ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 1138 คำสั่งของพ่อแม่
เย่เฉินหยุนส่งเหลียงซินเวยถึงบ้าน ก็จากไปทันที
เหลียงซินเวยมองรถของเขาขับไกลออกไป จนกระทั่งมองไม่เห็นจึงหมุนตัวขึ้นชั้นบน
พอได้ยินเสียงเปิดประตู อานอานก็รีบวิ่งมาทันที
“แม่ครับ แม่กลับมาแล้วเหรอครับ”
เหลียงซินเวยหัวเราะเบาๆ “อืม แม่กลับมาแล้ว”
อานอานมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างพินิจพิจารณา บนใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย “แม่ครับ นี่เป็นชุดที่แม่ซื้อมาใหม่เหรอครับ”
เหลียงซินเวยก้มหน้ามองเสื้อผ้าที่ตนเองสวมอยู่ ยิ้มพลางส่ายหน้า “ไม่ใช่จ้ะ ชุดของแม่เลอะ นี่เป็นชุดที่คนอื่นให้แม่ยืมใส่จ้ะ”
“อ๋อ” อานอานพยักหน้าอย่างผิดหวังเล็กน้อย “ผมคิดว่าแม่รู้จักซื้อเสื้อผ้าสวยๆมาให้ตัวเองแล้วเสียอีก”
ได้ยินดังนั้น เหลียงซินเวยกลั้นหัวเราะแทบไม่อยู่ “ลูกคนนี้ เสื้อผ้าของแม่ไม่สวยเลยเหรอจ้ะ”
“ไม่ใช่ไม่สวย แต่มันเชยนิดหน่อย” อานอานก็ยังตอบคำถามของเธออย่างจริงจัง
“เอาละ แม่ทำงานในร้านอาหาร ไม่ใช่ทำงานในอาคารสำนักงาน ไม่ต้องใส่เสื้อผ้าสวยทันสมัยมากมายหรอกจ้ะ”
เหลียงซินเวยโอบเขาเดินมานั่งที่ห้องรับแขก หันมามองเขาอย่างจริงจัง “ทำการบ้านเสร็จแล้วเหรอ”
อานอานพยักหน้า “อืม ทำเสร็จแล้วครับ”
“เป็นเด็กดีจริงๆ” เหลียงซินเวยลูบศีรษะเขา มองเครื่องหน้าของเขาที่คล้ายกับพี่สาวอยู่บ้าง ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดและเจ็บปวด
บางครั้งที่เธอทำงานกะดึก ดึกมากจึงจะกลับบ้านได้ เขาก็ต้องอยู่บ้านเพียงคนเดียว
เขาอายุแค่แปดขวบ ก็ถูกบีบบังคับให้ต้องเรียนรู้หลายเรื่อง
อย่างเช่นอุ่นข้าวและกับข้าวด้วยตนเอง ล้างจานชามด้วยตนเอง
เมื่อเทียบกับเสี่ยวเป่าและเถียนเถียนแล้ว เขาก็เหมือนกับผู้ใหญ่คนหนึ่ง
“แม่ครับ แม่เป็นอะไรครับ” อานอานเห็นเธอจ้องตนเองไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไร ก็เลยเอ่ยถามออกมา
เหลียงซินเวยตั้งสติกลับมาได้ ยิ้ม แล้วพูดว่า “ไม่มีอะไรจ้ะ”
เธอลูบศีรษะเขาอีก อยู่ดีๆ ก็ไม่รู้ว่าเป็นภาพลวงตาหรืออะไร รู้สึกว่าเขากับคุณเย่คนนั้นคล้ายกันอยู่บ้าง
ความคิดนี้น่าตกใจจนเธอรีบส่ายหน้า จะเหมือนคุณเย่คนนั้นได้อย่างไรกันนะ ต้องเป็นเพราะวันนี้ตนเองได้รับความตื่นตกใจแน่นอน ในหัวสมองจึงได้สับสนฟุ้งซ่านนิดหน่อย
อานอานเห็นเธอส่ายหน้าและบ่นพึมพำอีก ก็ขมวดคิ้วไม่หยุด “แม่ครับ แม่ไม่สบายหรือเปล่าครับ”
“แม่ไม่เป็นไร ลูกรีบไปนอนเถอะ” เหลียงซินเวยผลักเขาไป
อานอานยิ่งขมวดคิ้วแน่น สายตาที่มองเธอยิ่งเพิ่มความสงสัยมากขึ้น “ตอนนี้เพิ่งจะสามทุ่มกว่า อีกทั้งพรุ่งนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์”
