ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 1054 ล้มเหลวอีกครั้ง
กลางคืนกลับถึงบ้าน พอฟางยู่เชินได้เล่าผลสรุปของเรื่องในการประชุมผู้บริหารไป คนอื่นก็ได้ตกใจทั้งหมด
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้?”
เจียงสื้อสื้อเป็นคนยากจะทำความเข้าใจกับมันมากที่สุด เพราะว่าตั้งแต่แรกเธอก็ได้รู้ว่าเรื่องนี้ฟางอี้หมิงเป็นคนทำ แต่ว่าทำไมมาถึงตรงนี้ถึงได้……
ฟางอี้หมิงไม่เป็นอะไรเลยสักนิด?
“เป็นฉันเองที่ดูถูกฟางอี้หมิงไป” ฟางยู่เชินก็ได้หงุดหงิดเล็กน้อย
ถ้าเกิดรู้ว่าฟางอี้หมิงจะเอาเรื่องทั้งหมดโยนไปให้พ่อของเขาล่ะก็ เขาก็น่าที่จะเปิดปากให้จิ้นเฟิงเฉินช่วย
“นายดูถูกเขาไปจริงๆ” ฟางเถิงพูด “ไม่พูดไม่ได้เลยว่าอี้หมิงเด็กคนนี้ฉลาดมาก เขารู้จักจับจุดที่ท่านหยางที่มีความคิดที่จะปกป้องชื่อเสียงของตระกูลฟางไว้ ถึงได้ให้พ่อของเขายอมรับความผิดไปทั้งหมด”
เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้ว “การทำแบบนี้มัน…..”
คำนั้นเธอคิดว่าไม่เหมาะที่จะพูดออกมา
เห็นลูกชายท้อแท้เล็กน้อย ฟางเถิงก็ได้ไปตบไหล่ของเขา ปลอบใจว่า “เรื่องนี้ลูกจัดการได้ดีมาก ถึงแม้ว่าผลลัพธ์ไม่เป็นที่น่าพอใจ แต่ก็ถือว่าลูกได้ทำการให้คำอธิบายกับพวกผู้บริหารทั้งหมดแล้ว ต่อไปตัวเองต้องระวังมากๆ อย่าให้อี้หมิงเล่นงานลูก”
ฟางยู่เชินพยักหน้า “ผมระวังแน่ครับ”
“จริงด้วย พี่ชาย ที่จริงพี่ทำได้ดีมากๆ แล้ว เชื่อว่าถ้าคุณตารู้เข้า ต้องชมพี่แน่” เจียงสื้อสื้อก็ได้ออกมาปลอบ
พูดซะฟางยู่เชินก็ได้เริ่มเขินทำตัวไม่ถูก “ที่จริงก็ไม่ได้เก่งอย่างที่พวกเธอพูดหรอก”
“ที่ไหน ในสายตาของฉันแล้วก็คุณอาและคุณน้า นั้นก็ได้ดีขนาดนั้นแหละ” เจียงสื้อสื้อมีสีหน้าจริงจัง
“สื้อสื้อพูดถูก ในสายตาของแม่และพ่อของลูก ลูกทำได้ดีมาแล้ว” ซ่างหยิงก็ได้หัวเราะแล้วก็มองฟางยู่เชิน ได้ยกนิ้วโป้งขึ้น
มีคำชมของพวกเขา อารมณ์ของฟางยู่เชินก็ได้ดีขึ้นมาบ้าง เขาก็ได้หัวเราะ พูด “งั้นต่อไปผมพยายามทำให้ดีกว่าเดิมครับ”
เจียงสื้อสื้อก็ได้กำหมัด “สู้ๆ พี่ชาย”
ฟางยู่เชินยิ้ม “ขอบคุณเธอที่ให้กำลังใจนะ”
“ไอ่เด็กนี่ แกอย่ามัวแต่สนใจเรื่องงาน แล้วลืมหาแฟนล่ะ” ซ่างหยิงก็ได้แกล้งทำสีหน้าตึงแล้วก็เตือนเขา
ฟางยู่เชินเบะปาก ก็ได้พูดอย่างช่วยไม่ได้ว่า “แม่ครับ ต้องมีคนที่เหมาะสม ไม่ใช่เหรอ?”
“หยวนหยวนก็ไม่เลว”
พูดถึงซ่างกวนหยวน ซ่างหยิงก็ยากที่จะปกปิดสีหน้าของความชอบและพอใจ
ฟางยู่เชินกับเจียงสื้อสื้อจ้องหน้ากัน ทั้งสองก็ได้มีคำว่าทำอะไรไม่ได้เขียนอยู่
“แม่ครับ หยวนหยวนไม่เลวก็จริง แต่ว่าคนเขาไม่ได้ชอบผม แม่ก็อย่าคิดเลยครับ ได้ไหม?”
