ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 1178 ตลอดชีวิตนี้เขาเป็นของเธอได้เพียงผู้เดียว
- Home
- ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!
- บทที่ 1178 ตลอดชีวิตนี้เขาเป็นของเธอได้เพียงผู้เดียว
หลังจากพวกของเจียงสื้อสื้อไปแล้ว ซ่างกวนหยวนนั่งอยู่ที่ห้องรับแขกนานมากถึงลุกขึ้นไปชั้นบน
เดินเข้าไปในห้องหนังสือ เขาหยิบโทรศัพท์ออกมา โทรหาซ่างกวนหยวนที่อยู่ไกลถึงสิงคโปร์
พอมีคนรับสาย เขาก็พูดว่า“คุณย่าใกล้จะไม่ไหวแล้ว ถ้าเธอยังคิดว่าคุณย่าเป็นญาติของเธอ เธอก็รีบกลับมาเยี่ยมท่าน”
พูดจบ ก็ไม่รอให้อีกฝ่ายตอบโต้อะไร เขาก็วางสายทันที
กำโทรศัพท์ไว้ในมือแน่น ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย ฉายลำแสงแห่งความยืนหยัดหนักแน่น
ครั้งนี้ไม่ว่าอย่างไร ก็ต้องให้เธอกลับมาเมืองหลวงให้ได้
……
ซ่างกวนหยวนวางโทรศัพท์มือถือลง คิ้วขมวดแน่น
“เกิดอะไรขึ้นหรือ”หลี่จี้เห็นเธอหลังจากรับสายแล้ว ก็ดูเหมือนจะเกิดอารมณ์หดหู่ท้อแท้ลงไปไม่น้อย จึงรีบถามอย่างเป็นห่วง
ซ่างกวนหยวนส่ายหน้า“ไม่เป็นไร”
“ไม่มีอะไรจริงเหรอ”หลี่จี้ไม่เชื่อคำพูดของเธอ
เพราะสีหน้าท่าทางของเธอดูแล้วไม่เหมือนคนที่ไม่เป็นอะไร
“พ่อ”ซ่างกวนหยวนกัดริมฝีปาก“หนูจะกลับเมืองหลวงสักครั้ง”
“กลับเมืองหลวงเหรอ”หลี่จี้ขมวดคิ้ว“ทำไมจู่ๆจะกลับไปล่ะ”
“พ่อก็รู้เรื่องสุขภาพร่างกายของคุณย่าหนู หนูต้องกลับไปเยี่ยมท่าน”
และครั้งนี้ซ่างกวนหยวนดูเหมือนจะโกรธมาก ดูท่าอาการของคุณย่าจะไม่สู้ดีนักจริงๆ
“เธอไม่ใช่ว่าจะส่งคนกลับไปเยี่ยมเหรอ”หลี่จี้ถาม
เมื่อก่อนเขาก็เคยเกลี้ยกล่อมให้เธอกลับไปเยี่ยมหญิงชรา แต่ถูกเธอปฏิเสธ
ทว่าครั้งนี้ เธอกลับเป็นฝ่ายอยากจะกลับไปเอง ทำให้เขารู้สึกแปลกใจมาก
“พ่อ นั่นคือย่าของฉันนะคะ ถ้าฉันไม่กลับไปด้วยตนเอง มันฟังไม่ขึ้น”
แม้ว่าในใจเธอจะยังแค้นเคืองคุณย่าอยู่ แต่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ทางสายเลือดระหว่างพวกเธอได้
เธอไม่ทิ้งความเสียใจให้ตนเอง
หลี่จี้ยิ้ม“งั้นก็กลับไปเถอะ คุณย่าเห็นลูกต้องดีใจมากแน่นอน”
ซ่างกวนหยวนยิ้ม ไม่ได้พูดอะไรอีก
จู่ๆหลี่จี้ก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้“ลูกกลับไปแล้ว เฟิงเฉินทำยังไง”
“เขา……”ซ่างกวนหยวนครุ่นคิด“พ่อคะ รบกวนพ่อช่วยดูแลเขาหน่อยได้มั้ยคะ”
“พ่อเหรอ”หลี่จี้แปลกใจมาก“ลูกไม่ได้พูดผิดใช่มั้ย”
“ไม่ผิดค่ะ ตอนนี้คนที่หนูเชื่อใจมากที่สุดก็คือพ่อ”
ตอนนั้นถ้าไม่ใช่เพราะเขายื่นมือช่วยเธอเอาไว้ เกรงว่าเธอก็คงจะถูกตีตายที่ข้างถนนในต่างประเทศไปนานแล้ว
