ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 1107 สถานการณ์มันผิดปกติ
ฝู้จิงเหวินไม่คิดว่าข่ายสื้อลินจะได้เบาะแสเร็วถึงขนาดนี้
ตอนที่ได้รับโทรศัพท์จากเธอ เขาจึงแปลกใจมาก “ได้ข่าวแล้วเหรอครับ”
“ใช่ จะให้ฉันไปหาคุณหรือคุณจะมาหาฉัน” ข่ายสื้อลินถามไปที่ปลายสาย
“ผมไปหาคุณเองครับ”
ฝู้จิงเหวินกดวางสาย แล้วรีบหยิบเสื้อแจ็คเก็ต ก่อนจะรีบออกไปทันที
พอทั้งสองเจอกัน ฝู้จิงเหวินก็แทบรอไม่ไหวรีบถามออกไป “เขาอยู่ที่ไหนครับ”
“ฉันจะคุยหลังกินอาหารเย็นเสร็จค่ะ” ข่ายสื้อลินก้มหน้ามองเมนู แล้วพูดโดยไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามอง
ถึงแม้ว่าเขาจะร้อนใจ แต่เขาก็รู้จักนิสัยของเธอดี ถ้าเขาถามต่อไปไม่หยุด จะต้องทำให้เธอไม่พอใจอย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นเธอจะไม่พูดอะไรออกมาเลย
ฝู้จิงเหวินดึงเก้าอี้ออกแล้วนั่งลงตรงข้ามกับเธอ
“คุณอยากกินอะไร” ข่ายสื้อลินเงยหน้าขึ้นมองเขาเล็กน้อย
“ตามใจคุณเลยครับ“
ฝู้จิงเหวินจะมีอารมณ์มาคิดว่ากินอะไรดีได้ยังไงกัน ตอนนี้เขาในหัวเขาเต็มไปด้วยความอยากจะรู้ว่าจิ้นเฟิงเฉินอยู่ที่ไหนเต็มไปหมด
“งั้นฉันจะช่วยคุณสั่ง”
หลังจากสั่งอาหารเสร็จ ข่ายสื้อลินก็ช่วยเขาเทน้ำมะนาวให้เขาหนึ่งแก้ว ก่อนจะยกยิ้ม “คุณอยากจะรู้มากเลยใช่ไหม”
ฝู้จิงเหวินขมวดคิ้วเล็กน้อย “ในเมื่อคุณรู้แล้ว ทำไมถามทั้งๆที่รู้คำตอบอยู่แล้วด้วย”
ข่ายสื้อลินหัวเราะออกมา “ฉันแค่อยากรู้ว่าคุณจะทนได้นานแค่ไหน”
เธอยกแก้วน้ำขึ้นมาจิบดื่ม “เพราะขอแค่เป็นเรื่องของเจียงสื้อสื้อ คุณก็จะให้ความสำคัญมาตลอด เหมือนกลัวว่าจะลืมมันไป”
จะว่าไปแล้ว เธอรู้สึกอิจฉาเจียงสื้อสื้อมากจริงๆ
ผู้หญิงธรรมดาๆคนหนึ่ง แต่กลับสามารถทำให้ผู้ชายที่โดดเด่นอย่างจิ้นเฟิงเฉินกับฝู้จิงเหวินหลงรักได้ในเวลาเดียวกัน
แต่ครั้งนี้ไม่ว่ายังไง เธอก็จะทำให้ฝู้จิงเหวินไม่สามารถไปเจอเจียงสื้อสื้อได้อีก
“นี่คือสิ่งที่ผมติดหนี้เธอไว้” ฝู้จิงเหวินก้มหน้าลงเล็กน้อย เพื่อปกปิดความเศร้าในดวงตาของเขา
“ติดหนี้เธออย่างนั้นเหรอคะ” ข่ายสื้อลินรู้สึกว่ามันตลกมาก “คุณเข้าร่วมทีมวิจัยของเบอร์เกนก็เพื่อเธอ แค่นี้ก็พอแล้ว คุณไม่ได้ติดหนี้เธออีกต่อไปแล้ว”
ฝู้จิงเหวินมองหน้าเธอเงียบ ๆ นานมากกว่าจะพูดออกมา“เรื่องของผมกับสื้อสื้อ คุณยังไม่มีสิทธิ์จะเข้ามายุ่งวุ่นวายได้”
“ฉันเข้าไปยุ่งวุ่นวายอย่างนั้นเหรอ” ข่ายสื้อลินพูดเยาะเย้ยด้วยความโมโห “ฝู้จิงเหวิน คุณคิดว่าฉันอยากยุ่งเรื่องของคุณจริงๆเหรอ คุณอย่าสำคัญตัวเองไปหน่อยเลย”
พอพูดจบ เธอก็ดื่มน้ำในแก้วจนหมดในอึกเดียวด้วยความโกรธ
แต่ก็ยังยากที่จะดับความโกรธในใจของเธอลงได้
ฝู้จิงเหวินกลัวว่าเธอจะโกรธจนไม่ยอมบอกว่าจิ้นเฟิงเฉินอยู่ที่ไหน เขาก็เลยงรีบช่วยเธอเทน้ำใส่แก้ว
