ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 1135 นังตัวดี ยังคิดจะหนีอีกเหรอ
เย่เสี่ยวอี้ลงมาชั้นล่าง หาเหลียงซินเวยจนพบ “อีกเดี๋ยวก็จะตัดเค้กแล้ว แต่ทำไมเทียนยังอยู่ที่ชั้นบน เธอช่วยขึ้นไปหยิบให้ฉันหน่อยได้ไหม”
“คุณเย่ คุณให้คนรับใช้ของคุณไปหยิบ จะดีกว่ามั้ยคะ” เหลียงซินเวยปฏิเสธอย่างอ่อนโยน
เป็นไปได้ยากมากที่เย่เสี่ยวอี้จะพูดกับเธออย่าง
เกรงอกเกรงใจขนาดนี้ แต่เพราะเป็นไปได้ยาก ดังนั้นในใจจึงระมัดระวังตัวมากขึ้น เกรงว่าชั้นบนจะมีกับดักอะไรรอให้ตนเองตกลงไปอยู่
“ฉันให้เธอไปหยิบ เธอก็ต้องไปหยิบ!” เย่เสี่ยวอี้เบะปากพูดด้วยเสียงเกรี้ยวกราด
เหลียงซินเวยรู้ว่าไม่อาจปฏิเสธได้ ได้แต่จำใจยอม “ค่ะ ฉันจะขึ้นไปหยิบ”
พอเธอรับปาก เย่เสี่ยวอี้ยิ้มออกทันที “ชั้นสองห้องที่สองด้านซ้ายมือ”
“ค่ะ”
เหลียงซินเวยวิ่งเข้าไปในคฤหาสน์
เธอไม่เห็นว่าเย่เสี่ยวอี้ที่อยู่ด้านหลังมุมปากยิ้มอย่างผู้ชนะ
ต่อไปก็จะมีเรื่องน่าสนุกให้ดูแล้ว
เหลียงซินเวยหาห้องที่เย่เสี่ยวอี้บอกเจอแล้ว ผลักประตูเดินเข้าไป
ในห้องไม่ได้เปิดไฟ มืดสนิททั้งห้อง
เธอยื่นมือไปคิดจะเปิดไฟ ทันใดนั้นก็ถูกมือใครคนหนึ่งโอบเอวเอาไว้
“ว้าย!” เธอกรีดร้อง ดิ้นรนตามสัญชาตญาณ
“สาวสวย ไม่ต้องกลัว” เสียงน่าขยะแขยงของผู้ชายดังขึ้นข้างหู
“คุณปล่อยฉันนะ!ปล่อยฉัน!” เหลียงซินเวยออกแรงขัดขืน เพราะความหวาดกลัว จึงร้องไห้อย่างทนไม่ไหว
น่าเสียดายที่แรงผู้หญิงไม่อาจสู้แรงผู้ชายได้ เธอดิ้นจากมือชายหนุ่มไม่หลุด
ทันใดนั้น โลกก็พลิกกลับตาลปัตร
เธอถูกชายหนุ่มแบกขึ้นบนบ่า
“คุณจะทำอะไร” เธอทุบที่ศีรษะของชายหนุ่มอย่างแรง สองเท้าดิ้นรนขัดขืนไม่หยุด
ชายหนุ่มถูกตีจนเจ็บแล้ว จับสองมือเธอเอาไว้ ด่ากราดออกมาว่า “นังตัวดี ถ้าแกกล้าตีฉันอีกที ฉันจะทำให้แกร้องครวญครางหาพ่อแม่เลย”
จากนั้น เหลียงซินเวยก็ถูกโยนลงบนเตียง
เธอรีบลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ดวงตาคุ้นชินกับความมืดแล้ว สามารถมองเห็นร่างของอีกฝ่ายว่าเป็นชายร่างตุ้ยนุ้ย
ฉวยจังหวะที่ชายหนุ่มไม่ทันระวัง กระโดดลงไป วิ่งไปเปิดประตู
แต่ไม่ว่าจะดึงอย่างไร ประตูก็เปิดไม่ออกเลย
ถูกล็อกเอาไว้แล้ว!
“นังตัวดี ยังคิดจะหนีอีกเหรอ ฉันจะดูสิว่าจะหนีไปทางไหน!”
