ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 1163 พยายามช่วยชีวิตอย่างสุดกำลัง
กู้เนี่ยนลงมาถึงชั้นหนึ่ง แล้วเดินตรงไปที่ลานจอดรถ
มีพยาบาลสองคนเดินผ่านเขาไป จึงได้ยินหนึ่งในสองคนนั้นพูดว่า “ฉันได้ยินมาว่าแผนกฉุกเฉินมีผู้หญิงถูกยิงถูกส่งเข้ามา”
พอได้ยินแบบนี้ กู้เนี่ยนก็หยุดเดินทันที
“จริงเหรอ เป็นไปได้ยังไงที่จะมีปืนไว้ในการครอบครองเป็นการส่วนตัว”
“จริงสิ เพื่อนของฉันส่งข้อความมา บอกว่าเลือดไหลออกมาเยอะมาก ห้ามเลือดยังไงก็ห้ามไม่อยู่”
“เดี๋ยวครับ” กู้เนี่ยนรีบวิ่งไปขวางพวกเธอไว้
อีกฝ่ายเงยหน้ามองเขาอย่างสงสัย
“แผนกฉุกเฉินอยู่ตรงไหนเหรอครับ”
“อยู่ข้างหน้าค่ะ” อีกฝ่ายชี้ไปทางหนึ่ง
กู้เนี่ยนกล่าวขอบคุณ แล้ววิ่งไปในทิศทางนั้น
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เขารู้สึกว่าผู้หญิงที่พยาบาลคนนั้นพูดถึงจะเป็นคุณนายน้อย
……
เจียงสื้อสื้อถูกส่งเข้าห้องผ่าตัด
“ผู้บาดเจ็บเสียเลือดมาก มีอาการช็อก เราจะพยายามช่วยชีวิตอย่างสุดกำลัง”
นี่คือสิ่งที่หมอบอกกับเบอร์เกนก่อนเข้าห้องผ่าตัด
“ถ้าพวกคุณช่วยเธอไม่ได้ ผมจะให้ทั้งโรงพยาบาลตายตามเธอไป” เบอร์เกนจ้องหน้าหมอเขม็ง
ความรู้สึกอึดอัดจนหายใจไม่ออกพุ่งเข้ามา ทำให้หมออดที่จะเหงื่อเย็นไหลออกมาตรงหน้าผากของเขาไม่ได้ เขารีบพูด “วางใจได้ครับ เราจะพยายามให้ดีที่สุด”
หลังจากพูดเสร็จ เขาก็รีบหันหลังเข้าห้องผ่าตัด โดยไม่รอให้เบอร์เกนพูดอะไรอีก
“คุณท่านครับ นั่งลงก่อนครับ การผ่าตัดคงต้องใช้เวลาหนึ่งถึงสองชั่วโมง” มาร์ซิวพูดอย่างระมัดระวัง
เบอร์เกนไม่แม้แต่จะมองอีกฝ่าย เขาหันหลังเดินตรงไปนั่งลงที่ม้านั่ง
มาร์ซิวรีบเดินตามไป
พอเขาเดินเข้ามา เสียงเย็นชาของเบอร์เกนก็ดังขึ้น “จัดการคาร์อันซะ”
พอมาร์ซิวได้ยินอย่างนั้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที “คุณท่านครับ คาร์อันคงจะสับสนไป คุณท่านให้โอกาสเขาอีกสักครั้ง เขา…”
“พอแล้ว” เบอร์เกนพูดขัดเขาอย่างเย็นชา ก่อนจะเงยหน้าขึ้น แล้วส่งสายตาเยือกเย็นมาที่เขา “ฉันให้โอกาสเขาแล้ว แต่เขาไม่รักษามันไว้เอง”
“คุณท่าน…” มาร์ซิวยังคงอยากจะขอร้องแทนคาร์อัน แต่เบอร์เกนยกมือห้าม
เขาทำได้เพียงก้มหน้าลงด้วยความเคารพ “ได้ครับ ฉันรู้แล้วครับ”
กู้เนี่ยนวิ่งไปที่ห้องฉุกเฉิน แล้วได้รับแจ้งว่าผู้บาดเจ็บถูกส่งไปที่ห้องผ่าตัดแล้ว เขาจึงรีบวิ่งไปที่ห้องผ่าตัดอีกครั้ง
พอเขาวิ่งมาถึงหน้าห้องผ่าตัด เขาก็เห็นเบอร์เกนกับมาร์ซิว
“เป็นพวกนายจริงๆ ด้วย” เขาหายใจแรง แล้วมองดูพวกเขาอย่างไม่เชื่อสายตา
จากนั้น เขาก็หันไปมองที่ห้องผ่าตัดที่ประตูยังปิดอยู่ แล้วกลืนน้ำลายเข้าไป “อย่าบอกนะ ว่าข้างในนี้คือคุณนายน้อยของผม ”
เขาส่งสายตาสอบถามไปทางเบอร์เกน