ฟางยู่เชินก็ได้พูดออกไปตรงๆ ถึงตอนนั้นจะได้ไม่ต้องเป็นแบบความหวังยิ่งมาก ผิดหวังก็ยิ่งมาก
กับเรื่องนี้ ซ่างหยิงก็ไม่ได้สนใจมาก “คนเขาตอนนี้ยังไม่ชอบลูกก็จริง เพราะงั้นลูกต้องพยายามไง แม่เชื่อว่าลูกที่เก่งขนาดนี้ เธอต้องชอบลูกแน่”
จริงเหรอ?
ฟางยู่เชินก้มหน้า รอยยิ้มที่ขมขื่นก็ได้ประดับที่มุมปาก
เสียดายที่คนเขาชอบผู้ชายที่เก่งกว่าเขา
เจียงสื้อสื้อมองฟางยู่เชิน ในใจก็ได้ถอนหายใจออกมาเบาๆ ในใจ ถ้าไม่รู้ว่าคนที่ซ่างกวนหยวนชอบเป็นเฟิงเฉินยังดีหน่อย ตอนนี้รู้แล้ว สำหรับเขาแล้วมันโหดร้ายเกินไป
“คุณน้าสะใภ้เล็กคะ คุณน้าสะใภ้ก็ไม่ต้องกดดันพี่ชายแล้ว เรื่องนี่มันเป็นอะไรที่ไม่แน่นอนนะคะ”
“ใช่ อย่ากดดันลูกชายเลย” ฟางเถิงก็ได้พูดเสริมขึ้นมา
เห็นว่าพวกเขาออกตัวแทนฟางยู่เชิน ซ่างหยิงก็ได้มองไปยังสามีอย่างหงุดหงิด “นี่ฉันได้กดดันเหรอ? ก็ไม่ดูว่าเขาอายุเท่าไหร่แล้ว”
ฟางเถิงก็ได้ไม่กล้าพูดอะไรทันที ก็ได้ไปดูทีวีที่ห้องรับแขก
“เอาหน่า คุณน้าสะใภ้เล็ก ไม่ต้องพูดแล้วนะคะ หนูหิวแล้ว……” เจียงสื้อสื้อก็ได้ลูบท้องของตัวเอง พูดอย่างน่าสงสาร
รู้ว่าเธอกำลังเปลี่ยนเรื่อง ซ่างหยิงก็ได้หัวเราะอย่างช่วยไม่ได้ “หนูนี่น้า!”
เจียงสื้อสื้อก็ได้แลบลิ้น “หนูหิวจริงๆ นะ”
“จ๊า รู้แล้ว”
ซ่างหยิงหัวเราะไปแล้วก็ส่ายหน้า จากนั้นก็ได้หันไปเดินเข้าห้องครัวให้คนใช้เตรียมอาหาร
“พี่ ไม่ต้องคิดมาขนาดนั้น เรื่องความรู้สึกเป็นไปตามธรรมชาติดีกว่า”
เจียงสื้อสื้อมองฟางยู่เชินที่ยังก้มหัวอยู่ ก็อดปลอบใจไม่ได้
“สื้อสื้อ” ฟางยู่เชินเงยหน้าขึ้น
“หื้อ?”
“เธอว่าเขาทำไมถึงได้ยื้อติดแบบนี้? รู้อยู่แท้ๆ ว่าเป็นไปไม่ได้แต่ยังไม่ยอมแพ้” ฟางยู่เชินยิ้มอย่างขมขื่น
เจียงสื้อสื้อก็อดหัวเราะไม่ได้ “พี่ค่ะ พี่ไม่คิดว่าพี่ถามคำถามนี้กับฉันมันไม่โหดร้ายไปหน่อยเหรอ?”