เสียงกระหยิ่มยิ้มย่องใจของชายหนุ่มดังขึ้นด้านหลัง
เหลียงซินเวยหลับตาอย่างสิ้นหวัง น้ำตาค่อยๆไหลลงมาอาบแก้ม
หรือว่าจะทำได้แค่นี้จริงๆเหรอ
ทันใดนั้น ในหัวสมองก็มีรอยยิ้มของอานอาน รวมถึง……ฟางยู่เชินผุดขึ้นมา
น้ำตาก็ยิ่งไหลพรากทันที
“ขอแค่แกเชื่อฟัง ฉันก็จะปฏิบัติกับแกอย่างดี” ชายหนุ่มค่อยๆเดินเข้ามาหาเธอทีละก้าว
เหลียงซินเวยลืมตา ทุบประตูอย่างแรง ร้องตะโกนเสียงดังว่า “มีใครอยู่มั้ยคะ ช่วยฉันด้วย! ช่วยด้วย!”
ชายหนุ่มตกใจรีบพุ่งมา ด่าว่า“นังตัวดี แกคิดจะฆ่าฉันให้ตายใช่มั้ย”
เหลียงซินเวยรีบจับที่ลูกบิดประตู ส่ายหน้ากับเขา“คุณปล่อยฉันไปเถอะนะ ได้มั้ย ฉันขอร้องละ!”
ชายหนุ่มยิ้มออกมา “เธอเป็นเด็กเหรอ ของที่เข้าปากแล้ว ฉันจะปล่อยไปได้ยังไง”
“ฉันขอร้องคุณละนะ ขอแค่คุณปล่อยฉันไป คุณจะให้ฉันทำอะไรก็ได้” เหลียงซินเวยขอร้องอย่างน่าเวทนา
“ทำอะไรก็ได้เหรอ” ชายหนุ่ม “ฮึๆ” หัวเราะออกมา “อย่างนั้นเธอถอดเสื้อผ้าออกให้หมดเลย!”
ได้ยินดังนั้น เหลียงซินเวยก็หน้าซีดเผือดทันที เธอส่ายหน้า “ฉันไม่ทำ”
“ไม่ใช่บอกว่าทำอะไรก็ได้เหรอ” ชายหนุ่มบีบเข้าใกล้เธอ
เหลียงซินเวยออกแรงทุบประตูอีกครั้ง
แต่ทุบได้แค่สองสามครั้ง ก็ถูกชายหนุ่มแบกขึ้นบ่าไปด้วยมือเดียว
ครั้งนี้ เธอไม่ได้ดิ้นรนขัดขืน แต่จ้องมองประตูที่ล็อกแน่นอย่างสิ้นหวัง
……
เย่เสี่ยวอี้เงยหน้ามองไปที่ชั้นสอง ยิ้มอย่างสะใจ
ผ่านคืนนี้ไป ผู้หญิงคนนั้นก็จะเป็นผู้หญิงมีมลทินไร้เกียติศักดิ์ศรี จะยังมาแย่งฟางยู่เชินกับเธอได้อย่างไรอีก
“เสี่ยวอี้ เธอมองอะไรอยู่”
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นเย่เสี่ยวอี้ตกใจจนหัวใจหล่นไปที่ตาตุ่ม หันไปมอง กลอกตามองบนอย่างไม่สบอารมณ์ “พี่ พี่เดินมาไม่ให้สุ้มให้เสียงบ้างเลยเหรอ ฉันตกใจแทบตาย”
เย่เฉินหยุนกลั้นหัวเราไม่อยู่ “เธอเป็นคนขวัญอ่อนขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
“เมื่อกี้นี้เอง” เย่เสี่ยวอี้ตอบอย่างมั่นอกมั่นใจ
เย่เฉินหยุนส่ายหน้าอย่างหมดปัญญา เขาล้วงกล่องใบหนึ่งออกจากกระเป๋ากางเกงยื่นให้เธอ “สุขสันต์วันเกิด”
“ขอบคุณค่ะพี่” เย่เสี่ยวอี้รับกล่องมาอย่างดีใจ
“พี่ขึ้นชั้นบนไปเปลี่ยนชุดเดี๋ยวลงมา”
“ค่ะ”
เย่เสี่ยวอี้หันไปมองเย่เฉินหยุนเดินเข้าไปในคฤหาสน์ ดึงสายตากลับมา เปิดกล่องออก
เป็นเข็มกลัดเพชรที่สวยมากอันหนึ่ง
“พี่ก็ยังคงตาแหลมมาก”
เธอติดเข็มกลัดไว้ ทันใดนั้นก็นึกถึงสถานการณ์ชั้นบน สีหน้าเปลี่ยนไปทันที รีบวิ่งเข้าไปในคฤหาสน์
แต่ห้ามไม่ให้พี่ชายเห็น ไม่อย่างนั้นจบเห่แน่
พอเย่เฉินหยุนขึ้นมาชั้นบนก็ตรงไปที่ห้องของตนเองทันที ตอนที่เดินผ่านห้องรับรองแขก ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้เบาๆ