เบอร์เกนชำเลืองมองเขา แล้วก้มหน้าลง โดยไม่ตอบอะไร
การนิ่งเงียบหมายถึงการยอมรับ
กู้เนี่ยนยกยิ้ม ในรอยยิ้มเต็มไปด้วยการประชด “ทำไมพวกคุณถึงไม่ยอมปล่อยคุณหญืงของพวกเราไปสักที เพราะพวกคุณ ทำให้คุณนายน้อยของพวกเราต้องทนทุกข์ทรมานมามากแค่ไหนแล้ว”
พอพูดถึงช่วงหลัง กู้เนี่ยนก็เริ่มควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ เสียงของเขาก็ยิ่งดังขึ้น
“ระวังคำพูดของคุณด้วย” มาร์ซิวพูดเตือน
กู้เนี่ยนกำหมัดแน่น แล้วมองหน้าเบอร์เกนอย่างโกรธแค้น
เบอร์เกนลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินเข้าไปหาเขา แล้วพูดอย่างเย็นชา “ผมเองก็ไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเหมือนกัน”
กู้เนี่ยนยิ้มเยาะ “ถ้าคุณไม่อยากให้เกิดขึ้น มันก็จะไม่เกิดขึ้นหรือไง”
เขาชี้ไปที่ห้องผ่าตัด แล้วพูดต่อ “ตอนนี้คุณหญืงของผมกำลังนอนอยู่ข้างในนั้น คุณจะอธิบายยังไง”
เบอร์เกนหันกลับมา สายตาจ้องไปทางประตูห้องผ่าตัดที่ปิดสนิท แล้วถอนหายใจออกมา “ผมขอโทษที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ผมสั่งให้คนไปจัดการคนที่ทำร้ายเธอแล้ว จะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกแล้ว”
“คุณเบอร์เกน ถ้าคุณชื่นชมในตัวคุณหญืงของผมจริงๆ ได้โปรดปล่อยเธอไปเถอะครับ” กู้เนี่ยนพูดอ้อนวอน
“แล้วถ้าผมปฏิเสธล่ะ” เบอร์เกนเอียงศีรษะเหลือบตามองเขา
“งั้นก็ต้องดูความสามารถของคุณแล้ว” กู้เนี่ยนมองหน้าเขาอย่างไม่ยอมแพ้
เบอร์เกนหัวเราะ “ได้ ดูความสามารถของผม”
พอพูดจบ เขาก็ส่งสายตาให้มาร์ซิว
มาร์ซิวเข้าใจในทันที เขาเดินไปหากู้เนี่ยนอย่างรวดเร็ว
กู้เนี่ยนก้าวถอยหลังอย่างระวังตัว และในขณะที่ถอยหลัง เขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหาจิ้นเฟิงเหราไปด้วย
แต่มาร์ซิวเร็วกว่า เขายกขาขึ้นเตะโทรศัพท์ทิ้งไป
กู้เนี่ยนเหลือบมองโทรศัพท์ที่ตกลงบนพื้น แล้วรีบหลบหมัดของมาร์ซิว
ทั้งสองคนสู้กันอย่างดุเดือด ทั้งต่อยทั้งเตะ ไม่มีใครรองใคร
จิ้นเฟิงเหรารับสาย “กู้เนี่ยน เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า”
เสียงของเขาดังมาตามสาย กู้เนี่ยนได้ยินแล้ว จึงรีบตะโกนบอก “คุณชายรองครับ ตอนนี้คุณนายน้อยอยู่ในห้องผ่าตัดของโรงพยาบาล รีบส่งคนมาที่นี่ด้วยครับ”
สีหน้าของเบอร์เกนเปลี่ยนไป เขารีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วกดวางสายทันที
“กู้เนี่ยน นายกำลังพูดเรื่องอะไร” จิ้นเฟิงเหราได้ยินไม่ชัด อยากจะถามให้เข้าใจ แต่อีกฝั่งกลับมีเสียง “ตู๊ด” ดังออกมา
วางสายไปแล้ว
เขาวางโทรศัพท์ลง แล้วมองหน้าจอโทรศัพท์ที่ดำสนิทด้วยความกังวลใจ
