ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 109 เราควรรักษาระยะห่างกันจะดีกว่า
บทที่ 109 เราควรรักษาระยะห่างกันจะดีกว่า
แม้ว่าตระกูลหลานและตระกูลเจียงจะรอดพ้นครั้งนี้ แต่ชื่อเสียงไม่ได้ดีเหมือนเก่า ชื่อเสียงนั้นเสียหายไปมาก ตอนนี้เมื่อเจอจิ้นเฟิงเฉิน มีหรือที่จะกล้าไปมีเรื่องด้วย
เจียงนวลนวลนั้นยิ่งโมโห เดิมคิดว่าเจียงสื้อสื้อนั้นโดนทิ้งแล้ว ปรากฎว่าตัวเองต้องหน้าแตก
สีหน้าของเธอนั้นดูแย่ ทำไมช่วงนี้เธอนั้นต้องโดนพูดซุบซิบนินทา โดยเฉพาะพวกที่อยู่รอบข้าง ทุกคนต่างก็บอกว่าเธอเป็นเมียน้อย ไม่มีใครอยากจะคบค้าด้วย
แต่ว่าเจียงสื้อสื้อล่ะ! เธอยังมีชีวิตสงบสุข และยังไปมาหาสู่กับจิ้นเฟิงเฉิน
เจียงนวลนวลกัดฟันกรอด เธอไม่เชื่อหรอกว่าจิ้นเฟิงเฉินจะไม่มีวันเบื่อเจียงสื้อสื้อ ต้องมีสักวันที่เธอจะเอาคืนทุกอย่างกับสิ่งที่เธอต้องเจอตลอดทั้งเดือนที่ผ่านมานี้
……
หลังเดินออกจากโรงพยาบาล เจียงสื้อสื้อสงสัยจึงถามว่า “คุณมาที่นี่ได้ยังไง?”
“บังเอิญผ่านมาน่ะ”
เจียงสื้อสื้อ “……”
บังเอิญเจอที่ร้านอาหารก็แล้วไป แต่ยังยังเอิญเจอที่โรงพยาบาล เจียงสื้อสื้อจะเชื่อได้ยังไง มีก็แต่ซูซานที่รู้ว่าเธอมาโรงพยาบาล หรือว่าจะเป็นซูซานที่บอกจิ้นเฟิงเฉิน แต่ว่าซูซานไม่รู้จักจิ้นเฟิงเฉินนี่นา! ทำไมเธอต้องบอกเขาด้วยล่ะ ระหว่างที่สับสนอยู่นั้น ได้ยินแต่เสียงของจิ้นเฟิงเฉินพูดว่า “ไปเถอะ ไปทานข้าวกัน”
เจียงสื้อสื้อได้สติ เธอพูดเรียบเฉยว่า “ไม่ล่ะค่ะ ฉันเหนื่อยแล้ว คุณไปเถอะ ฉันจะกลับก่อนแล้ว”
จิ้นเฟิงเฉินก็ไม่ได้บังคับเธอ พูดว่า “ผมไปส่งคุณ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันกลับเองได้”
ได้ยินแล้ว จิ้นเฟิงเฉินมองเธออย่างสงสัย ถามว่า “เป็นอะไรไป? อารมณ์์ไม่ดีหรือ?”
หรือว่ายังโกรธที่เขาจูบเธอเมื่อตอนกลางวัน ?
เจียงสื้อสื้อส่ายหน้า เหมือนว่าตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้ว พูดว่า “จิ้นเฟิงเฉิน ต่อไปเราก็เป็นเพื่อนกันเถอะนะ ขอบคุณที่คุณช่วยเหลือฉันมาตลอด แต่ว่าตอนนี้ฉันไม่อยากจะคอยรบกวนคุณ และอีกอย่าง……ฉันมีคนที่ชอบอยู่แล้ว”
คำพูดเหล่านี้ เป็นสิ่งที่เจียงสื้อสื้อเพิ่งจะคิดออกตอนจะออกจากโรงพยาบาล
เธอกับจิ้นเฟิงเฉิน จะเป็นแบบนี้ต่อไปอีกไม่ได้แล้ว
ได้ยินแล้ว จิ้นเฟิงเฉินหน้าชาไปเลย เขาจ้องมองไปที่เธอ ถามเธอด้วยน้ำเสียงชัดเจนว่า “เขาเป็นใคร?”