เขาชะงักฝีเท้าทันที สายตาเหลือบมองไปยังประตูห้องรับรองแขก
ตนเองหูฝาดไปเหรอ
เขาคิด รู้สึกว่าน่าจะเป็นไปได้ เตรียมก้าวขาเดินไป
เวลานี้เอง ก็มีเสียงทุบประตูดังขึ้น
ดังมาจากห้องรับรองแขก
“ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย……”
ครั้งนี้ เขาได้ยินชัดเจน เป็นเสียงผู้หญิงร้องให้ช่วย
เขาไม่สนใจอะไรแล้ว รีบไปที่ประตูห้องรับรองแขกทันที แต่กลับพบว่าถูกล็อกเอาไว้
“พี่ พี่กำลังทำอะไรคะ”
เย่เสี่ยวอี้วิ่งขึ้นมา มองเห็นเย่เฉินหยุนกำลังเปิดประตูห้องรับรองแขกพอดี ตกใจจนหน้าซีด รีบพุ่งเข้ามา
“ข้างในมีคนร้องขอความช่วยเหลือ” เย่เฉินหยุนออกแรงดึงลูกบิดประตู แต่ก็ยังเปิดไม่ออก
เขาหันไปพูดกับเย่เสี่ยวอี้ว่า “เธอไปหาพ่อบ้าน ให้เขาเอากุญแจมาเปิดประตู”
“พี่คะ พี่หูฝาดไปหรือเปล่าคะ ตอนนี้ไม่มีเสียงอะไรเลยนะคะ” เย่เสี่ยวอี้จงใจยื้อเวลา ไม่ยอมลงไปชั้นล่าง
เธอไม่ยอมให้พี่ชายเธอมาทำแผนการที่เธอวางไว้พังเด็ดขาด
“เป็นไม่ไม่ได้! รีบไปหาพ่อบ้าน” เย่เฉินหยุนมองเธออย่างดุดัน
เย่เสี่ยวอี้ได้แต่พยักหน้า “ค่ะ ฉันไปหาพ่อบ้าน”
เธอลงมาชั้นล่างอย่างช้าๆ มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเยาะ เธอจะไปหาพ่อบ้านเอากุญแจมาจริงๆได้อย่างไร
เย่เฉินหยุนทุบประตูอย่างแรง “คนข้างในฟังนะ ไม่ว่าแกจะทำอะไร ตอนนี้ฉันให้แกหยุดเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นอีกเดี๋ยวฉันจะเปิดประตูเข้าไป แกก็ซวยแน่!”
ไอ้อ้วนที่กำลังฉีกทึ้งเสื้อผ้าของเหลียงซินเวยได้ยินประโยคนี้ ก็โกรธจนตบเหลียงซินเวยไปหนึ่งฉาด “นังตัวดี เป็นเพราะแกร้องเรียกคนมา แกคิดว่าแบบนี้ฉันจะปล่อยแกเหรอ ฝันไปเถอะ!”
พูดจบ เขาก็ฉีกเสื้อผ้าของเหลียงซินเวยขาด เผยให้เห็นผิวขาวเนียน
ดวงตาของไอ้อ้วนเป็นประกาย เขาเลียริมฝีปาก ยิ้มอย่างน่าขยะแขยงที่สุด “ก่อนที่เขาจะเข้ามา ฉันจะจัดการแกให้เสร็จก่อน!”
เขาก้มหน้าลงไปจูบเหลียงซินเวย แต่เหลียงซินเวยกลับหลบหลีก
“นังตัวดี!” เขาเอามือดึงผมของเหลียงซินเวยเอาไว้
เหลียงซินเวยน้ำตาไหลอย่างเงียบๆ สิ้นหวังราวกับความมืดมิดได้กลืนเธอลงไปแล้ว เธอหลับตาลง
ช่างมันเถอะ
ไม่ต้องดิ้นรนขัดขืน และก็ไม่ต้องคิดว่าจะมีคนมาช่วยตนเอง
เย่เฉินหยุนรอสักพัก ยังไม่เห็นพ่อบ้านมา และในห้องก็ไม่มีเสียงอะไรเลยสักนิด
เขาร้อนใจจนรอไม่ไหวแล้ว ใช้ร่างตัวเองชนกระแทกประตู
“ปึง! ปึง!”
แต่ละครั้งๆ ไอ้อ้วนจะมีอารมณ์ทำต่อไปได้อย่างไร เขาลุกขึ้นมาจากร่างของเหลียงซินเวย รีบเก็บเสื้อผ้าของตนเองขึ้นมาใส่
ตอนนี้เอง ประตูก็ถูกกระแทกเปิดออก