ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 1078 ไม่รู้จักเดินหน้าหรือถอยหลังอย่างไง
- Home
- ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!
- บทที่ 1078 ไม่รู้จักเดินหน้าหรือถอยหลังอย่างไง
“ถ้าหากคุณคิดดีแล้ว ทำไมยังมาหาผม?” ฝู้จิงเหวินถาม
จิ้นเฟิงเฉินครุ่นคิดไปชั่วครู่ “ผมต้องการแผนผังภาพศูนย์วิจัย และสถานการณ์การรักษาความปลอดภัย”
“คุณอยากให้ผมวาดแผนผังภาพศูนย์วิจัยให้คุณ?”
“ใช่” จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้า “ผมไม่ทำเรื่องที่ไม่มีความมั่นใจ”
ฝู้จิงเหวินยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นคุณรู้ได้ยังไงว่าผมจะยินยอมวาดให้คุณ?”
“เพราะสื้อสื้อ”
จิ้นเฟิงเฉินมองเขาอย่างมั่นใจ แล้วเปิดปากพูดอีกครั้ง “แต่ว่า ถ้าหากคุณลำบากใจ ก็ไม่ต้องฝืน”
ฝู้จิงเหวินหัวเราะเบาๆ รอยยิ้มขมขื่นเล็กน้อย “สื้อสื้อ……”
เขาหลับตา เหมือนกำลังคิด
จิ้นเฟิงเฉินไม่รีบร้อน นั่งรอเงียบๆ
ผ่านไปนานมาก ฝู้จิงเหวินค่อยๆลืมตา แววตาครุ่นคิด “ได้ ผมวาด แต่ว่าต้องให้เวลาผมนิดหนึ่งเพื่อดูทุกมุมของศูนย์วิจัยให้ชัดเจน”
“ได้ แค่อย่านาน ผมรอไม่ได้ สื้อสื้อก็รอไม่ได้แล้ว”
ได้ยินแล้ว ฝู้จิงเหวินหัวเราะมองจิ้นเฟิงเฉิน “ประธานจิ้น ผมไม่ใช่พนักงานคุณ อีกอย่าง ผมอยากช่วยสื้อสื้อมากกว่าคุณอีก เพราะฉะนั้นคุณวางใจได้ ไม่นานหรอก”
จิ้นเฟิงเฉินจ้องเขาไปสักพัก แล้วค่อยเคลื่อนสายตาออก “วาดเสร็จแล้วติดต่อผม”
พูดจบ เขาก็หันตัวจากไป
ส่วนฝู้จิงเหวินยืนอยู่กับที่ เขามองเขาเดินจากไป จนประตูปิดแล้วก็ยังมองไม่ละสายตา
กำมือสองข้างไว้แน่น สายตาแน่วแน่ ไม่ว่ายังไง ครั้งนี้ก็ต้องสำเร็จ
…….
ตั้งแต่ครั้งที่แล้วที่เห็นจิ้นเฟิงเฉินกินอาหารเช้ากับผู้หญิงคนอื่น ซ่างกวนหยวนก็อยู่แต่ในห้องของโรงแรม แม้แต่อาหารสามมื้อก็กินในห้อง
เธอหาเหตุผลที่จะไปเจอจิ้นเฟิงเฉินไม่ได้
เขารู้ว่าเธอมาอิตาลีแล้ว อีกอย่างวันนั้นผู้หญิงคนนั้นเข้ามาสั่งสอนเธอ ต้องได้รับอนุญาตจากเขาแล้วแน่นอน
นั่นก็หมายความว่า เขาไม่ชอบเธอ ยิ่งไม่อยากเห็นหน้าเธอ
คิดถึงจุดนี้ ซ่างกวนหยวนยิ่งรู้สึกวุ่นวายใจ
ไม่ได้
เธอมาอิตาลีก็เพื่อเขา จะหลบอยู่แต่ในห้องแบบนี้ไม่ได้
ดังนั้น เธอลุกขึ้นเดินไปห้องน้ำ แตกหน้าอย่างตั้งใจ เปลี่ยนชุดกระโปรงตัวสวย
เธอมองตัวเองในกระจกอย่างพอใจ เงยหน้าขึ้นอย่างมั่นใจ
เธอเชื่อมั่น จิ้นเฟิงเฉินเห็นเธอแล้วต้องตาเป็นประกายแน่นอน
