ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 1191 ไม่อย่างนั้นพวกเธอจะกลัวฉันเหรอ
“แจ้งความแล้ว” ฟางรุ่ยพูด “แต่ว่าตำรวจบอกว่ากล้องวงจรปิดของที่ที่เกิดเหตุได้ถูกคนทำลายไป อาจจะจับคนไม่ได้”
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้?” ซ่างหยิงถึงได้ขมวดคิ้วอย่างหนัก “เย้นซินคนนี้ไปมีเรื่องกับใครกันแน่?”
ได้ยินแบบนี้ เฉินหยุนก็ได้มีข้อแย้ง เปิดปากจะเถียง แต่ก็ได้ถูกฟางรุ่ยพูดก่อนไปว่า “ตั้งแต่เย้นซินแต่งงาน ก็ได้เจียมเนื้อเจียมตัวไม่น้อย ได้ไปเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนพวกหมาๆนั้นน้อยลง เพราะงั้นก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำ”
เจียมเนื้อเจียมตัวไม่น้อย?
น่าตลกสิ้นดี
ถ้าเกิดว่าฟางเย้นซินรู้จังเจียมตัวจริง ซานซานก็ไม่โวยวาย และก็ไม่คงโดนตีจนแท้ง
“หนูขอพูดอะไรที่ไม่น่าฟังนะคะ ที่พี่เย้นซินเป็นแบบนี้ เขาเป็นคนหาเรื่องใส่ตัวเองทั้งหมด” เจียงสื้อสื้อโมโหอย่างอดไม่ได้ ได้พูดความคิดที่แท้จริงของตัวเองออกมา
เฉินหยุนได้ยิน ก็ได้โมโหทันที “สื้อสื้อ เธอหมายความว่ายังไง?”
“ก็ความหมายตามคำพูดแหละค่ะ” เจียงสื้อสื้อหันหน้าไป มองเธอด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “คุณน้าสะใภ้รองค่ะ คุณน้าสะใภ้รองจะไม่พิจารณาตัวเองดูบ้างเหรอ? พี่เย้นซินกลายเป็นแบบนี้ คุณน้าไม่มีความผิดเหรอ?”
“สื้อสื้อ ไม่ต้องพูดแล้ว” ซ่างหยิงคิดไม่ถึงว่าเธอก็พูดออกไปตรงๆ แบบนี้ ก็ได้ตักเตือนเสียงเบาด้วยความตกใจ
นี่ทำเอาพวกฟางรุ่ยเขาโมโหเลยทันที แต่ก็เถียงกลับไม่ได้
“น้าสะใภ้เล็กค่ะ ที่หนูพูดมันเป็นความจริง มีอะไรที่พูดออกไปไม่ได้” เจียงสื้อสื้อก็ได้มองไปทางซ่างหยิงอย่างขำ
ในสายตาของเธอ ก็ควรที่พูดความจริง พวกน้าชายรองถึงได้รู้ว่าฟางเย้นซินนั้นแย่แค่ไหน
“สื้อสื้อ เธอมีท่าทางแบบนี้กับผู้ใหญ่เหรอ? แม่ของเธอสอนเธอมาแบบนี้เหรอ? ไม่มีมารยาทเลยสักนิด!” เฉินหยุนก็ได้พูดออกไปอย่างประชด
“น้าสะใภ้รอง นี่มันเกี่ยวอะไรกับแม่หนู?” สายตาของเจียงสื้อสื้อก็ได้มองเธออย่างเยือกเย็น “ต่อให้หนูไม่มีมารยาทยังไง ก็ไม่เหมือนกับฟางเย้นซินที่เล่นผู้หญิงไปมั่ว ทำให้คนอื่นท้องแล้วไม่รับผิดชอบ ถึงขั้นต่อยเมียตัวเอง ทำให้เมียของตัวเองแท้ง งั้นก็สามารถที่จะพูดได้ว่าคุณกับน้าชายรองสั่งสอนผิดพลาด?”
เจียงสื้อสื้อก็ได้เถียงกลับโดยที่ไม่ไว้หน้าไปเลยสักนิด ทำเอาสองสามีภรรยาฟางรุ่ยโมโหจนหน้าแดงไปเลย
“พอแล้ว สื้อสื้อ” ซ่างหยิงกลัวว่าสถานการณ์มันจะแย่กว่าเดิม ก็เลยทำได้แค่พูดดุออกไปเสียงเบา
เจียงสื้อสื้อก็ได้สูดหายใจเข้าไปลึกๆ “ค่ะ หนูไม่พูด แต่ว่าน้าสะใภ้รองจำเป็นต้องกล่าวขอโทษ”
“ฟ้าได้กลับแล้วเหรอ?” เฉินหยุนก็ได้ตะโกนออกไปเสียงแหลม “ฉันต้องขอโทษ? ฉันขอโทษอะไร?”