คนที่ซ่างกวนหยวนชอบเป็นสามีของเธอนะ
ก็เหมือนกับว่าดวงตาของเธอนั้นได้มีเม็ดทรายบินเข้ามา อยู่ในนั้นจนอึดอัด
“ขอโทษ” ฟางยู่เชินพูดขอโทษ
“พี่คะ พี่ไม่ต้องขอโทษ ฉันก็แค่พูดไปอย่างงั้นแหละ” เจียงสื้อสื้อก็ได้สูดหายใจเข้าลึกๆ พูดว่า “ที่จริงฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าทำไมเธอถึงได้ยึดติดขนาดนั้น”
เธอได้ตั้งใจคิดสักพัก “อาจเป็นเพราะว่าเฟิงเฉินเก่งเกินไป เธอก็มองคนอื่นไม่เข้าตา”
พูดจบ เธอก็ได้รู้สึกว่ามันแปลกๆ ก็ได้รีบพูดไปต่อว่า “พี่ ฉันไม่ได้หมายความว่าพี่ไม่เก่งเท่าเฟิงเฉินนะ”
“ฉันรู้ตัวเองดี” ฟางยู่เชินหัวเราะ รอยยิ้มได้เต็มไปด้วยการดูถูกตัวเอง
“พี่เก่งมากนะ เธอต่างหากที่มีตาหามีแววไม่”
พูดถึงตรงนี้ เจียงสื้อสื้อก็รู้สึกไม่ดีกับซ่างกวนหยวนมากกว่าเดิม
มีคนที่ดีขนาดนี้ชอบแล้วแท้ๆ แต่ก็ยังไปมองสามีของคนอื่น ทำให้คนรู้สึกรังเกียจจริงๆ
“เป็นฉันที่ไม่ดีพอ อีกอย่าง……” ฟางยู่เชินก็ได้ยักไหล่ “ฉันเตรียมที่จะตัดใจแล้ว”
“หา?” เจียงสื้อสื้อคิดว่าตัวเองฟังผิดไป
“ที่เธอพูดก็ถูก เรื่องความรู้สึกให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ บังคับกันไม่ได้”
ถึงแม้ว่าฟางยู่เชินพูดได้ชิลมาก แต่เจียงสื้อสื้อรู้ว่าในใจของเขาที่จริงแล้วก็เจ็บปวด
“พี่……”
เธออยากที่จะปลอบใจ แต่อยู่ๆ เสียงของซ่างหยิงก็ส่งมา “พวกเธอมาทานข้าวได้แล้ว”
ฟางยู่เชินก็ได้หัวเราะให้เธอ “เธอวางใจเถอะ ฉันไม่เป็นไร ไป กินข้าวแล้ว”
พูดจบ เขาก็ได้เดินไปที่ห้องครัว
มองแผ่นหลังของเขา เจียงสื้อสื้อก็ได้ถอนหายใจอย่างแรง หวังว่าเขาจะตัดใจได้จริงๆ แต่ไม่ใช่แค่คำพูด
……
ล้มเหลวอีกแล้ว
ซ่างกวนหยวนก็ได้จ้องมองหนูทดลองที่ตายไปแล้วในภาชนะ ใบหน้าที่ได้แต่งหน้ามาจนสวยไม่มีมีความรู้สึกอะไร
เธอก็ได้ถอดถุงมือแล้วทิ้งไปข้างๆ อย่างหงุดหงิด
ไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ซับซ้อนกว่าที่เธอคิดไว้มาก ระยะฟักตัวสั้นเกินไป กำเริบเร็วมาก เร็วจนเธอนั้นไม่มีทางที่เอายาที่ได้ทดลองออกมาฉีดในตัวหนูทดลอง หนูทดลองก็ตายก่อนแล้ว
ทำให้เธอนั้นไม่มีโอกาสที่จะทดลองเลยว่ายาที่ทำออกมาได้ผลต่อไวรัสไหม
ยานั้นเธอเป็นคนผลิตออกมา ขอแค่สามารถที่จะทดลองสำเร็จในตัวหนูทดลอง งั้นเธอก็สำเร็จไปเกินกว่าครึ่งแล้ว
“หยวนหยวน” ซ่างกวนเชียนก็ได้เปิดประตูเดินเข้ามา
ซ่างกวนหยวนก็ได้หันหน้าไปมองเขา ขมวดคิ้วที่เรียวสวย “นายมาทำไม?”
“พวกเขาบอกว่าเธอไม่ได้ออกจากห้องทดลองมาหนึ่งวันแล้ว กลัวว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ ก็ให้ฉันมาดู” ซ่างกวนเชียนก็ได้อธิบายออกไปอย่างระวัง
“ฉันไม่เป็นไร” ซ่างกวนหยวนลุกขึ้น เดินไปที่อ่างข้างๆ แล้วล้างมือ
ซ่างกวนเชียนมองหนูทดลองที่ตายไปสักพัก สายตาก็ได้มีความรังเกียจ เขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าผู้หญิงแบบเธอทำไมถึงได้ชอบทำการทดลอง
“ยังมีเรื่องอื่นไหม?” ซ่างกวนหยวนล้างมือเสร็จ หันไป ก็ได้มองเขาอย่างเย็นชา
“ก็……” ซ่างกวนเชียนลังเลสักพัก “ฉันได้ยินว่าเธอได้จองตั๋วไปอิตาลี”