ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 1115 หนูช่วยหม่ามี๊เป่า
ซ่างหยิงก็ได้เอาถาดวางบนโต๊ะหินอ่อน ก้มตัวแล้วก็อุ้มเถียนเถียนขึ้นมา แล้วก็หอมไปที่แก้มสองที ถึงได้ยิ้มแล้วถาม “เถียนเถียนคิดถึงยายไหมคะ?”
“คิดถึงค่ะ! เถียนเถียนคิดถึงยายซ่างหยิงทุกวัน” เถียนเถียนก็ได้ตอบไปเสียงดัง
“อ้อ?” ซ่างหยิงก็ได้เลิกคิ้ว “คิดถึงยาย หรือว่าคิดถึงบิสกิตที่ยายทำคะ?”
“ทั้งสองค่ะ แต่ว่าคิดถึงยายซ่างหยิงที่สุด” เถียนเถียนก็ได้กอดคอของเธอ ได้เอาแก้มน้อยๆ ของตัวเองไปแนบกับหน้าของเธอ
ซ่างหยิงรู้สึกว่าใจก็ได้ละลายไปแล้ว ก็ได้รีบวางเธอลง เอาบิสกิตชิ้นหนึ่งให้เธอ “นี่เป็นรสใหม่ หนูได้กินเป็นคนแรกเลยนะคะ”
“ขอบคุณค่ะยายซ่างหยิง”
เถียนเถียนก็ได้กัดไปคำ ตาก็ได้เป็นประกายทันที “อร่อยมากๆ เลย”
“จริงเหรอคะ? งั้นพวกนี้เป็นของหนูทั้งหมด” ซ่างหยิงยิ้มแล้วก็ลูบหัวของเธอ
เจียงสื้อสื้อมองไปที่จานบิสกิตสักพัก ปริมาณไม่น้อย คิ้วที่เรียวบางก็ได้ขมวดอย่างห้ามไม่ได้ “คุณน้าสะใภ้ค่ะ ตามใจเธอแบบนี้เดียวเธอก็ติดเป็นนิสัยนะคะ”
“ไม่หรอก” ซ่างหยิงก็ได้ยิ้มแล้วก็มองเถียนเถียนที่กำลังกินบิสกิต สายตาก็ได้เต็มไปด้วยความเอ็นดู
เจียงสื้อสื้อก็ได้ถอนหายใจเงียบๆ มองสีหน้าแบบนี้ของเธอ มันแบบแทบที่จะเอาทุกอย่างให้กับเถียนเถียนยังไงอย่างงั้น ยังบอกว่าไม่ได้ตามใจจนติดเป็นนิสัย
“สื้อสื้อ หนูก็มากินหน่อย ไม่เลวเลยนะ” ซ่างหยิงก็ได้เอาบิสกิตชิ้นหนึ่งส่งให้
เจียงสื้อสื้อส่ายหน้า “ไม่แล้วค่ะ หนูไม่อยากกินของหวานๆ”
ถึงแม้ว่าสีหน้าของเธอมองแล้วนิ่งเรียบ แต่นัยน์ตานั้นก็ได้มีความกังวลเล็กน้อยส่งมาอย่างชัดเจน
ซ่างหยิงวางบิสกิตลง หัวเราะ พูด “สื้อสื้อ มองดูเถียนเถียน อารมณ์ก็ดีขึ้นมาแล้ว จริงไหม?”
เจียงสื้อสื้อไม่ได้พูด
เธอก็ได้พูดต่อว่า “น้ารู้ว่าเราเป็นห่วงเฟิงเฉิน แต่ว่าบางครั้งเป็นห่วงไปก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ พวกเราทำได้ก็แค่รอ ก็แค่เชื่อใจพวกยู่เชิน……”
“คุณน้าสะใภ้ค่ะ หนูไม่ได้ไม่เชื่อใจพวกพี่ชายนะคะ” เจียงสื้อสื้อก็ได้ขัดคำพูดของเธอ
ซ่างหยิงหัวเราะ “น้ารู้ว่าหนูเปล่า เพราะงั้นไหนๆ ก็ได้เชื่อ ก็ต้องทำใจให้ร่มๆ ดีไหม?”
