ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 1092 รับปากฉัน ลืมสื้อสื้อซะ
ฝู้จิงเหวินอยากไปหาข่ายสื้อลินแต่ว่านับจากครั้งก่อนที่เบอร์เกนส่งคนมาคอยจับตาเขามากขึ้น ตอนนี้เขาแทบจะกระดิกตัวลำบาก
เขาอาศัยจังหวะตอนที่ดื่มน้ำ สายตาเหล่มองไปที่ชายชาวต่างชาตอร่างสูงใหญ่สองคนที่ยืนอยู่ภายในห้อง
เขารอต่อไปมาได้อีกแล้ว ไม่เช่นนั้นสื้อสื้อต้องเป็นอันตราย
นัยน์ตาเขาเปล่งประกายระยิบระยับ จู่ๆก็ร้องเสียงออกมาว่า “โอ้ย……เจ็บจัง”
พอชายชาวต่างชาติสองคนได้ยินเข้า ก็รีบพุ่งมาหาเขาทันที
“คุณฝู้ คุณเป็นอะไรครับ”
ฝู้จิงเหวินกุมท้อง ส่งเสียงร้องโอดโอยว่า “ผม……ผมปวดท้องมากเลย”
ชายชาวต่างชาติสองคนสบตากัน “พวกเราส่งคุณไปโรงพยาบาลนะครับ”
“ไม่ต้องหรอก” ฝู้จิงเหวินส่ายหน้า “ช่วยผมหยิบกล่องยาจากในห้องมาให้ผมก็พอ”
พอพวกเขาได้ยิน ก็ส่งเสียงตอบว่า “ได้” คนหนึ่งพยุงฝู้จิงเหวินไปนั่งที่โซฟา อีกคนไปหยิบกล่องยาที่ห้อง
“ช่วยเทน้ำให้ผมแก้วหนึ่ง” ฝู้จิงเหวินเอ่ยพลางมองที่ชายหนุ่มซึ่งพยุงตนเองอยู่
คนผู้นั้นไม่ได้สงสัยอะไรในตัวเขาหมุนตัวเดินไปเทน้ำ เวลานี้เอง บนใบหน้าของฝู้จิงเหวินฉายความดุร้ายล้วงผ้าเช็ดหน้าที่อยู่ในกระเป๋าออกมา พุ่งตัวไปทันที อุดจมูกคนนั้นจากทางด้านหลัง
ไม่ทันที่เขาจะได้ขัดขืน คนนั้นก็ล้มลง
ฝู้จิงเหวินเตะไปหนึ่งครั้ง มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเยาะ เขาจงใจวางยาเพิ่มไปอีกหลายเท่า พอคนดมก็จะหมดสติไปทันที
“คุณฝู้ กล่องยาอยู่ที่ไหนครับ”
เสียงของอีกคนดังมาจากในห้อง
ฝู้จิงเหวินสีหน้านิ่งสงบ เดินไป แอบอยู่ข้างประตู
ไม่ได้รับการโต้ตอบ คนคนนั้นก็เลยเดินออกมา
และเหมือนกับเมื่อครู่ ฝู้จิงเหวินอาศัยจังหวะที่เขาไม่ทันได้เตรียมตัว อุดที่รูจมูกเขาเอาไว้
มองเห็นคนร่วงลงไปที่พื้น ฝู้จิงเหวินก็ถอนหายใจโล่งอก หันหน้าไปมองทางออกที่ประตู
ตอนนี้ก็เหลือแค่สองคนข้างนอกนั่นแล้ว
เขาลากสองคนที่ร่วงอยู่บนพื้นเข้าไปในห้องก่อน แล้วปิดประตูแกล้งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เดินไปทางประตูทางออก
ทันใดนั้น ประตูก็ถูกเปิดจากทางด้านนอกเข้ามา
คือข่ายสื้อลิน
ตอนที่เห็นอีกฝ่าย สองคนต่างก็อึ้งตะลึง
ฝู้จิงเหวินดึงสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว ถามด้วยเสียงขรึมว่า “คุณมาได้ยังไง”
ข่ายสื้อลินถูกเสียงของเขาดึงสติกลับมา ริมฝีปากแดงโค้ง “ฉันมาบอก‘ข่าวดี’กับคุณไงคะ”
ทันใดนั้น เธอก็ขมวดคิ้ว สูดจมูก “ทำไมในบ้านคุณถึงมีกลิ่นไดเอทิลอีเทอร์ด้วยคะ”
