ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 1049 นายช่วยถามให้ฉันหน่อยได้ไหม
หลังจากทานไปได้กว่าครึ่ง ซ่างกวนหยวนก็วางตะเกียบลง หยิบกระดาษทิชชู่ขึ้นเช็กมุมปากอย่างสง่าผ่าเผย
เหลือบตาขึ้นมองไปที่ชายหนุ่มที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
“ยู่เชิน นายไม่รู้จริงๆ เหรอว่าคุณท่านจิ้นไปทำอะไรที่อิตาลี?”
มือของฟางยู่เชินชะงักไปเล็กน้อย เขากลืนอาหารในปากลงไป เงยหน้าขึ้น ฉีกยิ้ม “เมื่อกี้ฉันก็บอกไปแล้วว่าฉันไม่รู้ อีกอย่างมันเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา ฉันไม่สะดวกจะถามมากขนาดนั้น”
“ถ้าอย่างนั้นนาย…” ซ่างกวนหยวนลังเลเล็กน้อย “นายช่วยถามให้ฉันหน่อยได้ไหม?”
รอยยิ้มบนใบหน้าของฟางยู่เชินถูกแช่แข็งในทันที ภายในใจรู้สึกอึดอัดเอามากๆ
เธอเห็นเขาเป็นอะไรกันแน่?
หรือเธอแค่อยากจะรู้ข่าวคราวของจิ้นเฟิงเฉินจากเขาก็เท่านั้น?
เมื่อเห็นสีหน้าของฟางยู่เชินแปลกไป ซ่างกวนหยวนถึงตระหนักได้ว่าตัวเองทำเกินไปแล้ว เธอยิ้มออกมาอย่างเก้ๆ กังๆ “ขอโทษนะ ฉันไม่ควร…”
“ไม่เป็นไร” ฟางยู่เชินขัดจังหวะคำพูดเธอ เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดต่อ “หยวนหยวน ฉันเป็นพี่ชายของสื้อสื้อ ฉันไม่สามารถทำเรื่องที่ทำร้ายจิตใจของหล่อนได้ ฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเธอจะสามารถปล่อยวางความรักที่เป็นไปไม่ได้ครั้งนี้ลงได้ แบบนี้ต่างเป็นผลดีทั้งกับเธอ กับสื้อสื้อ แล้วก็จิ้นเฟิงเฉิน”
ซ่างกวนหยวนตัวแข็ง ไม่พูดอะไร
“ฉันเข้าใจความรู้สึกของเธอ และฉันก็ไม่มีสิทธิ์เข้าไปวาดมือวาดเท้า แต่ฉันไม่อยากให้เธอดื้อรั้นแบบนี้ต่อไป แบบนี้คนที่ต้องทรมานก็คือตัวของเธอเอง” ฟางยู่เชินมองเธออย่างปวดใจ
ซ่างกวนหยวนหยิบน้ำผลไม้บนโต๊ะขึ้นดื่ม พลางยิ้มอย่างขมขื่น “ถ้าสามารถปล่อยวางได้จริง ใครจะไม่วางปล่อย แต่ว่า…”
เธอเหลือบตาขึ้น แววตาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่สับสนยุ่งเหยิง “ฉันปล่อยวางไม่ได้ ขอโทษนะ”
นี่ก็เป็นเรื่องที่คาดการณ์เอาไว้แล้วเช่นกัน
ฟางยู่เชินถอนหายใจ “เธอไม่ต้องพูดขอโทษกับฉันหรอก นี่มันเป็นเรื่องของตัวเธอเอง ฉันไม่ควรจะเข้าไปยุ่ง”
สุดท้าย เขารู้สึกผิดหวังมากจริงๆ
เดิมคิดว่าเธอจะเป็นคนที่มีเหตุมีผล มีหลักการที่ยึดถือมาก แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เลย กลับกันยังดูดื้อรั้นอยู่เล็กน้อยด้วย
เมื่อได้ยินความผิดหวังในน้ำเสียงของเขา จู่ๆ ภายในใจของซ่างกวนหยวนก็รู้สึกอัดอั้นขึ้นมากะทันหัน ราวกับถูกหินก้อนใหญ่กดทับอยู่ยังไงอย่างนั้น
บรรยากาศกลับกลายเป็นตึงเครียด
หลังจากนั้นสักพัก ฟางยู่เชินก็พูดขึ้นอีกครั้ง “ทานอาหารเถอะ”
ซ่างกวนหยวนมองเขา ริมฝีปากขยับเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร ก้มหน้าก้มตาทานอาหารที่เหลือต่อไป
…
ฟางยู่เชินและซ่างกวนหยวนเดินออกจากร้านอาหารด้วยกัน
“เธอจะกลับไปที่บริษัทหรือว่าสถาบันวิจัย?” ฟางยู่เชินหันมองไปที่ซ่างกวนหยวน
“สถาบันวิจัย”
การทดลองของเธอเพิ่งผ่านไปได้เพียงครึ่งทาง และต้องทำให้สำเร็จโดยเร็วที่สุด เธอยังมีเรื่องอื่นอีก
“ถ้าอย่างนั้นขับรถระวังนะ”
ฟางยู่เชินยิ้มให้เธอ มองส่งเธอเดินไปที่รถ จนกระทั่งรถของเธอขับห่างออกไปไกล เขาถึงได้เบือนสายตากลับ เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีคราม ฉีกรอยยิ้มเยาะเย้ยตัวเองปรากฏขึ้นที่มุมปาก
เกลี้ยกล่อมให้คนอื่นปล่อยวาง อันที่จริงเขาต่างหากที่ควรจะปล่อยวาง
เสียงถอนหายใจผ่อนออกมา เขาก้าวเท้าเดินไปที่รถ
ทันใดนั้น เสียงที่ทำให้ประหลาดใจก็ดังสะท้อนมาจากด้านหลังของเขา
“พี่คะ”
เขาชะงักฝีเท้า หันกลับไปมองเห็นเจียงสื้อสื้อกำลังวิ่งเข้ามาหาเขา
เขาขมวดคิ้วขึ้นอย่างอดไม่ได้ “ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ?”