มุมปากของเจียงสื้อสื้อก็ได้ยิ้มอย่างเศร้าๆ “หนูจะทำใจให้ร่มๆ ได้ยังไงคะ? นั่นเป็นสามีของหนู เขาได้ถูกคนเอาตัวไปซ่อนแล้ว หนูไม่มีทาง……ไม่มีทางที่จะทำให้ร่มได้”
“หยวนหยวนชอบเฟิงเฉิน งั้นเธอไม่มีทางทำร้ายเฟิงเฉินแน่” ซ่างหยิงพูด
“หนูไม่ได้เป็นห่วงความปลอดภัยของเฟิงเฉิน แต่เป็น……”
เจียงสื้อสื้อไม่กล้าที่จะพูดต่อ
ตอนนี้เธอกลัว กลัวว่าเฟิงเฉินจะไม่กลับมาอีกแล้ว
“น้าสะใภ้เข้าใจ” ซ่างหยิงก็ได้โอบไหล่ของเธอ ยิ้มแล้วก็พูดปลอบ “เธอกับเฟิงเฉินได้เจออะไรด้วยกันมามากมาย ความรู้สึกแน่นแฟ้นขนาดนั้น น้าเชื่อว่าพระเจ้าคงทำใจให้พวกหนูแยกจากกันไม่ได้แน่ เพราะงั้นไม่นานเขาก็จะกลับมา”
เจียงสื้อสื้อก็ได้เอาหัวไปพิงที่ไหล่ของเธอ น้ำตาก็ได้ไหลลงมาจากหางตา
เธอก็ได้ปลอบใจตัวเองแบบนี้เหมือนกัน แต่ว่าก็ห้ามที่จะไม่กลัวไม่ได้
“หม่ามี๊ หม่ามี๊ทำไมร้องไห้เหรอคะ?” เถียนเถียนมองเห็นน้ำตาของเธอไหล รอยยิ้มบนใบหน้าที่อ่อนหวานก็ได้หายไปทันที สายตาที่เป็นประกายก็ได้จ้องมองเธอ
“ร้องไห้?” ซ่างหยิงก็ได้รีบหันไปมองเจียงสื้อสื้อ
เจียงสื้อสื้อก็ได้รีบยกมือมาเช็ดน้ำตาของตัวเอง แล้วก็ยิ้มออกมา “ไม่มีอะไรค่ะ ก็แค่ฝุ่นเข้าตา”
ซ่างหยิงมองเธอทั้งปวดใจทั้งทำอะไรไม่ได้ “เด็กคนนี้”
ร้องไห้แท้ๆ ยังบอกว่าฝุ่นเข้าตาเหตุผลแบบนี้มาหลอกเธอ
“หม่ามี๊ หนูช่วยหม่ามี๊เป่า”
ซ่างหยิงไม่เชื่อ แต่ว่าเถียนเถียนเชื่อ
“ค่ะ”
เจียงสื้อสื้อก็ได้ก้มตัว ให้เถียนเถียนเป่าไปที่ตาของเธอไม่กี่ที
“ดีขึ้นหรือยังค่ะ? หม่ามี๊”
มองเถียนเถียนที่ไร้เดียงสาแบบนี้ จมูกก็ได้ตันอย่างอดไม่ได้ เจียงสื้อสื้อก็ได้รีบกะพริบตา ให้น้ำตากลับเข้าไป ยิ้มแล้วพูด “ดีแล้วค่ะ ดีขึ้นแล้ว”
เถียนเถียนก็ได้กลับไปยิ้มสดใสเหมือนเดิม “งั้นก็ดีแล้วค่ะ”
มองเหตุการณ์แบบนี้เงียบๆ ซ่างหยิงพูดเตือนใจอย่างอดไม่ได้ “สื้อสื้อ ต้องคิดถึงลูกให้มากๆ ในชีวิตหนูไม่ได้มีแต่เฟิงเฉิน ยังมีลูกๆ”
เจียงสื้อสื้อพยักหน้า “หนูรู้ค่ะ คุณน้า”
ซ่างหยิงก็ได้ลูบหัวเธอ ถอนหายใจ “ของของหนู ไม่มีใครแย่งไปได้”
ความหมาย ก็คือไม่มีใครที่จะสามารถแย่งจิ้นเฟิงเฉินไปจากเธอได้
เจียงสื้อสื้อก็ได้ยิ้มอ่อนๆ “ค่ะ”
ของที่เป็นของเธอ ต้องกลับมาหาเธอแน่นอน
……
วันต่อมา ฟางยู่เชินก็ได้ไปที่บริษัทแต่เช้า
เพราะเรื่องของสื้อสื้อ ก็ไม่ได้ไปทำงานหลายวัน มีงานให้เขาจัดการเพียบ
“เอางานที่สำคัญในไม่กี่วันนี้จัดออกมาให้ฉัน เดี๋ยวฉันดูไปด้วยทีเดียว” ฟางยู่เชินพูดไปแล้วก็เดินเข้าห้องทำงานไป
ส้งหยาวที่อยู่ข้างเขาก็ได้รีบตอบกลับ “ครับ เดี๋ยวผมไปจัดการ คุณเซ็นเอกสารนี้ก่อนครับ”
ฟางยู่เชินหยุดเท้าลง หันไป ก็ได้รับเอกสารที่เขาส่งมา
ตอนที่ก้มหน้ามองดู หางตาก็ได้เห็นของเล่นบนโต๊ะกาแฟในที่ไม่ไกล
เขาก็ได้รีบเซ็นชื่อตัวเองลงไปในเอกสาร เอาเอกสารส่งคืนให้ส้งหยาว ก้าวขาเดินไป เอาของเล่นนั้นขึ้นมา
“อันนี้เหมือนว่าวันก่อนคุณเหลียงได้พาเด็กไม่กี่คนมาเล่นที่นี่แล้วก็ทิ้งของเล่นไว้ครับ” ส้งหยาวอธิบาย
คุณเหลียง?
