ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 1053 นับว่านายเข้าใจ
เช้าวันต่อมา ฝู้จิงเหวินออกประตู มองเห็นชายชุดดำนอนบนพื้นไม่ขยับ
เขาก็ได้เข้าไป เตะชายชุดดำ
ชายชุดดำก็ได้รีบลืมตา แล้วก็ลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“ถ้านายจะง่วงขนาดนั้นก็กลับไปนอนได้นะ นอนบนพื้นมันจะไม่สบายได้”
ฝู้จิงเหวินได้มองเขาสักพัก ก็ได้หันไปเดินเข้าลิฟต์
ชายชุดดำที่อยู่ข้างหลังก็ได้ขมวดคิ้ว ทำไมเขาถึงได้นอนบนพื้น?
เขาก็ได้พยายามหวนคิดเรื่องเมื่อคืน แต่ว่าก็คิดไม่ออก
“ไปด้วยกันไหม?”
อยู่ๆ เสียงของฝู้จิงเหวินก็ได้ดังขึ้น
เห็นว่าฝู้จิงเหวินได้เข้าไปในลิฟต์แล้ว ชายชุดดำก็ไม่มีอารมณ์ไปคิดอะไรมาก ก็ได้รีบตามไป
มาถึงสถาบันวิจัย ฝู้จิงเหวินก็ได้เหมือนปกติ ติ๊กบัตรแล้วก็ไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อ
ชาร์สก็อยู่
ตอนที่เขาเห็นฝู้จิงเหวิน ก็ได้ส่งเสียงออกมาอย่างไม่ชอบ
ฝู้จิงเหวินก็ได้ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เขาได้แกล้งทำเป็นไม่เห็นชาร์ส แล้วก็เปลี่ยนสวมเสื้อกาวน์ของตัวเอง
“หลีก!”
ตอนที่ชาร์สเดินผ่านฝู้จิงเหวินนั้น ก็ได้จงใจออกแรงชนฝู้จิงเหวิน
ฝู้จิงเหวินไม่ได้ตั้งตัว ก็ได้ถูกชนไปที่ราวเสื้อผ้าข้างๆ
“ซี๊ด!” ฝู้จิงเหวินเจ็บจนได้สูดหายใจเข้าไป
“ออ ขอโทษ ฝู้ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
ในปากของชาร์สได้ขอโทษ ใบหน้ากลับได้มีความสุขที่เห็นเขาเจ็บ
ฝู้จิงเหวินก็ได้กำหมัดแน่น ก็ได้เก็บความโกรธ พยายามยิ้มออกมา “ไม่เป็นไร”
แต่ก็แค่คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้เขาได้ทนกับมัน ชาร์สเยาะเย้ย ก็ได้พูดออกไป “คนไร้ประโยชน์!”
ใบหน้าของฝู้จิงเหวินก็ยังมีรอยยิ้มเหมือนเดิม มองเขาออกไป
รอให้ชาร์สออกไป สีหน้าของเขาก็ได้น่ากลัวขึ้นมาทันที
ก็ได้เอามือไปนวดศอกที่เจ็บของตน ตาของเขาก็ได้หรี่เล็กน้อย ความอับอายวันนี้ มีวันหนึ่งที่เขานั้นต้องเอาคืนชาร์สเป็นเท่าตัว
“ฝู้ วันนี้นายเป็นไร ทำไมไม่เหมือนนายเลย?”
ข่ายสื้อลินก็ได้พูดไปแล้วก็เดินเข้ามาไป
เธอได้มองเห็นเหตุการณ์นั้นทั้งหมด เดิมที่ในใจได้กังวล กลัวว่าฝู้จิงเหวินจะเหมือนเมื่อก่อน ที่ทนชาร์สไม่ได้แล้วก็ต่อยกันขึ้น
แต่ว่าเกินการคาดเดา ไม่ได้เพียงไม่ต่อยกัน ฝู้จิงเหวินถึงขั้นได้ยิ้มคืนเขา มองไม่เห็นความโมโห
ฝู้จิงเหวินก็ได้มองเธอเรียบๆ หันไปปิดตู้ของตัวเอง
เขาไม่พูดอะไร ข่ายสื้อลินก็ได้มีความหงุดหงิดเล็กน้อย หึอย่างเย็นชา “เห็นทีฉันมองผิดไป นายก็ยังเป็นเหมือนเดิม ทำให้คนเกลียด”
“ลิน” อยู่ๆ ฝู้จิงเหวินก็ได้เปิดปากเรียก
ข่ายสื้อลินก็ได้อึ้งไป
เพราะว่าเขาไม่เคยที่จะเรียกเธอว่า “ลิน”
ก็ได้ประหลาดใจเล็กน้อย ข่ายสื้อลินก็ได้ไอออกมาอย่างทำตัวไม่ถูกเบาๆ “อะไร?”