“จริงด้วย” เหลียงซินเวยเพิ่งจะนึกออกว่าพรุ่งนี้เป็นวันหยุด
“แม่ครับ พวกเราไปเล่นกับเสี่ยวเป่าและเถียนเถียนได้มั้ยครับ” อานอานถามอย่างระมัดระวัง
เห็นท่าทางคาดหวังของเขา เหลียงซินเวยครุ่นคิด “แม่โทรไปถามคุณน้าสื้อสื้อของลูกก่อนนะ ถ้าได้ พวกเราค่อยนัดเสี่ยวเป่ากับเถียนเถียนออกมา ดีมั้ย”
อานอานพยักหน้าแรงๆ “ดีครับ”
……
เพราะฟางยู่เชินได้กำชับเอาไว้เป็นพิเศษ ว่าช่วงนี้ให้เจียงสื้อสื้อพยายามไม่ออกจากบ้าน
ดังนั้นเมื่อเธอรับโทรศัพท์ของเหลียงซินเวย ก็ได้แต่ปฏิเสธอย่างจนปัญญา “เวยเวย ขอโทษด้วยนะ ช่วงนี้ฉันออกจากบ้านไม่ได้ ดังนั้น……”
“ไม่เป็นไร รอให้คุณว่างก่อน พวกเราค่อยนัดกัน”
แม้ว่าเหลียงซินเวยจะพูดขนาดนี้แล้ว แต่เจียงสื้อสื้อก็ยังรู้สึกไม่ดีอยู่ จึงเอ่ยข้อเสนอว่า “ไม่อย่างนั้นเธอพาอานอานมาเล่นที่บ้านตระกูลฟาง เป็นยังไง”
ปลายสายทางนั้นนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง เสียงของเหลียงซินเวยจึงดังขึ้นมาอีกครั้ง “ไม่ต้องหรอกค่ะ ต่อไปมีโอกาสค่อยนัดกัน”
เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้ว “ทำไมเหรอ”
รู้สึกเหมือนว่าการมาที่บ้านตระกูลฟางจะเป็นเรื่องที่ต้องต่อต้าน
“ไม่มีอะไร รู้สึกว่าจะเป็นการรบกวนคุณน้าฟางกับพวกเขามากเกินไป”
ได้ยินดังนั้น เจียงสื้อสื้อก็อดยิ้มไม่ได้ “เวยเวย น้าสะใภ้ฉันชอบเวลามีแขกมามากที่สุด เธอไม่ต้องกังวลว่าจะรบกวนพวกเขา”
“ไม่ไปดีกว่าค่ะ ต่อไปค่อยนัดกันอีกที ไม่รบกวนคุณแล้ว บ๊ายบาย”
ไม่รอให้เจียงสื้อสื้อตอบโต้กลับมา ก็วางสายไปเลย
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น” เจียงสื้อสื้อจ้องมองโทรศัพท์มือถือด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย
ซ่างหยิงเดินมา มองเห็นภาพนี้ ก็พูดอย่างแปลกใจว่า “โทรศัพท์มือถือเธอเป็นอะไรเหรอ”
“เปล่าค่ะ” เจียงสื้อสื้อวางโทรศัพท์มือถือลง หันไปมองเธอ “พี่ยังไม่กลับมาเหรอคะ”
“งานเลี้ยงวันเกิดที่ไหนจะเลิกเร็วขนาดนั้น” ซ่างหยิงมองนาฬิกาข้อมือ พูดด้วยรอยยิ้ม “ฉันอยากให้เขาอยู่นานๆหน่อยค่อยกลับมา”
เจียงสื้อสื้อยักคิ้ว “น้าสะใภ้ น้าจะให้พี่แต่งงานกับเสี่ยวอี้จริงๆเหรอคะ”
“นี่ไม่ใช่ความคิดของฉันนะ” ซ่างหยิงรีบแก้ตัว “นี่เป็นความคิดของน้าเธอ”
ซ่างหยิงนั่งลงตรงข้ามกับเธอ พูดต่อว่า“แม้ว่าพี่ชายเธอจะยืนอยู่ที่ฟางซื่อกรุ๊ปได้มั่นคงดีแล้ว แต่พี่ชายสองคนนั้นของเธอไม่มีทางปล่อยให้เป็นแบบนี้ เพื่อพี่ชายเธอ จำเป็นต้องหาภรรยาที่ช่วยเหลือเขาได้ให้เขา”
“ดังนั้น พวกคุณน้าก็เลยนึกถึงตระกูลเย่เหรอคะ”
“ตระกูลเย่เหมาะสมที่สุดแล้ว อีกอย่างเสี่ยวอี้กับฉันก็มีวาสนาต่อกันมาก” พูดถึงเสี่ยวอี้ ซ่างหยิงก็ยากที่จะปกปิดความยินดีบนใบหน้าได้
เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้ว “พวกคุณไม่กลัวว่าพี่จะไม่ยอมรับเหรอคะ”
“นับตั้งแต่อดีต คำสั่งของพ่อแม่ การเลือกคู่ครองให้ เขาจะไม่ยอมได้อย่างไรล่ะ”
ยุคสมัยนี้แล้วยังเชื่อฟังในความคิดแบบนี้ได้อยู่หรือ เจียงสื้อสื้อรู้สึกว่าไม่ถูกต้องเลย “คุณน้าสะใภ้ คุณน้ามีความคิดหัวโบราณแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ แล้วยังคำสั่งพ่อแม่นั่น ตอนนี้ทุกคนมีอิสระในความรักนะคะ”
นี่ถ้าพี่มาได้ยินเข้า จะต้องอึ้งจนพูดไม่ออกแน่นอน
ซ่างหยิงถลึงตาโตใส่เธออย่างไม่พอใจ “อิสระในความรักก็ต้องให้พี่เธอยอมรับด้วย ตอนนี้ปัญหาคือเขาไม่ได้รักใครอย่างอิสระ อย่างนั้นก็ต้องให้พ่อแม่ออกคำสั่งแล้ว”
มุมปากเจียงสื้อสื้อยกขึ้น “ ยังจะเอาแบบนี้อีก”
ด้วยนิสัยของพี่ชาย มีเหรอที่จะเชื่อฟังพวกเขา ถึงเวลาจะต้องต่อต้านแน่นอน
ก่อนหน้านี้ เธอต้องรีบกล่อมให้พี่ชายเธอมีแฟน ไม่อย่างนั้นก็ได้แต่ต้องแต่งงานกับเสี่ยวอี้แล้ว
“ใช่แล้ว เมื่อครู่เธอคุยโทรศัพท์กับใคร” ซ่างหยิงนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้
“เวยเวย”
“เวยเวยเหรอ” ซ่างหยิงขมวดคิ้ว “หล่อนโทรมาหาเธอทำไม”
“ไม่มีอะไรค่ะ ก็แค่อยากนัดหนูเสี่ยวเป่ากับเถียนเถียนออกไปเที่ยวเล่นกัน” เจียงสื้อสื้อตอบตามความจริง
“แบบนี้นี่เอง” ซ่างหยิงพยักหน้า “แล้วเธอตกลงไปแล้วหรือยัง”
เจียงสื้อสื้อยิ้มอย่างจนปัญญา “ช่วงนี้หนูออกจากบ้านไม่ได้ จะตอบตกลงได้ยังไงล่ะคะ”
“ก็ใช่” ซ่างหยิงครุ่นคิด ทันใดนั้นดวงตาก็สว่างวาบ “เอาแบบนี้มั้ย ฉันจะพาเสี่ยวเป่ากับเถียนเถียนออกไปเอง แบบนี้ เธอก็ไม่ต้องออกจากบ้าน เสี่ยวเป่ากับเถียนเถียนก็สามารถออกไปเที่ยวเล่นได้”
“ไม่ต้องแล้วค่ะ คุณน้าสะใภ้ แบบนี้สร้างความยุ่งยากให้เขามากเกินไป”
ความจริงแล้วเจียงสื้อสื้อไม่อยากจะสร้างความวุ่นวายให้เธอ
“ไม่เป็นไร แค่พาออกไปเล่น ไม่ได้ทำอะไรอื่นอีก ไม่รบกวนเลยสักนิดเดียว”
ซ่างหยิงยืนหยัดอย่างผิดปกติ
เจียงสื้อสื้อได้แต่ยอมรับอย่างหมดหนทาง “ก็ได้ค่ะ หนูจะบอกกับเวยเวย”
เธอโทรศัพท์หาเวยเวยต่อหน้าซ่างหยิง เล่าสถานการณ์ให้เหลียงซินเวยฟัง
เหลียงซินเวยได้ฟังแล้ว ก็นิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง จึงพูดว่า “ก็ได้ค่ะ”
ตอนแรกเจียงสื้อสื้อยังกัวลว่าเหลียงซินเวยจะปฏิเสธ ตอนนี้ได้ยินเธอรับปากแล้ว ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกไม่หยุด “’อย่างนั้นพบกันพรุ่งนี้”
“เจอกันพรุ่งนี้”
มองเห็นเธอวางสาย ซ่างหยิงก็รีบถามว่า “ตอบรับแล้ว ใช่มั้ย”
เจียงสื้อสื้อยิ้ม“อืม รับปากแล้วค่ะ”
ซ่างหยิงพยักหน้า “งั้นก็ดี”