เจียงสื้อสื้อหยุดฝีเท้าลงตรงหน้าเขา พลางพูดยิ้มๆ “ฉันออกมาเดินเล่นเป็นเพื่อนน้าสะใภ้เล็กค่ะ แล้วก็บังเอิญเห็นพี่เข้าพอดีเลย”
แม่ของเขาอยู่ที่นี่ด้วยเหรอ?!
ฟางยู่เชินเงยหน้าขึ้น ถึงเห็นคุณแม่กำลังเดินเข้ามาอย่างเชื่องช้า
“ทำไมพวกเธอถึงมาเดินเล่นกันแถวนี้ล่ะ?”
แถวนี้ไม่มีห้างสรรพสินค้าอยู่ใกล้ๆ พวกเขาอยากจะเดินช้อปอะไร?
“ก็แถวนี้อยู่ใกล้ๆ กับโรงพยาบาล ทานอาหารเที่ยงเสร็จ น้าสะใภ้เล็กก็บอกว่าอยากจะออกมาเดินเล่น ฉันก็เลยออกมาเป็นเพื่อน” เจียงสื้อสื้อพูดอธิบาย
ซ่างหยิงเดินเข้ามาใกล้ ฟางยู่เชินก็เอ่ยถาม “แม่ แม่ไม่ได้มีจุดประสงค์อะไรหรอกใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นจะเดินเล่นมาถึงที่นี่ได้ยังไง?”
สายตาของเขาจับจ้องไปที่ซ่างหยิงอย่างลึกซึ้ง
ซ่างหยิงเถียงข้างๆ คูๆ อย่างกินปูนร้อนท้อง “อะไร…จุดประสงค์อะไร? ฉันแค่มาเดินช้อปเล่นไม่ได้หรือไง?”
“แม่ ตรงนั้นคือซ่างกวนกรุ๊ป” ฟางยู่เชินชี้ไปที่ตึกที่อยู่ไม่ไกล
เจียงสื้อสื้อหันมองไปถึงได้พบว่านั่นคือซ่างกวนกรุ๊ปจริงๆ
เธอผ่านมาหลายครั้งไม่ทันได้สังเกตเลยสักครั้ง
ทันใดนั้น เธอก็เข้าใจคำถามที่ฟางยู่เชินถามไปเมื่อครู่นี้แล้วว่าหมายความว่าอะไร
“น้าสะใภ้เล็ก นี่คุณน้าทำโดยมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝงนะคะเนี่ย!” เธอมองซ่างหยิงด้วยรอยยิ้ม
เมื่อเห็นว่าพวกเขาต่างมองทะลุทะลวงความของตัวเองได้แล้ว ซ่างหยิงก็ไม่ปกปิดอีกต่อไป “ใช่ ฉันแค่อยากจะเห็นหยวนหยวนสักหน่อย ไม่ได้หรือไง?”
ฟางยู่เชินยิ้มอย่างจนปัญญาออกมา “ได้สิ ได้แน่นอนอยู่แล้ว”
“ก็แค่นั้นแหละ” ซ่างหยิงมองเขาอย่างเคืองๆ
“หยวนหยวนไม่ได้อยู่ที่บริษัท เธอไปสถาบันวิจัยครับ” ฟางยู่เชินกล่าว
“อย่างนั้นเองเหรอ” ซ่างหยิงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่ไม่นานเธอก็สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติได้ในทันที
เธอหรี่ตาและจ้องไปที่ฟางยู่เชิน “แล้วลูกรู้ได้ยังไงว่าเธอไปที่สถาบันวิจัย?”
“เพราะพวกเราเพิ่งจะทานอาหารด้วยกันไงครับ”
เมื่ออได้ยินดังนั้น ซ่างหยิงก็ดีอกดีใจทันที “พวกเธอทานอาหารด้วยกัน?”
