ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 1034 พยายามแอบฟัง
แววตาของคนร้ายหลบเลี่ยงสายตาของเขา แต่กลับยังคงไม่ตอบอะไรออกมา
ไม่ว่าฟางยู่เชินจะถามอย่างไร อีกฝ่ายก็ทำราวกับไม่ได้ยิน
ไม่รู้จะทำอย่างไรดี หลังจากที่ฟางยู่เชินและสารวัตรเฉินพูดคุยกันสองสามประโยคแล้ว ก็ได้แต่จากไปก่อน
ระหว่างทางกลับ ฟางยู่เชินนั่งอยู่ที่เบาะด้านหลัง มองออกไปนอกหน้าต่าง ทำท่าครุ่นคิดแล้วพูดว่า “ดูท่า เด็กคนนั้นจะไม่ยอมรับผิดง่ายๆ ฟางอี้หมิงต้องเคยสั่งเขาไว้ก่อนแน่นอน”
ส้งหยาวเองก็ขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้ “อย่างนั้นพวกเราควรจะทำอย่างไรดี”
สิ่งที่สำคัญเร่งด่วนในตอนนี้ ก็คือทำให้เด็กหนุ่มยอมรับว่าร่วมมือกับฟางอี้หมิง
ถ้าเด็กหนุ่มปากแข็งไม่ยอมรับอยู่อย่างนี้ เช่นนั้นก็คงน่าปวดหัวจริงๆ
เขาคิดพิจารณา สั่งการว่า “นายไปสืบดูสภาพครอบครัวของเด็กคนนั้นหน่อย”
ส้งหยาวพยักหน้า “ครับ หลังจากผมส่งคุณที่บริษัทแล้ว ผมก็จะไปสืบ”
ฟางยู่เชินพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไรอีก
ฟางซื่อกรุ๊ป
ฟางอี้หมิงรับโทรศัพท์รู้ข่าวว่าคนถูกจับแล้ว ก็ปาโทรศัพท์มือถือลงพื้นด้วยความโกรธ หน้าจอแตกทันที
ไอ้บ้าเอ้ย!
เขากำหมัดแน่น ด้วยเหตุที่โกรธจัด ดวงตาทั้งสองข้างจึงแดงก่ำ
เรื่องที่ตอนแรกเกือบจะสำเร็จแล้ว นอกจากถูกจิ้นเฟิงเฉินมาขวางลำแล้ว ยังมาเป็นแบบนี้อีก!
สถานการณ์ตอนนี้ ไม่เป็นผลดีต่อเขาอย่างมากแล้ว
ถ้าคนผู้นั้นทนไม่ไหวต่อการซักถามของทางตำรวจ เปิดโปงเขาออกไป นั่นก็คงหายนะแล้วจริงๆ
เขากดโทรศัพท์สายภายใน
พอมีคนรับสาย “พ่อ พ่อมาหาผมที่ห้องทำงานหน่อยครับ”
ไม่รอให้อีกฝ่ายตอบ เขาก็วางสายทันที
ผ่านไปสองสามนาที ฟางเฉิงผลักประตูเปิดเดินเข้ามา
พอมองเห็นโทรศัพท์มือถือที่หน้าจอแตกบนพื้น คิ้วก็ขมวดแน่น “นี่เกิดอะไรขึ้นอีก”
“เด็กคนนั้นถูกจับแล้ว”
ได้ยินดังนั้น ฟางเฉิงเบิกตาโพลงด้วยความตื่นตกใจ “ถูกจับได้แล้ว เป็นไปได้อย่างไร ไม่ใช่สั่งให้เขาไปซ่อนตัวให้ดีหรอกหรือ”
“ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาพูดเรื่องนี้” ฟางอี้หมิงสองมือเท้าเอว สูดลมหายใจเข้าลึกๆหลายครั้ง พูดต่อว่า “พ่อหาคนเข้าไปพบเขาให้ได้ ไม่ว่ายังไงก็อย่าให้เขาเปิดโปงผมออกมาไป”
“นี่พ่อก็กำชับเขาไว้แล้ว อีกทั้งยังจ่ายเงินไปไม่น้อย”
“ไม่ได้” ฟางอี้หมิงส่ายหน้า “เขายังเด็กเกินไป ผมกลัวว่าเขาจะอดทนไม่ไหว จำเป็นต้องเตือนให้เขามีสติ”
ฟางเฉิงพยักหน้า “งั้นก็ได้ พ่อจะไปจัดการเดี๋ยวนี้”
มองเห็นพ่อออกไป ฟางอี้หมิงก็ทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ เอนตัวไปข้างหลังพิงพนักเก้าอี้ หลับตาลง