“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ” ส้งหวั่นชีงเอนตัวนอนบนเตียงเอ่ยถามด้วยความสงสัย
จิ้นเฟิงเหราหันไปมองเธอ แล้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงพูดออกมา “หวั่นหวั่น ผมมีธุระต้องออกไปข้างนอก ถ้าคุณต้องการอะไรก็ขอความช่วยเหลือจาก พี่เลี้ยงหรือคุณแม่นะครับ”
“คุณจะไปไหนคะ” ส้งหวั่นชีงถาม
“เดี๋ยวผมกลับมา” จิ้นเฟิงเหราลูบใบหน้าของเธอ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกไป
ถ้าเขาฟังไม่ผิด กู้เนี่ยนบอกว่าพี่สะใภ้ของเขากำลังถูกช่วยชีวิตอยู่ในห้องผ่าตัด
จะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ก็ต้องไปดูให้แน่ใจ
เพื่อความปลอดภัย จิ้นเฟิงเหราจึงเรียกบอดี้การ์ดตามไปด้วยหลายคน
พอมาถึงชั้นที่ห้องผ่าตัดตั้งอยู่ จิ้นเฟิงเหรามองเห็นกู้เนี่ยนที่ถูกกดอยู่ตรงผนังจากระยะไกล
เขารีบวิ่งเข้าไป แล้วถามอย่างฉุนเฉียว “นี่มันเกิดอะไรขึ้น”
“คุณชายรอง ในที่สุดคุณก็มาถึงสักที” กู้เนี่ยนไม่สนใจความเจ็บปวดบนร่างกายของตนเอง รีบพูดออกมา “คุณนายน้อยยังถูกช่วยชีวิตอยู่ข้างในครับ และคนคนนั้นก็คือเบอร์เกน”
จิ้นเฟิงเหรามองไปทางเบอร์เกน และอีกฝ่ายก็หันมามองเขาพอดี
คิ้วคมขมวดคิ้วเข้าหากัน จิ้นเฟิงเหราส่งสายตาให้กับบอดี้การ์ดที่อยู่ข้างหลังเขา พวกเขาพยักหน้าทีละคน ก่อนจะก้าวไปข้างหน้าเพื่อล้อม มาร์ซิวที่ล็อกตัวกู้เนี่ยนไว้
“ปล่อยเขาซะ” เสียงของเบอร์เกนดังขึ้นมา
มาร์ซิวปล่อยมือออกทันที แล้วมมอคนที่ยืนล้อมเขาด้วยสีหน้าเย็นชา
กู้เนี่ยนบีบนวดแขนของเขา แล้วพูด “พวกนายไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ถอยกลับไปก่อน”
พวกบอดี้การ์ดได้ยินแบบนั้น จึงถอยออกมา
มาร์ซิวกลับไปยืนข้างๆเบอร์เกนอย่างรวดเร็ว
“นายไม่เป็นไรใช่ไหม” จิ้นเฟิงเหราถามด้วยความเป็นห่วง
กู้เนี่ยนส่ายหน้า “ผมไม่เป็นไรครับ”
ถ้าไม่ใช่เพราะความประมาทเลินเล่อของเขาเอง คงไม่ปล่อยให้มาร์ซิวได้โอกาส นี่เป็นความอัปยศในชีวิตของเขาจริงๆ
จิ้นเฟิงเหราพยักหน้า เดินเข้าไป แล้วหยุดยืนห่างจากเบอร์เกนสองก้าว แล้วยิ้มเยาะ “คุณเบอร์เกน คุณคิดว่าที่นี่คืออิตาลีเหรอครับ”
พอเห็นใบหน้าที่มีส่วนคล้ายกับจิ้นเฟิงเฉินคนนั้น เบอร์เกนก็รู้สึกหงุดหงิดแปลกๆ เขาเย้ยเยาะ “ตระกูลจิ้นของพวกคุณ ก็ไม่เท่าไหร่”
น้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความดูถูกของเขา ทำให้จิ้นเฟิงเหราอารมณ์เสียมาก
“ตระกูลจิ้นจะเป็นยังไงคุณก็ไม่มีสิทธิ์มาพูด แต่วันนี้ฝันไปเถอะว่าจะพาพี่สะใภ้ผมไปได้” จิ้นเฟิงเหราพูดอย่างชัดเจน
เบอร์เกนหรี่ตามอง “ใครบอกว่าผมจะพาเธอไป”
ตอนนี้เจียงสื้อสื้อได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาดนั้น เขายังไม่ได้โหดร้ายพอที่จะทรมานเธอ จับตัวเธอไป