หลายวันนี้ถึงจะไม่ได้ออกจากห้องนอน แต่เธอก็ให้คนไปสืบแผนการเดินทางทั้งหมดของจิ้นเฟิงเฉินแล้ว รู้ว่าเขาลงไปกินอาหารเย็นที่ร้านอาหารชั้นล่างของโรงแรมทุกวัน
ดังนั้น เธอจึงนั่งลิฟต์ลงไปร้านอาหารชั้นสามของโรงแรม
พอเดินเข้าไป เธอก็มองเห็นจิ้นเฟิงเฉินที่นั่งหันหลังให้เธอหันหน้าไปทางกระจก
“ประธานจิ้น บังเอิญจังเลย”
จิ้นเฟิงเฉินกำลังคุยโทรศัพท์ เสียงผู้หญิงที่ดังขึ้นข้างหูทำให้เธอขมวดคิ้ว เงยหน้าขึ้น เห็นเพียงซ่างกวนหยวนดึงเก้าอี้ตรงข้ามเขาแล้วนั่งลง มองเขาหน้าตายิ้มแย้ม
“แค่นี้ก่อน”
วางสายแล้ว จิ้นเฟิงเฉินมองซ่างกวนหยวนด้วยสายตาเย็นชา ริมฝีปากบางเปิดออก “คุณซ่างกวน ผมชอบอยู่คนเดียว กรุณาเปลี่ยนที่นั่งด้วย”
รอยยิ้มบนหน้าซ่างกวนหยวนแข็งไปทันที แต่ไม่นานก็กลับมาเหมือนเดิม “ต่างถิ่นต่างแดน ได้เจอคนรู้จักก็ถือว่าเป็นโชคชะตา ฉันว่าประธานจิ้นคงไม่ขี้เหนียวขนาดนั้นหรอกนะคะ แม้แต่ให้ฉันนั่งด้วยก็ไม่ได้”
“ผมเป็นคนขี้เหนียวแบบนี้มาตลอด” จิ้นเฟิงเฉินพูดเสียงเรียบ
ซ่างกวนหยวนยิ้ม ยิ้มอย่างครุมเครือ “คิดไม่ถึงว่าประธานจิ้นก็มีอารมณ์ขันแบบนี้”
“คุณ กรุณาเปลี่ยนที่นั่งด้วย” จิ้นเฟิงเฉินพูดซ้ำอีกครั้ง ไม่ไว้หน้าเธอแม้แต่น้อย
คราวนี้ ซ่างกวนหยวนยิ้มไม่ออกแล้ว เธอจ้องหน้าเขาตาไม่กะพริบ ใบหน้าที่ตั้งใจแต่งหน้ามาอย่างดีแสดงอาการไม่พอใจ
“ถ้าฉันไม่เปลี่ยนละ?” เธอไม่ยอมทำตามเขา
จิ้นเฟิงเฉินยิ้มหน้าเฉย แววตาเย็นชา จ้องกลับไป “คุณไม่ยอมเปลี่ยน?”
“ฉันไม่เปลี่ยน” ซ่างกวนหยวนแสดงท่าทางยืนยันหนักแน่นเธออยากนั่งก็นั่ง
“ได้”
จิ้นเฟิงเฉินลุกขึ้น เดินไปนั่งในที่นั่งไม่ไกลนัก โบกมือเรียกพนักงานมา สั่งอาหารใหม่
ซ่างกวนหยวนดูอาหารเย็นที่เขายังกินไม่หมด โมโหจนหัวเราะออกมา
ผู้ชายคนนี้เกลียดเธอขนาดนี้เลยเหรอ แม้แต่กินข้าวโต๊ะเดียวกับเธอยังไม่ยินดี
เขาคงไม่ได้คิดหรอกนะว่าเธอจะยอมแพ้ง่ายๆแบบนี้?
ซ่างกวนหยวนมองไปที่จิ้นเฟิงเฉิน หรี่ตาลง แววตาหนักแน่นผิดปกติ
ไม่ว่ายังไงเธอก็จะนั่งกับเขา
เธอลุกขึ้นเดินไป นั่งลงตรงข้ามเขาอีกครั้ง
จิ้นเฟิงเฉินเงยหน้า สบตากับเธอพอดี
เขาเข้าใจเป้าหมายของเธอทันที
“คุณซ่างกวน คำพูดบางอย่างอย่าให้ผมพูดซ้ำอีกรอบ หวังว่าคุณจะเคารพตัวเองด้วย” จิ้นเฟิงเฉินมองเธอสีหน้าเย็นชา
ซ่างกวนหยวนยังคงรักษารอยยิ้มบนหน้า ค่อยๆเปิดปากพูด “ประธานจิ้น ถึงแม้คุณจะไม่ชอบฉันยังไง ก็ไม่จำเป็นต้องแสดงออกชัดเจนขนาดนี้ก็ได้ ไม่ว่ายังไง พวกเราก็เป็นผู้ร่วมธุรกิจกัน ฉันอยากกินข้าวร่วมกันสักมื้อ คงไม่เกินไปหรอกนะ?”