อย่างไรเขาก็ต้องเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด ถึงเวลานั้นจะได้หลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกฟางยู่เชินซ้ำเติม
……
ตอนบ่าย ซ่างกวนหยวนมาถึงโรงแรมของพิเอร์สตามนัด
แต่สิ่งที่เธอคาดไม่ถึงก็คือ คนที่เปิดประตูกลับเป็นแฟนของจิ่งหลิวเยว่
“ทำไมคุณถึงอยู่ที่นี่คะ” เธอมองหญิงสาวที่อยู่ด้านในประตูตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างพินิจพิจารณา คิ้วขมวดเข้าหากันแน่น
หญิงสาวขมวดคิ้ว “ฉันอยู่ที่นี่ จำเป็นต้องรายงานคุณด้วยเหรอคะ”
เธอเหลือบมองซ่างกวนหยวนอย่างไม่พอใจ หมุนตัวเดินเข้าด้านใน “พิเอร์ส คนที่คุณรออยู่มาแล้วค่ะ”
ไม่นาน พิเอร์สก็เดินมา
“คุณซ่างกวน” พิเอร์สมองซ่างกวนหยวนพลางยิ้มตาหยี
ซ่างกวนหยวนพยักหน้าเล็กน้อย ยิ้มพลางถามว่า “เธอ……ทำไมมาอยู่ที่นี่คะ”
“อ้อ เธอทะเลาะกับแฟน ก็เลยมาอยู่กับผมที่นี่ชั่วคราวครับ” พิเอร์สอธิบาย
ซ่างกวนหยวนยิ้ม ไม่ได้ถามอะไรอีก
ในเมื่อนี่เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา ถามอะไรมากนักก็ไม่ดี
“พวกเราจะคุยกันที่นี่ หรือว่าร้านกาแฟชั้นล่างคะ” ซ่างกวนหยวนถาม
“คุยกันที่นี่แล้วกันครับ” พิเอร์สตอบ
ความลับเกี่ยวกับSAกรุ๊ป ไม่เหมาะที่จะพูดคุยกันในที่สาธารณะ
ซ่างกวนหยวนพยักหน้า “ได้”
ด้วยการเชื้อเชิญของพิเอร์ส เธอเดินเข้าไปข้างใน
แฟนจิ่งหลิวเยว่เตรียมชงกาแฟรอเอาไว้นานแล้ว พอเห็นเธอเข้ามา ก็เอากาแฟวางบนโต๊ะ “เชิญดื่มค่ะ”
จากนั้นก็หมุนตัวเดินเข้าห้อง ปิดประตู
พิเอร์สเห็นซ่างกวนหยวนจ้องมองห้องนั้น ก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ซูน่าเป็นผู้หญิงที่ดีมาก”
“พวกคุณ……” ซ่างกวนหยวนขมวดคิ้ว
“สุภาพบุรุษไม่บังคับฝืนใจผู้หญิงเด็ดขาด” พิเอร์สพูด
ซ่างกวนหยวนยิ้ม เปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที ว่า “พวกเรามาคุยเรื่องไวรัสกันเถอะค่ะ”
ซูน่าที่เข้าไปในห้องเอาหูแนบกับประตู พยายามลองฟังว่าคนด้านนอกพูดคุยอะไรกัน
พิเอร์สเปิดคอมพิวเตอร์ของตนเอง หมุนเปลี่ยนทิศทางคอมพิวเตอร์ ให้หันมาทางซ่างกวนหยวน
“นี่คือข้อมูลส่วนหนึ่งของไวรัส คุณลองอ่านดูก่อน”
ซ่างกวนหยวนเหลือบมองเขา ก้มหน้าก้มตาอ่านเนื้อหาบนหน้าจออย่างจริงจัง
ยิ่งอ่านไปด้านท้ายๆมากขึ้นเท่าไหร่ สีหน้าเธอก็ยิ่งประหลาดใจจนซ่อนเอาไว้ไม่มิด
หลังจากอ่านจบ เธอก็เงยหน้าขึ้นมา พูดด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นเล็กน้อยว่า “นี่คือไวรัสตัวใหม่ล่าสุดที่คุณบอกเหรอคะ”
“อืม”
เห็นท่าทางตื่นเต้นของเธอ พิเอร์สก็รู้ว่าเธอหวั่นไหวแล้ว
“มีข้อมูลทั้งหมดมั้ยคะ” ซ่างกวนหยวนแทบจะอดทนรอไม่ไหวอยากรู้ข้อมูลไวรัสทั้งหมด
