขึ้นลากจิ้นเฟิงเฉินออกไป
“เด็กสองคนนี้เป็นอะไรหรือเปล่า?” ฟางเสว่มั่นเอ่ยถามอย่างสงสัย
ซ่างหยิงส่ายหน้าไปมา “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”
หลังจากเจียงสื้อสื้อกับจิ้นเฟิงเฉินออกจากห้องพักผู้ป่วย เมื่อไม่มีผู้ใหญ่ทั้งสองอยู่ด้วย เธอถึงเปิดปากอธิบาย “ตอนที่เธอโทรมาหาฉัน ฉันกำลังพาแม่ไปตรวจร่างกาย ไม่ทันได้คิดอะไรมาก ก็เลยตอบตกลงไป”
จิ้นเฟิงเฉินจ้องมองเธออย่างลึกซึ้ง ยังคงมองอารมณ์ดีใจหรือโกรธไม่ออกอยู่เช่นเดิม
เจียงสื้อสื้อสูดหายใจเข้าลึกๆ “โอเค ถ้าอย่างนั้นฉันไม่ไปแล้ว โอเคไหม?”
“ฉันไม่ได้ไม่ให้เธอไป” ในที่สุดจิ้นเฟิงเฉินก็เอ่ยปาก
“ถ้าอย่างนั้นคุณหมายความว่าไง?” เจียงสื้อสื้อไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมเขาถึงไม่ชอบซ่างกวนหยวน ทั้งๆ ที่เธอก็เป็นคนที่ค่อนข้างดีคนหนึ่ง
น้ำเสียงของเธอฟังดูไม่ค่อยดีเล็กน้อย คล้ายกับว่าเธอกำลังโกรธแล้ว
จิ้นเฟิงเฉินอดหัวเราะไม่ได้ “เธอไปได้ แต่กลับเร็วหน่อย”
“จริงเหรอ?”
“อืม ฉันจะไปส่งเธอ”
เจียงสื้อสื้อพบว่ายิ่งไม่เข้าใจผู้ชายคนนี้มากขึ้นไปเรื่อยๆ แล้ว เขาบอกให้เธอไปมาหาสู่กับซ่างกวนหยวนให้น้อยไม่ใช่เหรอ? ทำไมตอนนี้ถึงอนุญาตให้เธอไปพบหน้าทานอาหารกับซ่างกวนหยวนได้ล่ะ ถึงกระทั่งจะไปส่งเธอด้วยตัวเองอีกด้วย?
จิตใจของเขายากเกินจะคาดเดาจริงๆ
ไม่รู้ว่าอ่านความคิดของเธอออกหรือเปล่า จิ้นเฟิงเฉินพูดขึ้นว่า “ในเมื่อรับปากเขาไปแล้ว ถ้าไม่ไปมันจะแสดงถึงว่าเธอไม่น่าเชื่อถือ”
เจียงสื้อสื้อขานรับ “อ้อ” แล้วไม่พูดอะไรอีก
…
ซ่างกวนหยวนนัดทานอาหารเที่ยงด้วยกันกับเจียงสื้อสื้อ เธอไปถึงร้านอาหารก่อนเวลาสิบนาที
เมื่อนึกถึงท่าทีของจิ้นเฟิงเฉินที่มีต่อตนเองเมื่อคืนวานนี้แล้ว เธอก็รู้สึกหงุดหงิดใจ
เธอหยิบน้ำบนโต๊ะขึ้นดื่มลงไปอึกใหญ่ น้ำเย็นเฉียบไหลจากคอลงไปถึงท้อง ถึงคลายความหงุดหงิดใจลงไปได้เล็กน้อย
ตำแหน่งที่จองไว้อยู่ติดริมหน้าต่าง ทันทีที่หันมองก็สามารถมองเห็นสถานการณ์ของถนนด้านนอกได้ทันที
ตอนเที่ยง ผู้คนบนถนนมีไม่มาก
เดิมทีเธอตั้งใจจะละสายตากลับมาแล้ว แต่ทันใดนั้น เธอก็เหลือบไปเห็นรถคันหนึ่งที่จอดอยู่หน้าร้านอาหาร
ทะลุผ่านกระจกบังลม สามารถมองเห็นคนบนรถได้อย่างชัดเจน
นั่นคือจิ้นเฟิงเฉินกับเจียงสื้อสื้อ
“ถึงแล้ว”
เจียงสื้อสื้อยื่นศีรษะออกไปดูป้ายชื่อร้านอาหาร ก้มศีรษะลงปลดเข็มขัดนิรภัย “ฉันลงไปแล้วนะ คุณขับกลับระวังๆ ด้วยนะ”
หลังจากพูดจบ เธอก็ยิ้มให้จิ้นเฟิงเฉิน ยื่นมือออกไปเตรียมจะเปิดประตูรถ
“เดี๋ยวก่อน” จิ้นเฟิงเฉินรั้งเธอไว้
“มีอะไรหรือเปล่าคะ?” เธอมองเขาอย่างสงสัย
มุมปากของจิ้นเฟิงเฉินกระตุกรอยยิ้มขึ้น “เสร็จแล้วโทรหาฉันนะ เดี๋ยวฉันมารับ”
เจียงสื้อสื้อพยักหน้ายิ้มๆ “โอเคค่ะ”
เปิดประตูลงจากรถ เธอโบกไม้โบกมือให้เขา ก่อนจะเดินเข้าไปในร้านอาหาร
เมื่อเห็นว่าเธอเดินเข้าร้านอาหารไปแล้ว จิ้นเฟิงเฉินถึงได้สตาร์ทรถขับออกไป
ซ่างกวนหยวนมองส่งรถขับออกไปไกล กระทั่งเจียงสื้อสื้อเดินมาอยู่ตรงหน้าแล้วก็ไม่ทันสังเกตเห็น
“หยวนหยวน เธอกำลังมองอะไรอยู่เหรอ?”
เสียงดังขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้ซ่างกวนหยวนได้สติกลับมา เธอลุกขึ้นยืนและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “สื้อสื้อ เธอมาแล้วเหรอ”
“อืม” เจียงสื้อสื้อดึงเก้าอี้ออกแล้วนั่งลง หันศีรษะมองออกไปด้านนอกพลางเอ่ยถามด้วยความสงสัย “เมื่อกี้เธอมองอะไรอยู่เหรอ?”
ซ่างกวนหยวนส่ายหน้ายิ้มๆ “ไม่มีอะไร แค่มองไปเรื่อย”