รับรู้ได้ถึงสายตาโกรธเกรี้ยวนั้น เจียงสื้อสื้อรวบรวมความกล้าแล้วพูดว่า “ไม่ว่าจะเป็นใคร ก็ไม่มีทางเป็นคุณ จิ้นเฟิงเฉิน ฉันรู้ว่าเราต่างกันขนาดไหน ฉันเองก็ไม่กล้าที่จะหวังสูง ตอนนั้นที่คบกับคุณ ก็เป็นเพราะว่าเสี่ยวเป่า…… แต่ไม่คิดว่า สุดท้ายจะเป็นแบบนี้”
เจียงสื้อสื้อสูดหายใจลึก พูดอีกว่า “สรุปคือขอให้คุณเคารพฉัน จิ้นเฟิงเฉิน ต่อไปเราควรรักษาระยะห่างจะดีกว่า”
หลังจากพูดจบ เจียงสื้อสื้อไม่กล้าสบตาเขา แล้วก็ออกจากโรงพยาบาลไปเลย
จิ้นเฟิงเฉินยืนอึ้งอยู่ที่เดิม กำลังคิดทบทวนสิ่งที่เธอพูดมา
รักษาระยะห่าง เพราะอะไร? หรือว่าเธอจะไม่ได้ชอบเขาจริง ๆ? หรือว่าเธอชอบคนอื่นแล้วจริง ๆ ? แล้วจะเป็นใคร? ลู่เจิงหรือ?
มิน่าล่ะ ช่วงนี้เธอถึงพยายามหลบเขาตลอด ไม่สนใจข้อความที่เขาส่งไป ไม่อยากไปหาเขาที่บริษัท และยังออกไปก่อน
จิ้นเฟิงเฉินคิ้วขมวด เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกไม่รู้จะทำยังไง เขาไม่กล้าแม้แต่จะตามเจียงสื้อสื้อไป ตามเธอไปแล้วแล้วเขาควรพูดอะไร……
เขาจ้องมองตามหลังของเธอไป สายตาของจิ้นเฟิงเฉินนั้นเสียใจอย่างแสนสาหัส โดนปฏิเสธครั้งแรก รสชาติของการโดนปฏิเสธเป็นแบบนี้นี่เอง
…….
เจียงสื้อสื้อเองมีหรือจะไม่ทุกข์ใจ ดวงตาแดงก่ำ บังคับตัวเองอย่าหันกลับไปมองเขา
ความรู้สึกผิดเต็มตื้อไปทั้งหัวใจ ในใจของเจียงสื้อสื้อได้แต่พูดว่าขอโทษ ขอโทษ……
เธอจะไปชอบคนอื่นได้อย่างไร ในเมื่อคนที่เธอชอบมาตลอดก็คือเขา!
คนที่ดีพร้อมขนาดนั้น จะมีคนไม่ชอบได้ยังไง
แต่ก็เพราะแบบนี้ เธอจะเห็นแก่ตัวไม่ได้
การพบกันแต่ละครั้ง มีแต่จะทำให้ทั้งสองคนถลำลึก ต่อไปจะยิ่งลำบาก ตอนนี้เจียงสื้อสื้อทำได้เพียงแข็งใจทำลงไป
เธอเชื่อว่า จิ้นเฟิงเฉินจะต้องเจอคนที่ดีกว่า ผู้หญิงแบบเธอนั้น ไม่มีทางจะอยู่ร่วมกันได้
เจียงสื้อสื้อเดินกลับไปถึงบ้าน โรงพยาบาลห่างจากบ้านเธอไกลมาก ตอนที่ถึงบ้าน ท้องฟ้าก็มืดแล้ว
ไปถึงประตู เธอถึงคิดได้ว่ากุญแจหาย เจียงสื้อสื้อถอนหายใจ โทรหาเจ้าของบ้านมาเปิดประตูให้ เข้าไปในห้อง เจียงสื้อสื้อก็ล้มตัวลงนอนบนโซฟา ร่างกายเธอเหมือนโดนสูบพลังงานไปจนหมด จากวันนี้ไป เธอกับจิ้นเฟิงเฉินจะไม่ได้พบกันอีกแล้วใช่ไหม?