พิเอร์สยิ้ม ในรอยยิ้มแฝงด้วยความเจ้าเล่ห์ “ขอแค่คุณเข้าร่วมวิจัยกับSAกรุ๊ป ไม่ต้องพูดถึงข้อมูลทั้งหมดของไวรัสนี้ ข้อมูลของไวรัสตัวอื่นๆ คุณก็สามารถดูได้ทั้งหมด”
เข้าร่วมกับSAกรุ๊ปเหรอ
ซ่างกวนหยวนขมวดคิ้ว ตระกูลซ่างกวนเองก็มีสถาบันวิจัยของตนเอง ความจริงแล้วเธอไม่มีความจำเป็นต้องเข้าร่วมกับสถาบันวิจัยอื่น เพื่อทำงานให้ผู้อื่น
เธอกำลังลังเล
พิเอร์สฉวยโอกาสรีบตีเหล็กตอนที่ยังร้อน “คุณซ่างกวน คุณมีข้อเรียกร้องอะไร คุณสามารถบอกได้เลย พวกเราตอบสนองคุณได้ทุกอย่าง”
ซ่างกวนหยวนยิ้มอ่อนๆ “คุณพิเอร์ส ที่ฉันสนใจไม่ใช่ข้อเรียกร้องอะไร ขอแค่ให้ฉันได้วิจัยก็พอ”
“’งั้นคุณก็ตกลงแล้วใช่มั้ยครับ”
ซ่างกวนหยวนส่ายหน้า “ไม่ใช่ ตอนนี้ฉันรับผิดชอบดูแลจัดการสถาบันวิจัยของครอบครัว ทิ้งไปไม่ได้จริงๆ”
พูดมาถึงตรงนี้ เธอยิ้มพลางพูดอย่างรู้สึกผิดว่า “ฉันรู้ว่ามีคนมากมายอยากจะเข้าไปสถาบันวิจัยของคุณ ดังนั้นฉันคิดว่าต้องมีคนที่ยอดเยี่ยมมากกว่าฉันที่เหมาะสมกับพวกคุณ”
“แต่บริษัทเราต้องการแค่คุณ” พิเอร์สหมุนคอมพิวเตอร์กลับมา “พอมีการค้นคว้าวิจัยยาที่สามารถทำลายไวรัสนี้ได้ ถึงเวลานั้นคุณก็ต้องมีชื่อเสียงดังระดับโลก คุณไม่อยากเหรอ”
“อยาก อยากแน่นอน”
ในฐานะเป็นนักวิจัยยา สิ่งที่ต้องการมากที่สุดก็คือได้รับการยอมรับจากผู้คน สร้างความสุขให้มวลมนุษย์
“งั้นคุณยังจะกังวลอะไรอยู่”
ซ่างกวนหยวนสูดหายใจลึกๆ “คุณให้เวลาฉันคิดทบทวนสักสองสามวัน ได้มั้ยคะ”
พิเอร์สยิ้ม “ได้แน่นอน หวังว่าถึงเวลาคุณจะให้คำตอบที่น่าพอใจกับผมนะครับ
“ค่ะ”
ทั้งสองพูดคุยกันเรื่องไวรัสอีกเกือบครึ่งชั่วโมง ซ่างกวนหยวนจึงได้ลุกขึ้นเดินจากไป
พิเอร์สให้เธอดูข้อมูลไวรัสเพียงส่วนหนึ่ง แต่สำหรับเธอมันเพียงพอแล้ว
ที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือหาวิธีเอาไวรัสในร่างกายของเจียงสื้อสื้อมา เพื่อดูว่าไวรัสสองชนิดนี้เป็นประเภทเดียวกันหรือไม่
หลังจากพิเอร์สปิดคอมพิวเตอร์แล้ว ก็หันไปพูดกับคนในห้องว่า “คุณออกมาได้แล้วครับ”
ได้ยินดังนั้น ซูน่าก็เปิดประตูเดินออกมา
สายตากวาดมองไปยังคอมพิวเตอร์ที่ถูกมือเขากดอยู่ ยิ้มพลางถามว่า “เมื่อกี้พวกคุณคุยเรื่องอะไรกันคะ”
“คุณอยากรู้เหรอ” พิเอร์สถาม
ซูน่าส่ายหน้า “ไม่อยากค่ะ คิดว่าคงต้องเป็นเรื่องที่เป็นความลับมาก ฉันคงไม่กล้าอยากรู้”
“อย่างนั้นคุณยังจะถามอีก”
“ก็อยากรู้อยากเห็นไงคะ” ซูน่ายิ้มให้เขา ดูแล้วไม่มีพิษมีภัยอะไร
พิเอร์สก็ตัดความเคลือบแคลงสงสัยในใจไปทันที ยิ้มพลางเอ่ยว่า “อย่างนั้นต่อไปก็ไม่ต้องถามแล้ว”
ซูน่าพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “ค่ะ”
เธอเหลือบมองคอมพิวเตอร์ มีแสงประหลาดฉายวาบที่นัยน์ตา