ฟางยู่เชินขำออกมา เขาลืมเธอไปได้ยังไง?
ส้งหยาวมองเขาด้วยความไม่เข้าใจ “ท่านประธาน ท่านหัวเราะอะไรครับ?”
“ไม่มีอะไร” ฟางยู่เชินก็ได้เอาของเล่นเก็บไว้ในกระเป๋า “รีบไปจัดการเถอะ เดี๋ยวฉันยังมีประชุมต่อ”
“ครับ ผมไปจัดการเดี๋ยวนี้”
วันนี้ลงมา ฟางยู่เชินได้ยุ่งมาก ยุ่งจนไม่มีเวลาทานมื้อเที่ยง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจำเรื่องของเล่นได้ไหมเลย
กลางคืนเลิกงานกลับบ้าน คนกำลังเดินเข้าห้องนั่งเล่น ก็ได้มีร่างเล็กๆ วิ่งมากอดขาของเขา
“คุณน้าชาย” เสียงของเถียนเถียนก็ได้ดัง
ฟางยู่เชินนั่งยองๆ ยกมือไปเอาผมบนแก้มของเถียนเถียนไปทัดหู ใบหน้าที่หล่อเหลาก็ได้ยิ้มอย่างอ่อนโยน “วันนี้เป็นเด็กดีหรือเปล่าครับ?”
“เป็นเด็กดีค่ะ เถียนเถียนยังกินข้าวถ้วยใหญ่ๆ เลยนะ” เถียนเถียนก็ได้เชิดหน้ารอคำชมของเขาด้วยความพอใจ
“จริงเหรอ?” เหรอคะก็ได้ทำสีหน้าที่เซอร์ไพรส์แบบเว่อร์ๆ
เถียนเถียนยิ่งได้ใจกว่าเดิม “อืมๆ หม่ามี๊กับยายซ่างหยิงก็ได้ชมว่าหนูเก่งมาก”
“เถียนเถียนเก่งมาก” ฟางยู่เชินก็ได้ลูบหัวของเธอ
“แต่ว่า……” เถียนเถียนก็ได้ทำปากจู๋ ได้เปลี่ยนสีหน้าที่ได้ใจแบบนั้น เป็นความผิดหวังเล็กน้อย
“เป็นอะไรไปครับ?” ฟางยู่เชินก็ได้รีบถาม
“วันนี้ยายซ่างหยิงทำบิสกิตรสใหม่ แต่ว่าหม่ามี๊อนุญาตให้หนูกินได้นิดเดียว” พูดถึงตรงนี้ สีหน้าของเถียนเถียนก็ดูน้อยใจมาก
เขายังคิดว่าเรื่องใหญ่อะไรซะอีก
ฟางยู่เชินก็ได้หลุดขำออกมา ยื่นมือไปบีบจมูกของเธอ “นักกิน! หม่ามี๊ของหนูทำเพื่อหนูนะครับ ถึงไม่ให้หนูกินเยอะ”
“แต่ว่าหนูชอบกิน” เถียนเถียนก็ได้มองวนไป ยื่นมือไปลากชายเสื้อของเขา “คุณอา คุณน้าชายดีที่สุดแล้ว”
ฟางยู่เชินแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจความหมายของเธอ พูด “แน่นอนว่าน้าดีที่สุดแล้ว”
“ไม่ใช่ หนูหมายถึง……” เถียนเถียนมองไปรอบๆ เห็นว่าไม่มีคน ก็ได้เข้าใกล้หูเขา พูดเสียงเบาว่า “คุณอาแอบเอาบิสกิตให้หนูกินหน่อย ได้ไหม?”