“คุณคิดๆ ดูว่าคุณพูดอะไร? ในนั้นมันเกี่ยวอะไรกับคุณแม่หนู คุณมีสิทธิ์อะไรมาว่าท่าน?” เจียงสื้อสื้อก็ได้จ้องเธอนิ่งใบหน้าที่งดงามนั้นก็ได้มีความเยือกเย็นทับอยู่
“ฉัน……ฉันก็แค่พูดติดปากไปแบบนั้น” เฉินหยุนก็ได้หันไปมองทางอื่นอย่างมีพิรุธ
“พูดติดปากไปแบบนั้น?” เจียงสื้อสื้อก็ได้หัวเราะอย่างเย็นชา “น้าสะใภ้รองค่ะ ปากของคุณนี้ง่ายจริงๆ นะคะ!”
“เธอพูดอะไรน่ะ?” เฉินหยุนก็ได้ขายหน้าจนโมโห ก็ได้ยกมือจะตบเธอ
โชคดี ซ่างหยิงตาไวมือไวก็ได้รีบไปห้ามมือเธอไว้ ก็ได้พูดอย่างน่ากลัว “เงียบไปเลยทั้งหมด! กลัวว่าเรื่องมันยังไม่วุ่นวายมากพอเหรอ?”
เฉินหยุนก็ได้เก็บมือ ก็ได้พูดอย่างเย็นชาว่า “คิดว่ามีตระกูลจิ้นเป็นที่หนุนหลังก็อวดเก่งได้เหรอ?”
เจียงสื้อสื้อหัวเราะ “ก็อวดเก่งจริงๆ สิ ไม่อย่างนั้นพวกคุณจะกลัวฉันเหรอ?”
“เจียงสื้อสื้อ!” เฉินหยุนโมโหจะตะคอก
“พอได้แล้ว สื้อสื้อ หนูก็พูดน้อยหน่อย” ซ่างหยิงก็ได้จ้องเจียงสื้อสื้อเขม็ง เป็นการบอกว่าเธอไม่ต้องพูดมาก
เจียงสื้อสื้อสูดหายใจเข้าไปลึกๆ “น้าสะใภ้เล็ก ที่นี่อึดอัด หนูขอออกไปรอข้างนอกนะคะ”
พูดจบ ไม่รอให้ซ่างหยิงพูดอะไร เธอก็ได้ก้าวเดินออกไป
พอเธอออกไป เฉินหยุนก็ได้รีบบ่นออกมา “พวกคุณดูว่ามันใช่เรื่องเหรอ? ให้พูดยังไง ฉันก็เป็นน้าสะใภ้รองของเธอ แต่กลับไม่เอาฉันไว้ในสายตาเลยแม้แต่นิด ถ้าคนนอกมาเจอเข้า จะไม่พูดว่าพวกเราตระกูลฟางไม่มีมารยาทเลยแม้แต่นิดเอาเหรอ”
“พี่สะใภ้รอง ไม่ต้องโมโหไป สื้อสื้อก็มีนิสัยแบบนี้ พี่ก็อย่าเก็บมาใส่ใจ” ปากของซ่างหยิงก็ได้พูดปลอบไป ในใจก็ได้ถอนหายใจไม่หยุด
“เธอพูดไม่น่าฟังขนาดนั้น ฉันจะไม่เก็บใส่ใจได้ยังไง?” เฉินหยุนก็ยังโมโหไม่หาย
“งั้นพี่จะเอายังไง?” ซ่างหยิงถาม “ตบเธอทีหนึ่งเป็นยังไง?”
“ฉัน……” เฉินหยุนพูดไม่ออก
ยืมความกล้าให้เธอ เธอก็ไม่กล้าที่จะลงมือกับเจียงสื้อสื้อจริงๆ!
“ได้แล้ว เด็กไม่รู้เรื่อง คุณก็อย่าไปเอาเรื่องกับเธอเลย” ฟางรุ่ยพูดตักเตือน
เฉินหยุนก็ได้ขมวดคิ้ว “ฟางรุ่ย นี่คุณยังจะมาพูดแทนเจียงสื้อสื้อเหรอ? เธอว่าพวกเราไปขนาดนั้นแล้ว คุณก็ยังไม่เป็นอะไร?”
“ก็เหมือนที่น้องสะใภ้พูด พวกเรายังทำอะไรได้?” ฟางรุ่ยถามเธอกลับ แล้วก็เตือนว่า “ที่สำคัญตอนนี้คือเย้นซิน!”