น้ำเสียงของเธอแข็งเล็กน้อย
ฝู้จิงเหวินก็ได้เลิกคิ้ว “เธอรู้ว่าศาสตราจารย์คูรี่ชอบอะไรไหม?”
“นายถามอันนี้ทำไม?” ข่ายสื้อลินขมวดคิ้ว
“ไม่อะไร ก็รู้สึกว่าทุกคนเป็นทีมเดียวกัน มีความสัมพันธ์ไม่ดีมันมีผลต่องาน”
เหตุผลนี้ของฝู้จิงเหวิน ข่ายสื้อลินไม่เชื่อ เธอได้หลุดขำ “ฝู้ ฉันรู้จักนายมาสักพักแล้ว นายคิดอะไรอยู่ ฉันเข้าใจดีทั้งหมด”
“อ้อ จริงเหรอ?”
ฝู้จิงเหวินก็ได้มีท่าทางที่สนใจขึ้นทันที สองมือได้กอดอก ก็ได้มองเธออย่างสบายๆ “งั้นเธอว่ามาฉันคิดอะไรอยู่?”
“นายพยายามจนเข้าร่วมทีมวิจัยของศาสตราจารย์คูรี่ได้ แต่ว่ายังไม่ได้เข้าถึงการวิจัยหลักสักที เพราะงั้นนายคิดที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับศาสตราจารย์คูรี่ จริงไหม?”
ไม่พูดไม่ได้เลยว่าข่ายสื้อลินฉลาดมาก แป๊บเดียวก็ได้เดาความคิดของเขาออก
ฝู้จิงเหวินไม่ได้ปิดบัง ก็ได้พยักหน้าออกไปอย่างเปิดเผย “ถูกต้อง ฉันได้คิดแบบนั้นแหละ เพราะงั้น เธอช่วยฉันไหม?”
“ทำไมฉันต้องช่วยนาย?” ข่ายสื้อลินไม่ตอบแต่ถามกลับไป
ฝู้จิงเหวินก็ไม่ได้บังคับ “เธอไม่ช่วยไม่เป็นไร ฉันคิดหาวิธีเอง”
พูดจบ เขาก็ได้ก้าวเดินออกไปจากห้องเปลี่ยนเสื้อ
ข่ายสื้อลินหันไป ก็ได้มองเขาที่จากไปอย่างไม่อยากที่จะเชื่อ
เธอก็หัวเราะอย่างอดไม่ได้ เขาไม่รู้เหรอว่าขอแค่เขาเปิดปากขอร้องเธอ ไม่แน่ว่าเธออาจจะรับปากช่วยเขาน่ะ?
แต่ว่า นิสัยที่หยิ่งในศักดิ์ศรีแบบเขา จะมาขอร้องเธอได้ยังไง?
ไม่รู้ทำไม คิดถึงตรงนี้ เธอนั้นก็หดหู่เล็กน้อย
……
เปิดประตูเข้าไปในห้องทดลอง ก็ได้มองเห็นศาสตราจารย์คูรี่ที่ได้พูดคุยกับนักเรียนของตัวเอง
ชาร์สก็อยู่
สายตาของฝู้จิงเหวินได้สั่นไหว ก้าวเท้าเดินไป
“ศาสตราจารย์คูรี่ อรุณสวัสดิ์ครับ”
ได้ยินแบบนั้น ศาสตราจารย์คูรี่กับคนอื่นก็ได้หันหน้าไป เห็นว่าเป็นฝู้จิงเหวิน ทุกคนก็ได้มีสีหน้าที่แปลก
เหมือนดูถูกและก็เหยียดหยาม
ฝู้จิงเหวินไม่ได้สนใจ มุมปากก็ได้มีรอยยิ้มอ่อนๆ ถาม “ศาสตราจารย์คูรี่ ให้ผมช่วยไหมครับ?”
“ไม่ต้องแล้ว” ศาสตราจารย์คูรี่ปฏิเสธ “นายก็ไปทำการทดลองของเมื่อวานให้เสร็จกับพวกเขา”
เขาก็ได้ชี้ไปที่ที่คนต่างพากันทำงานในที่ไม่ไกล
“ครับ”
ฝู้จิงเหวินก็ไม่ได้พูดอะไร ก็ได้หันแล้วเดินไป
สายตาของชาร์สก็ได้ส่องเจตนาไม่ดีมาเล็กน้อย เขาก็ได้เดินไปทางฝู้จิงเหวิน
ฝู้จิงเหวินก็ได้เอาถุงมือใช้แล้วทิ้งมาสวม แล้วก็สวมหน้ากาก หันไปจะเดินไปทางโต๊ะทดลอง
ใครจะคิด พอหันไปก็แทบที่จะชนกับชาร์ส
เขาก็ได้รีบถอยหลังสองก้าว คิ้วห้อย มองชาร์สด้วยความไม่พอใจ “นายทำไมมาอยู่ที่นี่?”
