ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 1159 ไม่เคยมีความรู้สึกอยากพิชิตใคร
“ทำไมคุณถึงอยู่ที่นี่?” เหลียงซินเวยมองผู้ชายที่เดินเข้ามาด้วยความแปลกใจ
กู้เนี่ยนยิ้ม “ขับรถผ่านพอดี เห็นคุณกำลังคุยโทรศัพท์ ก็เลยลงมาดู”
เขาสังเกตดูเธอ “คุณกำลังจะกลับบ้านเหรอ?”
เหลียงซินเวยจับสายกระเป๋า พยักหน้ายิ้ม “อืม”
“ให้ผมไปส่งไหม?”
“ไม่ต้องค่ะ ใกล้ถึงแล้ว” เหลียงซินเวยชี้ไปที่ตึกหอพักที่อยู่ไม่ไกล ปฏิเสธความหวังดีจากเขาอย่างยิ้มแย้ม
กู้เนี่ยนมองเธอ แล้วถาม “จะถือสาไหมถ้าผมขอกินข้าวด้วยสักมื้อ?”
“หา?” เหลียงซินเวยรับไม่ทัน
ท่าทางมึนงงของเธอ ดูน่ารัก
รอยยิ้มที่มุมปากของกู้เนี่ยนก็กว้างขึ้น “ผมล้อคุณเล่น คุณรีบกลับบ้านเถอะ”
เหลียงซินเวยถึงตอบสนองทัน รีบพูดว่า “ถ้าหากคุณไม่รังเกียจ ก็กินข้าวด้วยกันได้ค่ะ”
“ไม่ต้องแล้วครับ คุณกลับบ้านเถอะ”
เหลียงซินเวยก็เกรงใจไม่กล้าไปบังคับเขา “ถ้าอย่างนั้นฉันกลับก่อนนะคะ”
กู้เนี่ยนโบกมือ “ลาก่อน”
“ลาก่อน”
เหลียงซินเวยหันตัวเดินไปทางหมู่บ้านที่พักอยู่
กู้เนี่ยนดึงมือกลับ ใส่เข้าในกระเป๋ากางเกง ยืนมองร่างเธอที่เดินจากไปอยู่ที่เดิม มุมปากยังคงยิ้มบางๆ
จนมองไม่เห็นแล้ว เขาถึงหันตัวเดินกลับไปที่รถที่จอดอยู่ข้างทาง
……
“ติ้ง”
ประตูลิฟต์เปิด เหลียงซินเวยเดินออกไป เธอก้มหน้าหยิบกุญแจในกระเป๋า พอเงยหน้า ก็เห็นผู้ชายที่ยืนอยู่หน้าประตูบ้าน ก็ค่อยๆหยุดเดิน
ขมวดคิ้วขึ้น “คุณมาได้ยังไง?”
เย่เฉินหยุนยกถุงในมือขึ้นมา พูดอย่างยิ้มแย้ม “ครั้งที่แล้วคุณบอกว่าอานอานชอบเลโก้ ผมก็เลยซื้อมาให้เขา”
เหลียงซินเวยเดินเข้าไป ตอนที่เดินผ่านเขา ก็พูดอย่างเรียบเฉย “คุณไม่จำเป็นต้องเปลืองเงิน”
“ผมชอบเด็กอานอานคนนี้มาก มีความรู้สึกเหมือนคุ้นเคยอยู่ตลอด”
ได้ยินแล้ว เหลียงซินเวยก็ตัวเกร็ง หรือว่าเขารู้อะไรแล้ว?
เห็นเธอถือกุญแจไว้ไม่เปิดประตู เย่เฉินหยุนก็ถามอย่างแปลกใจ “เวยเวย คุณทำอะไรอยู่ ทำไมไม่เปิดประตู?”
เหลียงซินเวยเรียกสติกลับมา รีบเปิดประตู เข้าไปคนเดียว ก็รีบหันมาขวางเย่เฉินหยุนไว้
เย่เฉินหยุนมองเธอ แล้วขมวดคิ้ว “เวยเวย นี่คุณหมายความว่ายังไง?”