“ไม่เกินไป”
ได้ยินคำตอบของเขา ซ่างกวนหยวนสีหน้าดีใจ กำลังจะพูด แต่เขากลับพูดต่อ “แต่ผมชอบกินคนเดียว”
ซ่างกวนหยวนยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นคุณก็คิดสักว่าไม่มีฉันอยู่”
เธอลดตัวถ่อมตนขนาดนี้แล้ว เขาคงจะไม่ถึงขั้นไม่ไว้หน้าเธอขนาดนั้นมั้ง
“คุณเป็นคนไหม?” ความอดทนของจิ้นเฟิงเฉินที่หลงเหลือเพียงน้อยนิด
คนที่ไม่รู้จักเดินหน้าถอยหลังแบบนี้ เขาไม่จำเป็นต้องไว้หน้าแล้ว
“อือ?” ซ่างกวนหยวนไม่เข้าใจความหมายของเขา
“ถ้าคุณไม่ใช่คน ผมก็จะคิดว่าคุณไม่มีตัวตน”
ความปากจัดของเขาทำให้ซ่างกวนหยวนโมโห โกรธจนลุกขึ้นยืน จ้องหน้าเขา “จิ้นเฟิงเฉิน คุณเกินไปแล้วนะ”
จิ้นเฟิงเฉินยิ้มอย่างเย็นชา ในแววตาเต็มไปด้วยความดูถูก
คนที่ทุ่มเทหาโอกาสยั่วสามีเพื่อน กลับมาบอกเขาว่าอย่าทำเกินไป?
ซ่างกวนหยวนยิ่งคิดยิ่งโมโห เธอเอาหัวใจของตัวเองวางไว้ข้างหน้าเขา ไม่ใช่ให้เขาเหยียบย่ำแบบนี้
อยู่มายี่สิบกว่าปี ซ่างกวนหยวนรู้สึกอับอายแบบนี้เป็นครั้งแรก เธอกำหมัดไว้แน่น พูดอย่างดุดัน “จิ้นเฟิงเฉิน สักวันคุณต้องมาขอร้องฉัน”
ทิ้งคำพูดนี้ไว้ เธอก็เดินจากไปอย่างโมโห
จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้ใส่ใจ มองมันเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย ในที่สุดเขาก็สามารถกินข้าวอย่างเงียบๆได้แล้ว
กลับไปถึงห้องนอนด้วยความโมโห ซ่างกวนหยวนโยนกระเป๋าไปที่โซฟาอย่างแรง มือเท้าสะเอว หายใจหอบเพราะความโมโห
“เกินไปแล้ว มันเกินไปแล้วจริงๆ”
เธอยืนสูดหายใจลึกๆอยู่หลายครั้ง ถึงสงบสติอารมณ์ตัวเองได้
เสียดายที่เธออุตส่าห์แต่งตัวอย่างสวย เขามองไม่เห็นแม้แต่น้อย
หลังจากความโมโหแล้ว มากกว่านั้นคือหดหู่และเสียใจ
ล้มนั่งอยู่บนโซฟา เงยหน้าพิงนอนลงไป มุมปากยิ้มขึ้นอย่างเยาะเย้ย
เธอสู้เจียงสื้อสื้อไม่ได้ตรงไหน ทำไมเขาถึงไม่มองเธอแม้แต่นิดเดียว?
ผ่านไปสักครู่ เธอลุกขึ้นนั่งตัวตรง แววตามืดมน
ไม่ได้ เธอจะยอมแพ้แบบนี้ไม่ได้
เธอต้องให้จิ้นเฟิงเฉินมาหาตัวเองให้ได้
หามือถือจนเจอ เธอก็โทรออกไป
พอทางโน้นรับสาย มุมปากเธอก็ยิ้มขึ้น “สวัสดี คุณพิเอร์ส”