ชาร์สก็ได้หัวเราะอย่างเย็นชา “ฝู้ นายอยากจะทำวิจัยกับอาจารย์ของฉันมากเลยใช่ไหม?”
ฝู้จิงเหวินไม่พูดอะไร
ชาร์สก็คิดว่าเขายอมรับ ก็ได้เยาะเย้ย “นายก็ไม่ดูว่าตัวเองมีอะไรบ้าง มีสิทธิ์อะไรที่จะมาร่วมงานกับอาจารย์ของฉัน”
ฝู้จิงเหวินก็ได้ยิ้มอ่อนๆ “ต่อให้ฉันไม่มีสิทธิ์ แต่ฝีมือของฉันสูงกว่านาย ไม่ใช่เหรอ?”
ชาร์สมองฝู้จิงเหวินไม่สบอารมณ์ เหตุผลหลักก็เพราะว่าตนนั้นเทียบไม่ได้เลยกับฝู้จิงเหวิน
โดยเฉพาะตรงที่ว่าเขานั้นเป็นนักเรียนของศาสตราจารย์คูรี่
“ฝู้!”
โดนแทงใจดำ ชาร์สก็ได้โมโหเล็กน้อย
“ชาร์ส นายอยากจะทำอะไร?”
ข่ายสื้อลินเดินมา ถามด้วยความไม่พอใจ
ชาร์สมองเธอไปสักพัก ก็ได้จ้องฝู้จิงเหวิน โยนคำพูดไว้ “ขอแค่นายอยู่ที่นี่วันหนึ่ง ฉันก็ไม่มีทางให้นายอยู่อย่างสงบสุขวันหนึ่ง”
จากนั้นก็ได้จากไป
ข่ายสื้อลินหันไปมองแผ่นหลังของเขา ก็ได้พูด “ถ้าเขาไม่ได้เป็นนักเรียนของศาสตราจารย์คูรี่ ก็ไล่ออกไปนานแล้ว”
จากนั้น เธอก็ได้มองฝู้จิงเหวิน เขาก็ได้มีสีหน้าเรียบๆ มองไม่ออกว่าโมโห
“ฉันเคยบอกแล้ว นายอย่าไปยั่วโมโหชาร์ส ไม่อย่างนั้นศาสตราจารย์คูรี่จะมองนายแย่กว่าเดิม”
ฝู้จิงเหวินแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน ก็ได้เริ่มทำงาน
ข่ายสื้อลินที่ถูกมองข้ามก็ทนไม่ไหว เธอก็ได้ไปกดมือที่ได้ทำงานของเขา ถามด้วยความไม่พอใจ “ฝู้ นี่ฉันพูดกับนายอยู่นายได้ยินไหม?”
ฝู้จิงเหวินก็ได้หันหน้าไป ริมฝีปากขยับ “แล้ว?”
“แล้ว……” หลังข่ายสื้อลินลังเลไปเล็กน้อย ปล่อยมือ ก็ได้พูดออกไปด้วยน้ำเสียงแปลกๆ “ถ้านายอยากจะรู้ความชอบของศาสตราจารย์คูรี่ ทางที่ดีก็มีท่าทีดีๆ กับฉันหน่อย ไม่แน่ฉันสามารถบอกนายได้”
มือที่ได้จับหลอดทดลองของฝู้จิงเหวินก็ได้นิ่ง มุมปากก็ได้ยิ้มเล็กน้อย “คืนนี้เลี้ยงข้าวเธอ”
ได้ยินแบบนั้น มุมปากของข่ายสื้อลินก็ชี้ขึ้นอย่างห้ามไม่ได้ แต่ว่าเธอได้ทนไว้ พูดออกอย่างเย็นชา “ถือว่านายฉลาด”
ข่ายสื้อลินที่ได้พึงพอใจก็ได้ไม่รบกวนงานของเขา กลับไปที่ตำแหน่งของตน
และฝู้จิงเหวินก็ได้จับหลอดทดลองแน่น สายตาได้สะท้อนความมุ่งมั่นออกมา คราวนี้ไม่ว่ายังไงเขาก็ต้องเอาข้อมูลทดลองของศาสตราจารย์คูรี่มาให้ได้