“คุณเย่ ตอนนี้ดึงมากแล้ว ผู้ชายอย่างคุณเข้ามา เกรงว่าจะไม่ปลอดภัย”
เย่เฉินหยุนหัวเราะ “เวยเวย คุณคิดมากไปแล้ว ผมแค่อยากเอาของขวัญให้อานอาน ไม่ได้คิดอย่างอื่น”
“ก็ไม่ได้เหมือนกัน” เหลียงซินเวยใจแข็งไม่ยอมให้เขาเข้ามา “ของขวัญก็ไม่ต้องแล้ว คุณกลับเถอะ”
พูดจบ ก็ปิดประตูทันที
“เวยเวย” เย่เฉินหยุนเกือบชนประตู
เขาก็เลยต้องกดกริ่งประตู
“กลับไปเถอะ” ในประตูเป็นเสียงของเหลียงซินเวย
เย่เฉินหยุนเปิดปาก อยากพูดว่าอย่างน้อยก็รีบของขวัญไว้ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรเลย
เขาก้มหน้าดูถึงที่ถือในมือ ถอนหายใจ ช่างเถอะ วันหลังค่อยให้ละกัน
มองดูประตูที่ปิดแน่น เขาหันตัวจากไป
“แม่ คุยกับใครเหรอครับ?”
ได้ยินเสียงข้างนอก อานอานก็เดินออกมาจากห้อง มองเห็นเหลียงซินเวยยืนอยู่หน้าประตู เดินเข้ามาถามอย่างแปลกใจ
เหลียงซินเวยหันกลับไป ยิ้มเล็กน้อย “ไม่มีอะไร การบ้านทำเสร็จหรือยัง?”
“ทำเสร็จแล้ว”
เหลียงซินเวยเดินเข้าไป จับหัวของเขา “ถ้าอย่างนั้นก็ดูคอมสักพัก รอแม่ทำกับข้าวเสร็จค่อยเรียกนะ”
“ครับ”
อานอานเดินไปในห้องรับแขกอย่างเชื่อฟัง
เหลียงซินเงยมองดูเขา ในสายตาเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกมากมาย เธอไม่หวังว่าชีวิตอันสงบสุขของเธอและอานอานจะถูกคนอื่นทำลาย
หวังว่าเย่เฉินหยุนจะพูดไปเท่านั้น ไม่ได้รู้อะไรมากกว่านั้น
……
แผนการผิดพลาด เบอร์เกนตั้งแต่กลับถึงโรงแรมก็ไม่ได้พูดอะไรสักคำ นั่งคนเดียวบนโซฟาที่อยู่ริมหน้าต่าง สีหน้าเคร่งขรึม แปร่งประกายความเย็นเยือกและเย็นชา
แม้แต่อากาศก็เหมือนแข็งตัวไปด้วย
ลี่ซาเดินออกมาจากห้อง มองดูร่างที่อยู่ริมหน้าต่าง มุมปากก็ยิ้มขึ้นอย่างได้ใจ
ถึงแม้ว่าแผนการของเบอร์เกนผิดพลาด แต่สำหรับเธอแล้วคือเรื่องดี
แบบนี้แล้ว เธอก็ไม่ต้องเป็นห่วงว่าเบอร์เกนจะมีอะไรกับผู้หญิงคนนั้นแล้ว
คิดถึงตรงนี้ เธอก็รู้สึกอารมณ์ดีทันที
เธอร้องเพลงเดินไปที่บาร์ อารมณ์ดีขนาดนี้ก็ต้องดื่มสักแก้ว
ลี่ซาหยิบไวน์และแก้ว ตอนแรกอยากเข้าไปดื่มในห้องนอน แต่พอหันไปเห็นร่างที่นั่งนิ่งอยู่ริมหน้าต่าง ก็เปลี่ยนใจแล้ว
เธอหยิบแก้วเพิ่มอีกใบ แล้วเดินเข้าไป
“ดื่มสักแก้ว” เธอวางไวน์และแก้วไว้บนโต๊ะ
เบอร์เกนเงยหน้า มองเธอด้วยสายตาเย็นชา ขมวดคิ้วเล็กน้อย บนหน้าเขียนอย่างชัดเจน คำว่า “อย่ายุ่งกับผม”
แต่ลี่ซาแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน นั่งลงตรงข้ามเขา จากนั้นก็ยกไวน์ขึ้นเทสองแก้ว
“ถึงแม้ว่าคุณจะนั่งอยู่ตรงนี้จนถึงพรุ่งนี้เช้า ก็ทำอะไรไม่ได้ ไม่ใช่เหรอ?” ลี่ซายกไวน์แก้วหนึ่งขึ้นมา เขย่าเบาๆ
เบอร์เกนหรี่ตา “คุณดีใจมาก?”