พอเห็นแบบนี้ ข่ายสื้อลินก็พูดถากถาง “ฝู้จิงเหวิน คุณนี่มันจอมปลอมจริงๆ”
“คุณอยากจะด่าก็ด่ามาเถอะ” ฝู้จิงเหวินพูดอย่างเฉยเมย
วันนี้เขายอมให้เธอด่าได้ตามใจ ขอแค่เธอยอมบอกเขาว่าจิ้นเฟิงเฉินอยู่ที่ไหน
ข่ายสื้อลินยิ้มเยาะ “ฉันขี้เกียจจะด่าคุณ”
หลังจากนั้น ทั้งสองคนก็นิ่งเงียบ ไม่มีใครเริ่มพูดขึ้นมาอีก
จนกระทั่งอาหารมื้อนี้จบลง ฝู้จิงเหวินถึงได้ยอมเอ่ยปากพูด “ตอนนี้คุณบอกผมได้หรือยังว่าเขาอยู่ที่ไหน”
ข่ายสื้อลินขมวดคิ้ว แล้วเงยหน้ามองเขา “ฝู้จิงเหวิน คุณรอให้ฉันกินข้าวเสร็จก่อนแล้วค่อยถามไม่ได้หรือไง”
ฝู้จิงเหวินพยักหน้า “ตกลง”
แต่ข่ายสื้อลินกินไม่ลงแล้ว เธอวางช้อนส้อมลง แล้วเช็ดปากด้วยผ้าขนหนูเปียก ก่อนจะพูดช้าๆ “จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้ในมือของเบอร์เกนแล้ว”
“ไม่อยู่แล้วอย่างนั้นเหรอ” ฝู้จิงเหวินขมวดคิ้ว “แล้วเขาไปอยู่ที่ไหน”
“ถูกผู้หญิงที่ชื่อว่าซ่างกวนหยวนพาไปแล้ว”
ซ่างกวนหยวนเหรอ
“ทำไมชื่อนี้ถึงคุ้นหูแบบนี้” ฝู้จิงเหวินนิ่งคิดอย่างจริงจัง แววตาของเขาเป็นประกายขึ้นมาทันที “เธอก็เป็นนักวิจัยเช่นเดียวกัน”
“หืม” ข่ายสื้อลินเลิกคิ้วขึ้น “คุณรู้จักเธอด้วยเหรอ”
“ไม่รู้จัก แต่เคยได้ยินชื่อเธอมาก่อน แต่ว่าเธอจะพาจิ้นเฟิงเฉินไปได้ยังไงกัน “
“ฉันจะรู้ได้ยังไงล่ะ” ข่ายสื้อลินมองเขาด้วยสีหน้าขบขันเล็กน้อย “คุณคิดว่าคุณเบอร์เกนจะบอกฉันทุกอย่างเลยหรือไง”
“ขอโทษ” ฝู้จิงเหวินกล่าวขอโทษออกมา
“ไม่จำเป็น” ข่ายสื้อลินเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ตอนนี้ฉันบอกทุกอย่างที่ฉันรู้กับคุณแล้ว ถึงเวลาที่คุณเองก็ควรจะทำตามที่พูดได้แล้วใช่ไหม”
ฝู้จิงเหวินพยักหน้า “คุณวางใจได้ นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะไปเจอกับสื้อสื้อ หลังจากนั้นฉันจะไม่ได้เจอเธออีก”
ข่ายสื้อลินยิ้มอย่างพอใจ “ดีมาก”
ฝู้จิงเหวินก้มหน้าลง สองมือกำหมัดแน่น เขาไม่รู้ว่าที่เขายอมรับปากกับเงื่อนไขของข่ายสื้อลิน มันถูกหรือผิด
แต่ขอแค่สามารถช่วยเหลือสื้อสื้อได้ แค่นี้ไม่เป็นไรอยู่แล้ว
……
“ถูกซ่างกวนหยวนพาไปแล้วอย่างนั้นเหรอคะ“
เจียงสื้อสื้อลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ พร้อมกับสีหน้าที่บ่งบอกถึงความน่าทึ่งไม่อยากจะเชื่อ
เธอคิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับซ่างกวนหยวนด้วย
ฝู้จิงเหวินพยักหน้า “ข่ายสื้อลินบอกพี่มาแบบนี้ เธอไม่รู้จักซ่างกวนหยวน ดังนั้นเธอไม่น่าจะโกหกพี่ได้”
“เป็นไปได้ยังไงกัน” เจียงสื้อสื้อตัวสั่นโอนเอน
“สื้อสื้อ น้องอย่าตื่นเต้นสิ” ฟางยู่เชินรีบเข้าพยุงตัวเธอด้วยสีหน้ากังวลใจ
เขาก็ตกใจเช่นกัน แต่พอมาลองคิดดูดีๆ นี่ก็เป็นเรื่องที่ซ่างกวนหยวนกล้าทำออกมาจริงๆ
