ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 1051 ตกอยู่ในมือเขา
เสียงของท่านหยางก็ได้ดึงสติของฟางยู่เชินกลับมา เขามองไปทางฟางเฉิงที่ได้คุกเข่าต่อหน้าตนสักพัก คิ้วก็ได้ขมวดแน่น พูดเสียงเข้มว่า “ส้งหยาว!”
ส้งหยาวได้ยิน ก็ได้รีบลากตัวฟางเฉิงขึ้นมา
แต่ว่าให้ตายยังไงฟางเฉิงก็ไม่ลุก “ยู่เชิน เป็นความผิดของฉันคนเดียว นายจะโทษก็โทษฉัน ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับอี้หมิง”
ฟางยู่เชินก็เข้าใจทันที เขาคิดที่จะแบกรับความผิดแทนฟางอี้หมิง
“คุณลุงครับ ผมเป็นรุ่นหลานของท่าน คุณลุงคุกเข่าต่อหน้าผมแบบนี้ มันบาปมากนะครับ” เขามองหน้าฟางเฉิงดูสีหน้าไร้ความรู้สึก
สีหน้าของฟางเฉิงก็ได้รน รีบส่ายหน้า “ยู่เชิน ฉันไม่ได้มีความคิดแบบนั้น”
“พ่อครับ พ่อลุกขึ้นก่อน ผมเชื่อว่ายู่เชินเป็นคนที่มีเหตุผล ไม่มีทางที่จะกล่าวหาคนผิดแน่”
คำพูดของฟางอี้หมิงฟังแล้วรู้สึกน่าขำมากๆ
ฟางยู่เชินก็ได้ขำออกมาอย่างอดไม่ได้ แต่ในขำนั้นกลับเต็มไปด้วยสายตาที่เย็นชา “พี่ชาย พี่กับคุณลุงนี่จะแสดงละครฉากไหนครับ ผมทำไมดูไม่รู้เรื่องเลยล่ะ?”
“ยู่เชิน ขอโทษ” ใบหน้าของฟางอี้หมิงก็ได้เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด “ฉันไม่รู้ว่าพ่อจะทำเรื่องแบบนั้นออกมา ถ้าเกิดรู้ล่ะก็ ฉันต้องห้ามเขาแน่นอน”
ฟางยู่เชินเลิกคิ้ว มองเขาเงียบๆ ไม่พูดอะไรสักคำ
“อี้หมิง นี่มันเรื่องอะไรกันแน่? นายพูดออกมาให้ชัดเจนสิ!” คนที่พูดนั้นเป็นผู้บริหารที่ยืนอยู่ฝั่งฟางอี้หมิง น้ำเสียงของเขาได้ร้อนรนมาก
ฟางอี้หมิงมองฟางยู่เชิน ก็ได้ยิ้มอ่อน “ยู่เชิน อนุญาตให้ฉันเล่าเรื่องราวความจริงทั้งหมดให้พวกผู้บริหารฟังไหม?”
ฟางยู่เชินพยักหน้า “ได้ พี่พูด”
เขานั้นถึงขั้นได้ขยับไปข้างๆ กี่ก้าว หลีกที่ให้ฟางอี้หมิง
ที่ตกลง ก็เพราะอยากจะดูว่าฟางอี้หมิงจะโยนความผิดยังไง
เป็นไปอย่างที่คิด ฟางอี้หมิงก็ได้โยนความผิดทั้งหมดไปที่พ่อของเขา และตัวเขา กลับไม่รู้อะไรเลยทั้งนั้น ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยความละอายใจ
ไม่ไปเป็นนักแสดง น่าเสียดายจริงๆ
พวกผู้บริหารก็ได้พูดคุยไม่หยุด พวกเขานั้นไม่รู้ว่าระหว่างฟางยู่เชินกับฟางอี้หมิงสองคนนี้ คำพูดของใครกันแน่คือความจริง
“ยู่เชิน เธอมีอะไรจะพูดไหม?” ท่านหยางก็ได้เปิดปากถาม
ฟางยู่เชินก็ได้มองไปยังคนที่นั่งรอบๆ มุมปากชี้ขึ้น “ผมก็แค่อยากจะพูดว่า เรื่องที่ผมได้สืบมาทั้งหมดเป็นความจริง ตั้งแต่การหายของวัสดุยาถึงไฟไหม้โกดัง แล้วก็ยังเรื่องการร่วมงานของSAกรุ๊ป ผมไม่เชื่อว่ารองประธานฟางฟางอี้หมิงจะไม่รู้อะไรเลย”
“ฉันไม่รู้เรื่องอะไรเลยจริงๆ”
ฟางยู่เชินหันไป สบตากับฟางอี้หมิง
เวลานี้ ฟางเฉิงก็ได้โวยวาย “อี้หมิงเขาไม่รู้อะไรทั้งนั้น ฉันเป็นคนที่แอบทำลับๆ คนเดียวทั้งหมด หลายปีมานี้ คุณท่านลำเอียงมาโดยตลอด ฉันรู้สึกว่าไม่ยุติธรรม! รู้สึกไม่ยุติธรรมที่คุณท่านเอาฟางซื่อกรุ๊ปยกให้ยู่เชิน!