เพราะว่าไม่ได้พูดนาน เสียงของเขาฟังดูเสียงแหบเล็กน้อย มีแววแห่งความอันตรายเล็กน้อย
“ดีใจ ต้องดีใจแน่นอน” ลี่ซายิ้มแย้ม “ฉันเกลียดเจียงสื้อสื้อนั่น”
เบอร์เกนจ้องหน้าเธอ แล้วก็ยิ้ม “คุณคิดว่าผมจะยอมแค่นี้เหรอ?”
ลี่ซาได้ยิน สีหน้าก็เปลี่ยนทันที “คุณพูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง หรือว่าคุณยังคิดอยากพาผู้หญิงคนนั้นกลับอิตาลี?”
“ทำไมจะไม่ได้?” เบอร์เกนยกแล้วไวน์ขึ้นจีบ พูดต่อ “เธอกระตุ้นความรู้สึกที่อยากจะพิชิตให้ได้ของผมขึ้นมา ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนตลอดสามสิบปี ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนทำให้ผมรู้สึกสนใจขนาดนี้มาก่อน”
“เบอร์เกน” ลี่ซาโมโห
เธอรู้ว่าเขารู้สึกกับเจียงสื้อสื้อไม่เหมือนกัน แต่ไม่เคยได้ยินจากปากของเขาเลย
เบอร์เกนเงยหน้าดื่มไวน์จนหมดแก้ว ลุกขึ้นแล้ววางแก้วไวน์ลงบนโต๊ะอย่างแรง
“ลี่ซา อย่ามาทดสอบขีดจำกัดของผม ไม่อย่างนั้นผมก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะทำอะไรลงไป”
ลี่ซาอึ้งอยู่กับที่
เขากำลังเตือนเธอเหรอ?
เบอร์เกนมองเธออย่างเย็นชา จากนั้นก็เดินจากไป
ปัง
เสียงปิดประตูดังขึ้น พอลี่ซารู้สึกตัว ก็พบว่าเบอร์เกนไปแล้ว เธอก็โมโหจนขว้างแก้วไวน์ในมือลงที่พื้น
จนแก้วแตกกระจาย
ไวน์สาดเต็มพื้น
“เบอร์เกน ไอ้สารเลว” ลี่ซาตะโกนอย่างบ้าคลั่ง เพราะว่ารู้สึกโกรธมาก หน้าอกก็หอบขึ้นลงด้วยความโกรธ
“คุณหญิง ท่าน……” คาร์อันเดินเข้ามา ปลอบเธออย่างระมัดระวัง แต่พอเห็นสายตาอันเฉียบคมของเธอก็หุบปากทันที
ลี่ซาหน้าบึ้งตึง ความเกลียดในสายตาเหมือนจะทะลุออกมา มือสองข้างกำหมัดไว้แน่น เล็บจิกเข้าเนื้อก็ไม่รู้สึกเจ็บ
“เจียงสื้อสื้อ” เธอกัดฟันพูดชื่อนี้ออกมาก
เธอจะไม่มีวันปล่อยนางแพศยาคนนี้ไปเด็ดขาด
และไม่มีวันที่จะให้เบอร์เกนสมหวังเด็ดขาด เขานึกว่าแบบนี้จะขู่เธอได้เหรอ เธอจะไปกลัวเหรอ?
ลี่ซาหัวเราะเย็นชา “ฉันเป็นถึงคนของตระกูลอเนรีย์ ฉันจะไปกลัวเขาเบอร์เกนได้ยังไง? เรื่องที่เป็นไปไม่ได้”
เธอหันไปมองคาร์อัน “คุณช่วยฉันคิดหาวิธีนัดผู้หญิงคนนั้นออกมา”
คาร์อันก้มหน้าอย่างเคารพ “ครับ”