หลายปีนี้ เขาก็ปฏิบัติต่อเธอเหมือนเป็นลูกสาวแท้ๆ ดังนั้นตอนที่เธอพาจิ้นเฟิงเฉินหนีมาจากอิตาลี ก็พุ่งตรงมาหาเขาที่นี่โดยไม่ต้องคิด
“พ่อดีใจมากที่ลูกเชื่อใจพ่อขนาดนี้ แต่……”หลี่จี้ถอนหายใจอีก“แต่ฉันมาสามารถช่วยเธอดูแลเฟิงเฉินได้”
“ทำไมคะ”ซ่างกวนหยวนถามอย่างสงสัย
“คนที่เฟิงเฉินต้องการก็คือลูก ไม่ใช่พ่อ อีกอย่างลูกคิดว่าเขาจะห่างจากลูกได้เหรอ”
พอเขาพูดขนาดนี้ ซ่างกวนหยวนจึงพบว่าเรื่องมันไม่ได้ง่ายอย่างที่ตนเองคิด
“งั้นทำยังไงดีคะ”เธอไม่อยากพาเฟิงเฉินกลับไปเมืองหลวง ถ้าเกิดตระกูลจิ้นและตระกูลฟางรู้เข้า เธอก็คงต้องแยกจากเขา
เธอไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเด็ดขาด
หลี่จี้มองออกถึงความกังวลของเธอ ยิ้มพลางเอ่ยว่า“ให้พ่อส่งคนกลับไปเป็นเพื่อนลูกเพิ่มขึ้นอีกหน่อยมั้ย แบบนี้ลูกจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงเฟิงเฉิน”
ซ่างกวนหยวนขบคิดอย่างจริงจัง ตัดสินใจว่าจะไม่กลับไปแล้ว
“ช่างเถอะค่ะ หนูไม่กลับไปแล้ว”
“ลูกคนนี้ทำไมถึงได้เปลี่ยนใจเร็วขนาดนี้นะ”หลี่จี้ส่ายหน้าถอนหายใจ“ครั้งนี้ลูกไม่กลับไป ต้องเสียใจไปตลอดชีวิต”
ซ่างกวนหยวนไม่พูดอะไร
หลี่จี้พูดต่อว่า“นั่นคือย่าแท้ๆของลูก ต่อให้ที่ผ่านมาเขาจะทำไม่ถูก แต่เขาก็รักลูกมากอย่างจริงใจ ลูกไม่กลับไปดูหน้าเขาเป็นครั้งสุดท้ายเหรอ”
คำพูดของเขาก็เหมือนกับก้อนหินก้อนใหญ่กดทับอยู่บนหัวใจของเธอ อึดอัดจนทรมาน
เธอจะไม่รู้ว่าคุณย่าดีกับเธอมากแค่ไหนได้อย่างไร แต่เธอก็กลัวอีกว่าการกลับไปครั้งนี้จะต้องพรากจากเฟิงเฉิน
วินาทีนี้ เธอก็พบว่าการรักษาความรักฉันชู้สาวและความรักของคนในครอบครัวนั้นมันยากมากขนาดนี้
“กลับไปเถอะ ลูก”
หลี่จี้ไม่อยากให้เธอต้องมาเสียใจจริงๆ
ซ่างกวนหยวนสูดหายใจเข้าลึกๆ“ได้ ฉันจะกลับไป พ่อ ก็เอาตามที่พ่อบอก ส่งคนไปกลับไปเป็นเพื่อนหนูเพิ่มขึ้น”
หลี่จี้ยิ้มพลางพยักหน้า“ได้ พ่อจะไปจัดการให้เดี๋ยวนี้”
“ขอบคุณค่ะ”
“ยัยเด็กโง่ ไม่ต้องเกรงใจกับพ่อขนาดนี้”
หลี่จี้ยิ้มให้เธอ จากนั้นก็หมุนตัวเดินจากไป
ซ่างกวนหยวนนั่งลงอีกครู่หนึ่ง จึงลุกขึ้นไปชั้นบน
เธอเปิดประตูห้อง มองไปยังคนที่นอนอยู่บนเตียง ในแววตาเผยให้เห็นความอ่อนโยน
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้เขามาอยู่ข้างกายตนเอง ไม่ว่าอย่างไร เธอก็จะไม่คืนเขาให้เจียงสื้อสื้อ
ตลอดชีวิตนี้เขาเป็นของเธอได้เพียงคนเดียว
……
วันต่อมา ฟางยู่เชินรับโทรศัพท์ของซ่างกวนเชียน
“อีกไม่กี่วันหยวนหยวนจะกลับเมืองหลวง พวกคุณเตรียมตัวให้ดี”
พอได้ยินข่าวนี้ ฟางยู่เชินก็ลุกขึ้นยืนอย่างตื่นเต้น“คุณพูดจริงเหรอ”