“ใช่ครับ”
ยิ่งเห็นรอยยิ้มมีความสุขของคุณแม่จนแทบจะฉีกไปถึงโคนหูนั้นแล้ว ฟางยู่เชินยิ่งจนปัญญาเข้าไปใหญ่ “แม่ครับ พวกเราเป็นแค่เพื่อนกัน อีกอย่างหยวนหยวนเธอไม่ได้ชอบผม”
เมื่อได้ยินประโยคที่ว่า ‘เธอไม่ได้ชอบผม’ เจียงสื้อสื้อก็กะพริบตาปริบๆ เธอมองไปที่ฟางยู่เชิน แล้วแอบถอนหายใจอยู่ในใจ
ใช่สิ คนที่ซ่างกวนหยวนชอบคือเฟิงเฉิน
“ถ้าอย่างนั้นลูกก็พยายามมากขึ้นอีกหน่อยสิ เดี๋ยวเธอก็ชอบลูกเอง” ซ่างหยิงผู้ไม่รู้สถานการณ์ความเป็นจริงก็เอาแต่ให้กำลังใจส่งเสียงเชียร์ลูกชายของเธอ
นอกเหนือจากตกตะลึงแล้วฟางยู่เชินยิ่งกลุ้มใจมากกว่า
“น้าสะใภ้เล็กคะ อย่าไปยุ่งเรื่องของพี่ชายเลยนะคะ ปล่อยให้พวกเขาพัฒนากันไปตามธรรมชาติเถอะค่ะ”
เจียงสื้อสื้อโน้มน้าว
ซ่างหยิงพยักหน้าเห็นด้วย “หนูพูดถูก อย่าทำให้แม่ต้องขายหน้านะ”
“แม่ครับ” ฟางยู่เชินส่ายหัวไปมาอย่างช่วยไม่ได้
“พี่คะ พี่ไปทำงานเถอะค่ะ เดี่ยวหนูเดินเล่นเป็นเพื่อนน้าสะใภ้เล็กอีกเดี๋ยว”
เจียงสื้อสื้อกอดแขนของซ่างหยิงเอาไว้อย่างสนิทสนม
“ถ้าอย่างนั้นพวกเธอก็ระวังตัวด้วยนะ”
“เข้าใจแล้วค่ะ”
เจียงสื้อสื้อโบกไม้โบกมือให้เขา พลางลากซ่างหยิงเดินจากไป
เมื่อเห็นพวกเขาเดินห่างออกไปไกล ฟางยู่เชินถึงได้ขึ้นรถขับออกไป
เมื่อเจียงสื้อสื้อหันมองกลับไปดูเห็นว่ารถของฟางยู่เชินไม่อยู่แล้ว จึงได้เปิดปากพูดเกลี้ยกล่อมซ่างหยิงว่า “น้าสะใภ้เล็กคะ อีกที่จริงคุณน้าอย่าเพิ่งรีบร้อนจับคู่ให้พี่ชายกับหยวนหยวนเลยนะคะ อาจจะมีผู้หญิงที่เหมาะสมกับพี่ชายมากกว่าหยวนหยวนก็ได้ค่ะ”
“จริงเหรอ?” ซ่างหยิงเลิกคิ้ว “หนูมีคนที่เหมาะสมจะแนะนำบ้างไหม?”
“หนู…” เจียงสื้อสื้ออึ้งไป จู่ๆ ก็ไม่รู้จะตอบยังไง
ซ่างหยิงส่ายหัวพลางหัวเราะออกมา “น้าก็หวังว่าจะมีผู้หญิงที่ดีกว่าหยวนหยวนปรากฏตัวขึ้นมาเหมือนกัน แต่ตอนนี้มีแค่หยวนหยวนเท่านั้น น้าก็ช่วยไม่ได้นี่นา”
“อันที่จริงหยวนหยวน…” เจียงสื้อสื้ออยากจะบอกเธอมาก ว่าคนที่ซ่างกวนหยวนชอบแท้จริงแล้วเป็นใคร
แต่เมื่อคำพูดนั้นขึ้นมาถึงริมฝีปากก็ต้องกลืนกลับลงไปอีกครั้ง เรื่องแบบนี้อย่าให้เธอรู้เลยจะดีกว่า เธอจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้
“หยวนหยวนทำไมเหรอ?” ซ่างหยิงถาม
เจียงสื้อสื้อยิ้ม “ไม่มีอะไรค่ะ หนูแค่คิดว่าแตงที่ฝืนเด็ดจากต้นมักจะไม่หวานก็เท่านั้น”
“ใครว่าล่ะ” ซ่างหยิงแตะๆ มือของเธอ “น้าเชื่อว่าหยวนหยวนจะต้องเห็นความดีของยู่เชินแน่นอน แต่มันเป็นเรื่องของเวลา”
น้าสะใภ้เล็กชื่นชอบซ่างกวนหยวนมากจริงๆ
เจียงสื้อสื้อยิ้มและไม่พูดอะไร