“ใช่ เรื่องของเย้นซินสำคัญที่สุด” ซ่างหยิงก็ได้พูดเสริมไปคำ
เฉินหยุนถึงได้กดความโมโห “ถูกยัยเด็กนั่นยั่วโมโหจนหน้ามืดไป ฉันเกือบที่จะลืมเรื่องเย้นซินไปเลย”
“ไหนๆ ก็แจ้งความแล้ว งั้นก็รอข่าวจากทางตำรวจเถอะ” ซ่างหยิงพูด
“รอจับคนที่ตีเย้นซินได้แล้ว ฉันต้องไม่ปล่อยพวกเขาไปแน่” เฉินหยุนก็ได้กัดฟันพูด
ซ่างหยิงได้ยิน ก็ได้ขมวดคิ้ว “พี่สะใภ้รอง เรื่องนี้ก็ปล่อยให้ตำรวจจัดการเถอะ พี่จะลงมือเองไม่ได้ งั้นมันก็เป็นการรู้ผิดแต่ก็จะทำผิด”
“ฉัน……จะทำได้ยังไง?” เฉินหยุนก็ได้พูดอย่างมีพิรุธ “ฉันก็แค่อยากที่จะสั่งสอนพวกเขาหน่อยเท่านั้น”
“ถ้าเป็นแบบนั้น ก็ดีที่สุดแล้วค่ะ”
ซ่างหยิงหันหน้าไปมองฟางเย้นซินบนเตียงคนไข้ ส่ายหน้าถอนหายใจ “ถ้าเด็กคนนี้เจียมตัวหน่อย ก็คงไม่ตกอยู่ในสภาพนี้หรอก”
เฉินหยุนเปิดปากอยากจะเถียง แต่ก็ได้ถูกฟางรุ่ยห้ามไว้
“พอแล้ว เธอก็พูดน้อยหน่อย” ฟางรุ่ยพูดดุเสียงเบา
เฉินหยุนรู้ตอนนี้มีเรื่องกับซ่างหยิงไม่ได้ ก็เลยทำได้หุบปากไป
แต่ก็ยังรู้สึกไม่พอใจอยู่ดี
ต่อให้ลูกชายของเธอเลวขนาดไหน ก็เป็นลูกชายของเธอ จะให้คนอื่นมาพูดต่อว่าไม่ได้
“อาการของซานซานเป็นยังไงบ้าง?” อยู่ๆ ซ่างหยิงถาม
“ยังจะเป็นยังไง? พักผ่อนไปสักพักก็ดีแล้ว” เฉินหยุนก็ได้พูดออกไปอย่างไม่แคร์ ก็เหมือนว่าซานซานไม่ได้เป็นคนของตระกูลฟางแบบนั้น
ซ่างหยิงก็ได้ขมวดคิ้ว “พี่สะใภ้รอง นั่นเป็นลูกสะใภ้ของพี่นะคะ พี่จะใส่ใจเธอหน่อยไม่ได้เหรอ?”
“ลูกสะใภ้?” เฉินหยุนพูดอย่างเย็นชา “ที่เย้นซินแต่งงานกับเธอก็เป็นเพราะลูกในท้องของเธอ ตอนนี้ลูกไม่มีแล้ว งั้นการแต่งงานนี้ก็ไม่จำเป็นยืดเยื้อต่อไปแล้ว”
“พี่สะใภ้รอง ที่พี่ทำแบบนี้มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ?” ซ่างหยิงไม่กล้าที่จะเชื่อว่าเธอจะพูดแบบนี้ออกมา
“เกินไปตรงไหน? เดิมทีซานซานก็ไม่เหมาะกับเย้นซินของพวกเรา”
ซ่างหยิงโมโหจนขำ “งั้นพี่สะใภ้รองคิดว่าคนแบบไหนถึงจะเหมาะกับเย้นซินล่ะ?”
“แน่นอนว่าต้องเป็นผู้หญิงที่เก่งและมีตระกูลที่ดี”
มองท่าทางใบหน้าที่อวดเก่งของเฉินหยุนแบบนั้น ซ่างหยิงก็รู้สึกว่าตลก
“พี่คิดว่าผู้หญิงที่เก่งแบบนั้นจะมองเย้นซินเข้าตาเหรอ?”
พอพูดแบบนี้เฉินหยุนก็ไม่ชอบฟังแล้ว “ทำไมจะมองไม่เข้าตา? เธอคิดว่าจะชอบแบบยู่เชินของพวกเธอทั้งนั้นเหรอ?”
“ฉันไม่ได้พูดแบบนั้นนะ” ซ่างหยิงรู้ดี ถึงได้ไม่เหมือนเธอที่ไม่เอาหน้าแบบนี้
เฉินหยุนก็ได้เชิดคาง “ยังไงซะต่อไปเย้นซินของพวกเรา ต้องหาเมียที่ดีกว่าซานซานร้อยเท่าแน่ๆ”