ฉันคิดแล้วคิดอีก คิดวิธีนี้มาขัดขวางยู่เชิน ให้พวกคุณคิดว่าเขาไม่มีความสามารถที่จะบริหารฟางซื่อกรุ๊ปให้ดี ขอโทษ ขอโทษ เป็นความไม่คิดรอบคอบของฉันชั่วขณะทั้งหมด……”
ฟางเฉิงก็ได้รู้สึกผิดมากๆ เห็นท่าทางแบบนั้นเหมือนว่าไม่ได้เสแสร้ง พวกผู้บริหารก็ได้เริ่มเชื่อเขา
“คุณลุง ถ้าเกิดคุณลุงมีความคิดแบบนี้ หลายปีมานี้คุณน่าจะได้อยู่ในตำแหน่งที่สูงแล้ว” ฟางยู่เชินก็ได้พูดประชด
ที่พวกเขาทำแบบนี้ ก็เพราะเพื่อที่จะปกป้องฟางอี้หมิง แต่ว่าเขาไม่มีทางที่จะปล่อยไปตามดั่งใจพวกเขา
“ยู่เชิน เป็นความผิดของฉันจริงๆ ไม่เกี่ยวอะไรกับอี้หมิงเลยสักนิด” ฟางเฉิงก็ยังยืนยัน
“พ่อครับ พ่อหยุดพูดเถอะครับ ไหนๆ ยู่เชินคิดว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับผม งั้นผมก็ไม่มีทางที่จะหนีความผิด บริษัทอยากจะจัดการผมยังไงก็จัดการเถอะ”
ฟางอี้หมิงก็ไม่ได้แก้ตัวให้ตัวเอง ทำให้พวกผู้บริหารยิ่งยอมที่จะเชื่อเขา
“ยู่เชิน สิ่งที่นายตรวจสอบมานั้นมันผิดหรือเปล่า?” มีผู้บริหารได้ถามออกไป
“ไม่ครับ” ฟางยู่เชินก็ได้พูดออกไปอย่างหนักแน่น
“งั้นที่พวกเขาพูดนั้นมันหมายความว่าอะไรอีกกันแน่?”
ตอนที่ฟางยู่เชินกำลังจะอธิบายนั้น เวลานี้ อยู่ๆ ท่านหยางก็ได้พูดดุด่าออกมา “อะเฉิง นายนี่มันเกินไปจริงๆ ทำไมถึงได้ทำเรื่องที่ทำให้บริษัทเสียหาย ให้ชื่อเสียงของตระกูลฟางเสียหายแบบนี้? ไม่ว่ายังไงยู่เชิน ก็เป็นหลายชายของนายนะ นายรับไม่ได้ในตัวเขาถึงขนาดนี้เลยเหรอ?”
ได้ยินแบบนี้ ฟางยู่เชินก็ได้มองไปทางท่านหยางอย่างยากที่จะเชื่อ เขากำลังจะทำอะไร?
หรือว่าเขาเชื่อพวกฟางอี้หมิงแล้ว?
“ปู่หยาง……” เขาก็ได้รีบร้อนที่จะอธิบายออกมาให้ชัดเจน
ท่านหยางก็ได้ยกมือห้ามเขา “ยู่เชิน นายไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ไหนๆ เรื่องนี้เป็นคุณลุงของนายทำทั้งหมด เรื่องที่ขายหน้าของบ้านจะแฉออกมาไม่ได้ พวกเราจัดการกันเองเถอะ”
ฟางยู่เชินรับไม่ได้ “ปู่หยาง เรื่องไม่ได้เป็นแบบที่พวกเขาพูดเลยสักนิด เรื่องทั้งหมดฟางอี้หมิงเป็นคนสั่งการทั้งหมด เขาไม่สามารถหลุดจากความผิดได้!”