ฝู้จิงเหวินไม่ได้ตอบ แต่จ้องมองเธออย่างแน่วแน่ มุมปากเหมือนจะยกขึ้นเป็นรอยยิ้มบางๆ
ลางสังหรณ์ไม่มีบางอย่างพลุ่งพล่านอยู่ในใจ ข่ายสื้อลินหมันตัวเตรียมวิ่งหนีด้วยสัญชาตญาณ
แต่การเคลื่อนไหวของฝู้จิงเหวินเร็วกว่าเธอมาก พุ่งมาจับข้อมือของเธอไว้ ลากเธอเข้าไปในห้อง
“ฝู้จิงเหวิน คุณบ้าไปแล้วเหรอ” ข่ายสื้อลินตะโกนเสียงดัง พยายามใช้เสียงเรียกร้องความสนใจจากคนข้างนอก
ฝู้จิงเหวินลากเธอมาที่ห้องรับแขก ออกแรงผลัก
เธอเซถลา ล้มลงนั่งบนโซฟา
“ฝู้จิงเหวิน คุณคิดจะทำอะไร” เธอเงยหน้าจ้องมองฝู้จิงเหวินด้วยความโกรธ
“สื้อสื้อล่ะ” ฝู้จิงเหวินตะคอกถาม
ข่ายสื้อลินหัวเราะเยาะ “ฝู้จิงเหวิน คุณอ้าปากก็เป็นเจียงสื้อสื้อ ตกลงหล่อนสำคัญกับคุณมากแค่ไหนกันแน่”
“เธออยู่ไหน” ฝู้จิงเหวินบีบเข้าใกล้เธอ เสียงสูงเล็กน้อย “ผมถามคุณว่า เธออยู่ไหน”
ใบหน้าเขาหม่นหมองราวกับหมึก สายตาก็เหมือนกับใบมีดน้ำแข็งพุ่งตรงมาที่เธอ
ข่ายสื้อลินกลืนน้ำลายด้วยจิตใต้สำนึก “ฉัน ฉันเอาตัวเธอส่งให้คุณเบอร์เกนแล้ว”
ได้ยินดังนั้น ในดวงตาของฝู้จิงเหวินก็ฉายแววดุร้าย บีบคอเธอเอาไว้ จับเธอยกขึ้นมา พูดอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟันว่า “ผมเคยเตือนคุณแล้ว ถ้าสื้อสื้อได้รับอันตรายแม้เพียงนิดเดียว ผมจะฆ่าคุณ!”
“คุณฆ่าเลยสิ!” ข่ายสื้อลินตะคอก เธอยิ้ม ในรอยยิ้มเต็มไปด้วยการเยาะเย้ยถากถาง “ฝู้จิงเหวิน ต่อให้คุณฆ่าฉัน คุณก็ช่วยเจียงสื้อสื้อไม่ได้ ได้แต่มองดูเธอไปตายตาปริบๆ”
“ข่ายสื้อลิน!” ดวงตาแดงก่ำคู่นั้นของฝู้จิงเหวินถลึงตาใส่เธอ มือที่บีบคอเธอยิ่งแน่นยิ่งขึ้น
ข่ายสื้อลินเลิกขัดขืน มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเยาะดูถูก ค่อยๆหลับตาลง
ได้ตายในมือของเขา ก็ไม่เลว
ขณะที่เธอคิดว่าตนเองต้องตายจริงๆนั้น ฝู้จิงเหวินก็ปล่อยมือ
เธอตกลงบนพื้นอย่างแรง
“แค่กๆ!”
ข่ายสื้อลินเอามือกุมคือที่ถูกบีบพลางไออย่างรุนแรง
“ผมคิดว่าพวกเราจะสามารถเป็นหุ้นส่วนที่ดีมากมาตลอด”
ฝู้จิงเหวินไม่มีความรู้สึกอะไรดังขึ้นมาในหัวตนเองเลยสักนิดเดียว ข่ายสื้อลินหรี่ตา สีหน้าช่วงคิ้วและดวงตามีความดูถูกเหยียดหยาม
หุ้นส่วนที่ดีมากเหรอ
แต่เธอไม่คิดว่าเขาจะคิดเช่นนี้ ในใจเขาคิดแค่จะหลอกใช้ตนเองเพื่อช่วยเหลือเจียงสื้อสื้อ
ฝู้จิงเหวินย่อตัวลง ยื่นมือมาบีบใต้คางของเธอไว้ เชิดหน้าเธอขึ้นมา
ดวงตาสี่ดวงประสานกัน
ข่ายสื้อลินยิ้มเย็นยะเยือก “ฝู้จิงเหวิน สักวันคุณก็จะเข้าใจ เจียงสื้อสื้อไม่คุ้มค่าพอกับสิ่งคุณทำเพื่อเธอมากมายขนาดนั้น”