เจียงสื้อสื้อหายใจเข้าลึก พยายามสงบสติอารมณ์ตัวเองลง เธอหันกลับมาแล้วพูดว่า “พี่คะ เรารีบกลับเมืองหลวงเดี๋ยวนี้เลยค่ะ”
“น้องจะกลับประเทศเหรอ”ฝู้จิงเหวินเอ่ยถาม
“ใช่ค่ะ ฉันจะไปถามที่ตระกูลซ่างกวนให้ชัดเจน” เจียงสื้อสื้อพูดอย่างโกรธเคือง
เธออยากจะถามซ่างกวนหยวนด้วยตัวเอง ว่าแอบลักพาตัวสามีของคนอื่นมันหมายความว่ายังไง
ฝู้จิงเหวินขมวดคิ้วแน่น เหมือนคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจ
ฟางยู่เชินถามอย่างลองเชิง“คุณฝู้ มีอะไรหรือเปล่าครับ”
ฝู้จิงเหวินได้สติกลับมา หลังจากคิดอยู่สักพัก “เรื่องนี้มันแปลกเกินไป พวกคุณไม่คิดอย่างนั้นเหรอ”
“พี่หมายความว่ายังไงคะ” เจียงสื้อสื้อมึนงงเล็กน้อย
ตอนนี้เธอคิดแต่อยากจะกลับไปประเทศเพื่อไปหาซ่างกวนหยวนให้เร็วที่สุด จึงไม่มีกะจิตกะใจจะคิดเรื่องอื่น
“ลองคิดดูสิครับ จิ้นเฟิงเฉินจะยอมไปกับผู้หญิงคนอื่นอย่างเชื่อฟังได้ยังไงกัน” ฝู้จิงเหวินเอ่ยถาม
ฟางยู่เชินส่ายหน้า “เป็นไปไม่ได้แน่ๆ”
เขารู้ว่าจิ้นเฟิงเฉินไม่ได้ชอบซ่างกวนหยวน ดังนั้นเขาไม่มีทางไปกับเธอแน่ๆ
เจียงสื้อสื้อเองก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติบาง “พี่กำลังจะพูดว่าเฟิงเฉินไม่ได้ถูกเธอพาไปอย่างนั้นเหรอคะ”
“ไม่ใช่” ฝู้จิงเหวินลังเลอยู่สักพัก ก่อนที่จะพูดออกมา“พี่หมายความว่าจิ้นเฟิงเฉินอาจจะอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ ไม่เช่นนั้น เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะถูกซ่างกวนหยวนพาตัวไป แล้วนานขนาดนี้ยังไม่ยอมติดต่อพวกคุณเลย เพราะซ่างกวนหยวนเองก็เป็นนักวิจัยทางการแพทย์เหมือนกัน เธออาจจะทำอะไรบางอย่างกับจิ้นเฟิงเฉินก็ได้”
นี่เป็นเพียงแค่การคาดเดาของเขาเท่านั้น
กวนหยวนจะต้องไม่ทำร้ายเฟิงเฉิน”
“สื้อสื้อ อย่าเพิ่งร้อนใจ พี่ไม่ได้หมายความว่าผู้หญิงคนนั้นจะทำร้ายจิ้นเฟิงเฉิน แต่เธออาจจะทำอะไรบางอย่างกับจิ้นเฟิงเฉิน ให้เขาเชื่อฟังในสิ่งที่เธอพูด”
ฟางยู่เชินขมวดคิ้ว “เรื่องแบบนี้ทำได้ด้วยเหรอครับ”
“แน่นอนครับ” ฝู้จิงเหวินพยักหน้า “เพียงแต่การทำแบบนี้เป็นข้อห้ามครับ นอกจากว่าคนคนนั้นจะมีเจตนาไม่ดี โดยปกติจะไม่มีใครทำแบบนี้”
พอได้ยินในสิ่งที่เขาพูด ฟางยู่เชินก็ยิ่งรู้สึกกังวลใจ
ซ่างกวนหยวนชอบจิ้นเฟิงเฉินมาก แล้วเธอก็เข้ามาตีสนิทกับสื้อสื้อ เพื่อที่จะได้ใกล้ชิดกับจิ้นเฟิงเฉิน ผู้หญิงที่เจ้าเล่ห์แบบนี้ มีโอกาสสูงมากที่จะทำอย่างนั้น
“เธอทำอย่างนี้ได้ยังไงกัน” เจียงสื้อสื้อยิ้มอย่างขมขื่น “ฉันไม่เคยคิดเลยว่าการคบเพื่อนจะกลายเป็นศัตรูหัวใจของตัวเอง แล้วยังคิดจะทำร้ายเฟิงเฉินด้วย”
“สื้อสื้อ น้องอย่าคิดมาก รอเรากลับไปที่เมืองหลวง ถ้าได้เจอเธอทุกอย่างก็จะชัดเจนเอง”
เรื่องราวดำเนินมาถึงตอนนี้ ฟางยู่เชินก็ได้แต่ปลอบใจเธอด้วยวิธีนี้แล้ว