พูดไป อารมณ์ของเขาก็ได้ร้อนขึ้น เสียงก็ได้ดังขึ้นไปมาก
ทั้งห้องประชุมก็ได้เงียบลง ทุกคนต่างพากันฉันมองเธอ เธอมองฉัน ไม่รู้ว่าจะเชื่อใครดีชั่วขณะ
“ยู่เชิน เรื่องที่ให้อภัยได้ก็ให้อภัย”
พอท่านหยางพูดแบบนี้ออกไป ฟางยู่เชินก็เข้าใจความหมายของเขาเลยทันที
เขานั้นอยากที่จะรักษาชื่อเสียงของตระกูลฟาง
ฟางยู่เชินก็ได้ค่อยๆ สงบลง เขาก็ได้หัวเราะเบาๆ ในเสียงหัวเราะกลับเต็มด้วยความรู้สึกน่าสมเพช “จริงสินะ เรื่องที่ให้อภัยได้ก็ให้อภัย”
เขาก็ได้หันหน้ามองฟางอี้หมิงสักพัก และอีกฝ่ายนั้นก็ได้มองเขาด้วยสีหน้าได้ใจที่ยากจะปกปิด
มือที่ได้อยู่ข้างตัวนั้นก็ได้ค่อยๆ กำแน่น เขาก็ได้สูดหายใจเข้าลึกๆ พูด “ฟางเฉิงถูกปลดออกตำแหน่ง ต่อไปเขาไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฟางซื่อกรุ๊ปอีก”
นี่ได้อยู่ในการคาดเดา
เพราะงั้นฟางเฉิงกับฟางอี้หมิงไม่ได้มีความตกใจเลยแม้แต่น้อย และก็ไม่ได้ขอร้องอะไรเพื่อตัวเองอีก
“พอแค่นี้เถอะ เรื่องไฟไหม้โกดังก็ขอให้จบเพียงเท่านี้ เลิกประชุม”
พูดจบ ฟางยู่เชินก็ได้หันหลังเดินออกไปจากห้องประชุม
พวกบริหารก็ได้ค่อยๆ พากันออกไป ตอนที่ท่านหยางได้เดินผ่านฟางอี้หมิง ก็ได้หยุดลง หันหน้า สายตาที่แหลมคมนั้นก็ได้ตกไปบนหน้าของฟางอี้หมิง พูดเสียงเข้มว่า “อี้หมิง เก็บแผนการพวกนั้นของนายไว้ ฟางซื่อกรุ๊ปไม่ใช่ที่ที่นายจะทำอะไรมั่วๆ ได้”
ฟางอี้หมิงก็ได้พยักหน้าอย่างว่าง่าย “ผมรู้แล้วครับ ปู่หยาง”
ท่านหยางก็ได้มองหน้าเขาสักพัก ถึงได้เดินจากไป
“อี้หมิง ทำไมท่านหยางถึงได้ช่วยพวกเรา?” ฟางเฉิงมองแผ่นหลังที่จากไปของท่านหยาง ถามเสียงเบา
ฟางอี้หมิงยิ้มมุมปาก “เพื่อชื่อเสียงของตระกูลฟาง เพื่อชื่อเสียงของคุณท่าน”
ฟางเฉิงก็ได้เข้าใจ “ที่แท้เป็นแบบนี้ ฉันยังคิดว่าเขานั้นแก่ไม่ได้เรื่องแล้วซะอีก ที่เชื่อคำพูดของพวกเรา”
“พ่อครับ ลำบากพ่อแล้ว” ฟางอี้หมิงพูด
ฟางเฉิงก็ได้โบกมือ “ไม่มีอะไรลำบากหรอก ขอแค่ลูกยังอยู่ดี จะให้พ่อทำอะไรก็ได้”
ฟางยู่เชินกลับไปที่ห้องทำงาน ยกมือไปดึงเนกไท หลับตาแล้วก็สูดหายใจไปหลายที ถึงได้กดความหงุดหงิดในใจลงไปได้
“ท่านประธาน เรื่องนี้ก็ปล่อยไปแบบนี้เหรอครับ?” ส้งหยาวก็ได้ถามอย่างระมัดระวัง
“แล้วทำไงได้?” ฟางยู่เชินหันไป ก็ได้มองเขาอย่างเย็นชา
ส้งหยาวขมวดคิ้ว ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย “ทำไมท่านหยางถึงได้ช่วยรองประธานฟางล่ะครับ?”
“ทำไม?” ฟางยู่เชินก็ได้ขำออกมา “เพราะว่าฟางอี้หมิงแซ่ฟางน่ะสิ”
“ต่อให้เป็นแบบนั้น ท่านหยางก็ไม่ควรที่จะทำแบบนี้ นี่เขากำลังตามใจอยู่นะครับ” ส้งหยาวรู้สึกว่าไม่ยุติธรรมมากๆ
“ช่างเถอะ” ฟางยู่เชินก็ได้ตบไปที่ไหล่ของเขา “เรื่องนี้ก็ให้มันจบลงตรงนี้เถอะ ต่อไปก็ระวังรองประธานฟางก็พอ”
ยังไงซะฟางอี้หมิงไม่มีทางที่จะอยู่นิ่งแน่ ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องตกอยู่ในมือของเขาอีกแน่