“อืม เธอโทรหาผมแล้ว บอกว่าจะกลับมา”
ความจริงซ่างกวนเชียนก็คิดไม่ถึงว่าซ่างกวนหยวนจะเปลี่ยนใจ แต่ไม่ว่าอย่างไรแบบนี้ ก็เป็นข่าวดีของตระกูลจิ้น
“ขอบคุณครับ”
หลังจากวางสายแล้ว ฟางยู่เชินครุ่นคิด แล้วก็ตัดสินใจกลับบ้านไปบอกข่าวดีนี้กับเจียงสื้อสื้อ
เขาหยิบเสื้อคลุมสูทแล้วเดินออกไปข้างนอก เวลาเดียวกันนี้เอง ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
คือส้งหยาว
“ท่านประธาน มีคุณเย่คนหนึ่งอยากพบคุณครับ”
ฟางยู่เชินขมวดคิ้ว คุณเย่เหรอ เย่เสี่ยวอี้เหรอ
พอเขาเปิดประตู ส้งหยาวที่ยืนอยู่หน้าประตูก็ตกใจ
“ท่านประธาน ทำไมคุณ……”
“บอกเธอว่าผมไม่อยู่”ฟางยู่เชินพูด
ส้งหยาวรวบรวมสมาธิ“ครับ”
“ผมมีธุระต้องเลิกงานก่อน มีเรื่องเร่งด่วนอะไรก็ติดต่อผม”
“ครับ”
ส่งท่านประธานเข้าไปในลิฟต์ส่วนตัวของเขาโดยเฉพาะ ส้งหยาวก็เดินไปทางห้องรับแขก
ผลักประตูเข้าไป เย่เสี่ยวอี้ที่ตอนแรกนั่งอยู่ก็รีบลุกขึ้นทันที“ยู่เชินบอกให้คุณมาพาฉันไปพบเขาใช่มั้ย”
“คุณเย่ครับ ขอโทษด้วยนะครับ ตอนนี้ท่านประธานของเราไม่อยู่”ส้งหยาวค่อยๆโค้งคำนับ พูดอย่างรู้สึกผิด
“ไม่อยู่เหรอ”เย่เสี่ยวอี้หน้าบึ้ง“นี่ยังไม่ถึงเวลาเลิกงานเลยนะ ทำไมไม่อยู่”
“ท่านประธานมีธุระด่วยออกไปแล้วครับ ถ้าคุณเย่ต้องการพบท่านประธานจริงๆ สามารถนัดวันเวลาใหม่ได้นะครับ”
“มีธุระด่วนเหรอ”เย่เสี่ยวอี้สองมือกอดอก หัวเราะเยาะ“เขาไม่อยากพบฉัน ใช่มั้ย”
ส้งหยาวไม่ตอบอะไร
เย่เสี่ยวอี้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ“ได้ เขาอยากหลบหน้าฉัน งั้นฉันจะไปหาเขาเอง”
พูดจบ เธอก็ผลักส้งหยาวอย่างแรงแล้วเดินออกไป
ส้งหยาวรีบตามไป
“คุณเย่ครับ นี่คือห้องทำงานท่านประธาน คุณจะบุกเข้าไปไม่ได้”
ส้งหยาวพยายามขัดขวางเธอ
“ไสหัวไป!”เย่เสี่ยวอี้ผลักเขาอย่างแรง หน้าบึ้งตึงเดินเข้าไปที่ห้องทำงานท่านประธาน
ส้งหยาวถูกผลักจนเซถลาไปข้างหลังหลายก้าวจึงยืนได้มั่นคง เขาตามไปอีก แต่ไม่ทันแล้ว
เย่เสี่ยวอี้ตรงเข้าไปเปิดประตูห้องทำงาน พุ่งเข้าไปข้างใน
แต่สิ่งที่เธอคาดไม่ถึงก็คือ ฟางยู่เชินไม่อยู่จริงๆ
เธอมองไปรอบๆ วิ่งไปดูที่ห้องน้ำและห้องพักผ่อนอีก หลังจากแน่ใจว่าไม่มีคนแล้ว ก็กัดริมฝีปากอย่างโกรธๆ
ส้งหยาวมาอยู่ข้างๆเธอ แกล้งยิ้ม พูดอย่างระมัดระวัง“คุณเย่ ผมบอกคุณแล้ว ท่านประธานไม่อยู่”
“เขาไปไหน”เย่เสี่ยวอี้ถาม
“กลับบ้านแล้วครับ”
เย่เสี่ยวอี้สูดหายใจเข้าลึกๆ“ก็ได้ งั้นวันหลังฉันค่อยมาใหม่”
เธอหมุนตัวก้าวยาวๆเดินออกไป
ส้งหยาวยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นตรงหน้าผาก ถอนหายใจเฮือกใหญ่ คุณเย่คนนี้ช่างอารมณ์ร้ายเหลือเกิน