ทั้ง ๆ ที่ก่อนที่จะพูดแบบนั้น เจียงสื้อสื้อน่าจะรู้สึกว่าได้ปลดปล่อยแล้ว แต่ตอนนี้ ในใจของเธอนั้นทุกข์จนยากจะเปรียบได้
เจียงสื้อสื้อนั้นได้หลับไปบนโซฟา ในฝัน เรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงสองเดือนที่ผ่านมานั้นค่อย ๆ ปรากฎในความคิดเธอ มันช่างสมจริงเหลือเกิน
ครั้งแรกที่พวกเขาพบกัน เขาคอยช่วยเหลือเธอตลอด และยังมีเสี่ยวเป่า
ไม่รู้ว่าหลับไปนานเท่าไหร่ เจียงสื้อสื้อตื่นมาเพราะความหิว เธอลืมตาช้า ๆ เช็ดน้ำตา
เจียงสื้อสื้อยิ้มอย่างขื่นขม ไม่คิดว่าตัวเองจะฝันถึงเขา
ผ่านไปสักพัก เธอลุกขึ้น ไปทำอะไรง่าย ๆ ทานในครัว
เจียงสื้อสื้อนั้นรู้สึกตัวเองเหมือนโดนของ ใบหน้าของจิ้นเฟิงเฉินนั้นปรากฏในความคิดของเธอซ้ำไปซ้ำมา เธอพยายามบอกตัวเอง อย่าไปคิดถึงเขาอีก ต่อจากนี้ไปทั้งสองเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก แต่ว่าใจของเธอนั้นก็ยากเกินที่จะควบคุม
ด้วยแบบนี้ เจียงสื้อสื้อก็นอนไม่หลับตลอดคืน
……
เช้าวันต่อมา จิ้นเฟิงเหราเพิ่งจะถึงบริษัท ก็ถูกกู้เนี่ยนลากไป เห็นเขารีบพูดรีบจาว่า “คุณชายรอง คุณชายรอง เกินเรื่องใหญ่แล้ว!”
จิ้นเฟิงเหราทำหน้าสงสัย มองที่เธอแล้วถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
“เมื่อคืนประธานจิ้นไปดื่มในบาร์ดื่มไปไม่น้อยเลย ดึกดื่นเที่ยงคืน เรียกฉันให้ไปส่งเขาที่บ้าน วันนี้ยัง.…..”
ได้ยินแล้ว จิ้นเฟิงเหราคิ้วขมวด เท่าที่จำได้ พี่ชายเขาไม่ค่อยไปดื่มเพื่อคลายทุกข์เท่าไหร่ ยังดื่มหนักอีก เกิดเรื่องอะไรขึ้นนะ?
จิ้นเฟิงเหราเปิดประตูเข้าไปในห้องทำงานพร้อมความสงสัย กลิ่นบุหรี่โชยมาปะทะหน้า ในห้องมีแต่ควันโขมง จิ้นเฟิงเฉินนั่งทำงานบนโต๊ะ บนโต๊ะมีกองเอกสารเท่าภูเขา เหมือนจะทำงานเผื่อปีหน้า
จิ้นเฟิงเหรารู้นิสัยพี่ชายดี
จิ้นเฟิงเฉินอารมณ์ไม่ดี จะคอยทรมานลูกน้อง ติติงงานทุกอย่าง ให้งานออกมาเพอร์เฟค
ก็เหมือนกับครั้งก่อนตอนที่มีปัญหากับพี่สะใภ้ก็เป็นแบบนี้
แต่ถ้าเขาอารมณ์์ไม่ดีเอามาก ๆ ไม่เพียงแค่ลูกน้องที่จะซวย เวลาที่จิ้นเฟิงเฉินร้ายขึ้นมา แม้แต่เขาก็ไม่รอด
มองดูกองภูเขาเอกสารพวกนี้ จิ้นเฟิงเหรารับรู้ได้เลยว่าไม่ดีแน่! ดูแล้วคงเกิดเรื่องใหญ่เข้าแล้ว โดยสัญชาตญาณแล้ว เขารู้ได้เลยว่าต้องเกี่ยวกับเจียงสื้อสื้อแน่นอน