ฝู้จิงเหวินหรี่ตา “คุ้มหรือไม่คุ้ม ผมรู้ตัวดีอยู่แก่ใจ คุณแค่ต้องบอกผมว่าเธออยู่ที่ไหน”
“ฉันบอกแล้ว เธออยู่กับทางเบอร์เกนนั้น ถ้าคุณจะช่วยเธอ ก็ไปหาคุณเบอร์เกน”
ฝู้จิงเหวินปล่อยมือ ลุกขึ้น “คุณเบอร์เกนอยู่ที่ไหน”
“ไม่รู้”
“ข่ายสื้อลิน ทางที่ดีที่สุดบอกความจริงกับผม ไม่อย่างนั้น……”
ไม่รอให้เขาพูดจบข่ายสื้อลินตัดบทอย่างเย็นชา “ไม่อย่างนั้นจะทำไม จะฆ่าฉันเหรอ ฉันก็บอกแล้ว ว่าคุณจะฆ่าฉันก็ได้ ยังไงซะคุณก็ช่วยเจียง
สื้อสื้อไม่ได้”
“คุณอย่าคิดว่าผมไม่กล้าฆ่าคุณ!” ฝู้จิงเหวินมองลงมาที่เธอ
ข่ายสื้อลินเงยหน้าขึ้นมาอย่างไม่กลัวเลยสักนิด “งั้นคุณก็ลงมือสิ”
ทั้งสองเผชิญหน้ากัน นานพักใหญ่ ฝู้จิงเหวินจึงได้เบี่ยงตัวไปด้านข้าง “ตกลงผมต้องทำยังไง คุณถึงจะยอมบอกผมว่าเธออยู่ที่ไหน”
ข่ายสื้อลินค่อยๆลุกขึ้นยืน เธอจัดการรอยยับบนเสื้อผ้าพลาง พูดอย่างไม่สนใจไยดีพลางว่า “ไม่ทันแล้ว ถ้าก่อนหน้านี้คุณรับปากฉัน เจียงสื้อสื้อก็ไม่ถูกจับมาอิตาลี”
ได้ยินดังนั้น ฝู้จิงเหวินหันหน้ามา แววตาดุร้ายพุ่งมาที่เธอ
“ฝู้จิงเหวิน ที่เจียงสื้อสื้อมีวันนี้ เป็นความผิดของคุณทั้งหมด” ดูเหมือนว่าข่ายสื้อลินจงใจยั่วโมโหเขาอย่างนั้น พูดช้ามาก แต่ละคำเน้นอย่างชัดเจนเป็นพิเศษ
ฝู้จิงเหวินกำหมัดแน่น ใบหน้าหล่อเหลาเกร็งแน่น
ความจริงแล้วที่เธอพูดก็ถูก เป็นความผิดของเขา ถ้าตอนแรกไม่ใช่เขา สื้อสื้อก็จะไม่ติดเชื้อไวรัส และก็ไม่ต้องถูกพวกของเบอร์เกนจับตาอยู่
มองเห็นเขาแสดงท่าทีตำหนิตัวเองออกมาอย่างไม่ตั้งใจ ข่ายสื้อลินก็อดที่จะรู้สึกดูถูกเยาะเย้ยไม่ได้
เธออิจฉาเจียงสื้อสื้อที่ถูกฝู้จิงเหวินเห็นความสำคัญมากขนาดนั้น ดังนั้นเธอจึงอยากจะทำลายเจียงสื้อสื้อ
แต่ตอนนี้ เมื่อเธอเห็นการตำหนิตัวเองของฝู้จิงเหวิน ก็ทนไม่ได้นิดหน่อย
เธอก้มหน้า หัวเราะเยาะตนเอง ตนเองช่างไร้ประโยชน์มากจริงๆ
“ฝู้จิงเหวิน”
ได้ยินเสียงเธอ ฝู้จิงเหวินก็รีบเก็บอารมณ์ความรู้สึกทั้งหมด มองเธอด้วยสายเย็นเยือก
เห็นแต่เธอเงยหน้า มองตรงๆเข้าไปในดวงตาของเขา “ขอแค่คุณรับปากฉันว่าจะลืมเจียงสื้อสื้อ ฉันก็จะบอกคุณว่าเธออยู่ที่ไหน”
พอฝู้จิงเหวินได้ยิน ก็ตอบตกลงโดยไม่ต้องคิดเลย “ได้”
เห็นเขารับปากอย่างยินดีขนาดนั้น ข่ายสื้อลินยิ้ม ในรอยยิ้มมีแต่การเยาะเย้ย “ฝู้จิงเหวิน คุณจะไม่หลอกฉันนะ”
“ไม่มีทาง ในเมื่อผมรับปากคุณแล้ว ก็ต้องทำให้ได้แน่นอน”
ขอเพียงช่วยเจียงสื้อสื้อได้ ไม่ว่าเงื่อนไขอะไร เขาก็รับปากทั้งนั้น
“งั้นก็ดี ฉันจะบอกคุณว่าเจียงสื้อสื้อยู่ที่ไหน”
ข่ายสื้อลินเลือกที่จะเชื่อเขา