ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 1200 หัวร้อนไปชั่วขณะ
กลับไปที่ร้าน เหลียงซินเวยก็ได้ตรงไปหาผู้จัดการ
“ผู้จัดการคะ ฉันอยากจะขอลาค่ะ”
“เป็นอะไร?” ผู้จัดการก็ได้วางแก้วในมือลง มองเห็นสีหน้าของเธอไม่ค่อยดีนัก ก็ได้ถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่ค่อยสบายนิดหน่อยค่ะ”
ผู้จัดการพยักหน้า “ก็ได้ เธอกลับไปพักผ่อนเถอะ”
“ขอบคุณค่ะผู้จัดการ”
เหลียงซินเวยก็ได้หันหน้าไปห้องเปลี่ยนเสื้อ ก็ได้เปลี่ยนเสื้อยูนิฟอร์มที่สวมอยู่
“เวยเวย เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” เพื่อนร่วมงานก็ได้ยื่นหัวออกมาจากประตู มองเธออย่างเป็นห่วง
เหลียงซินเวยหันหน้าไป ฝืนยิ้มพูดว่า “ไม่มีอะไร”
“ใช่เหรอ?” เพื่อนร่วมงานก็ได้เดินมา มองเธออย่างพิจารณา “คุณน้าคนนั้นพูดอะไรเธอหรือเปล่า?”
มือที่กำลังเปลี่ยนเสื้อของเหลียงซินเวยก็ได้นิ่งไป จากนั้นเธอก็แขวนเสื้อให้เรียบร้อย ยิ้มแล้วก็ส่ายหน้า “เปล่าหรอกไม่มีเรื่องแบบนั้น”
“เป็นไปไม่ได้” เพื่อนร่วมงานก็ได้จ้องเธอ “ต้องเป็นคุณน้าคนนั้นพูดอะไรเธอแน่ๆ ไม่อย่างนั้นอยู่ดีๆ อยู่ๆ เธอจะไม่สบายได้ยังไง?”
“ไม่มีอะไรจริงๆ” เหลียงซินเวยก็ได้ปิดตู้ หันหน้าไป พูดต่อว่า “อาจเป็นเพราะเมื่อคืนฉันนอนไม่พอก็ได้”
“ไม่เป็นไรจริงๆ นะ?” เพื่อนร่วมงานไม่เชื่อเล็กน้อย
เหลียงซินเวยพยักหน้า “อืม ไม่เป็นไรจริงๆ”
“ก็ได้ เธอก็รีบกลับไปพักผ่อนที่บ้านเถอะ”
เหลียงซินเวยก็ได้ตบไหล่ของเธอเบาๆ “วันนี้ลำบากเธอหน่อยนะ”
“ไม่หรอกไม่หรอก เธอรีบกลับบ้านเถอะ” เพื่อนร่วมงานก็ได้จงใจแสดงออกว่ารำคาญแล้วก็โบกมือ ไล่เธอไป
เหลียงซินเวยหัวเราะ ไม่ได้พูดอะไรต่อ หันหน้าเดินจากไป
เดินออกร้านอาหาร รอยยิ้มบนหน้าของเหลียงซินเวยก็ได้ค่อยๆ หายไป เธอก็ได้มองไปรอบๆ มองคนที่เดินไปเดินมา จมูกก็ได้ตันอย่างอดไม่ได้
เธอก็ได้รีบเงยหน้า บังคับให้น้ำตากลับเข้าไป
“ร้องไห้อะไร นี่มันมีอะไรน่าร้องไห้” เธอก็ได้ยกมือมาเช็ดน้ำตาของตัวเองอย่างแรง
วันนี้คำพูดของนายหญิงฟาง ทำให้เธอมองความจริงได้ชัดเจน
คนคนนั้นเป็นคนที่เธอคว้ามาไม่ได้
แต่ว่า ในใจก็ได้เจ็บปวดจริงๆ
“เวยเวย เธอมายืนทำอะไรตรงนี้?”
ข้างหูก็ได้มีเสียงที่คุ้นเคยส่งมา เหลียงซินเวยก็ได้รีบเก็บอาการของตัวเอง หันหน้าไป
ที่แท้ก็คือเย่เฉินหยุน
“คุณมายังไงคะ?” เหลียงซินเวยถาม
เสียงของเธอก็ได้แหบเล็กน้อย อีกอย่างมองดูตาแล้วก็ได้แดงเล็กน้อย
เย่เฉินหยุนก็ได้ขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้ “เธอร้องไห้?”
“เปล่า……เปล่าค่ะ” เหลียงซินเวยก้มหน้า
เธอร้องไห้ชัดๆ
เย่เฉินหยุนก็ได้จ้องหัวของเธอ เงียบไปสักพัก ถาม “มีเวลาไหม?”
“มีเรื่องอะไรเหรอคะ?” เหลียงซินเวยเงยหน้า ก็ได้ถามกลับไม่ตอบ
“วันนี้ฉันพักผ่อน อยากจะหาคนไปเที่ยวเป็นเพื่อนในเมืองหลวง ยังไงซะฉันไม่ได้กลับมาหลายปี ไม่คุ้นเคยนิดหน่อย”
เย่เฉินหยุนก็ได้ยิ้มอ่อนๆ “เที่ยวเป็นเพื่อนฉันหน่อยได้ไหม?”
เหลียงซินเวยเม้มปากแล้วก็คิด “ได้ค่ะ”
เห็นว่าเธอตกลง เย่เฉินหยุนก็ได้ยิ้มออกมาทันที “ขอบคุณเธอนะ เวยเวย”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
เธอก็ได้อยากจะยืมโอกาสนี้ทำให้ตัวเองนั้นลืมเรื่องที่ทำให้เสียใจเท่านั้น
……
ตอนเช้าก่อนออกจากบ้าน ฟางยู่เชินก็ได้พูดเน้นย้ำกับเจียงสื้อสื้อ ต้องรอให้เขากลับมา แล้วก็ค่อยไปงานเลี้ยงด้วยกัน
มองสีหน้าที่ไม่วางใจของฟางยู่เชิน เจียงสื้อสื้อก็ได้อดขำไม่ได้ “พี่ค่ะ พี่วางใจเถอะ ฉันรอพี่กลับมา แล้วก็ค่อยไปด้วยกัน”
“งั้นก็ดี ฉันไปทำงานแล้ว”
มองฟางยู่เชินออกจากบ้าน รอยยิ้มของเจียงสื้อสื้อก็ได้ค่อยๆ หายไป สีหน้าที่ได้เคร่งเครียดขึ้นทันที
หวังว่าคืนนี้ทุกอย่างจะราบรื่น
วันนี้ทั้งวัน เจียงสื้อสื้อไม่สามารถที่จะสงบใจทำอะไรได้เลย คนนั้นกังวลว้าวุ่นอยู่ตลอด
ซ่างหยิงกลับมาถึงบ้าน เห็นเจียงสื้อสื้อเอากรรไกรอันใหญ่มาตัดแต่งพุ่มดอกไม้ ก็ได้ร้องออกมาอย่างตกใจ “สื้อสื้อ หนูทำอะไรอยู่?”
ได้ยินเสียง เจียงสื้อสื้อเงยหน้าขึ้น เห็นว่าซ่างหยิงได้เดินเข้ามาหาเธออย่างรวดเร็ว
“น้าสะใภ้เล็ก น้ากลับมาแล้ว” เจียงสื้อสื้อก็ได้วางกรรไกรในมือลง ยิ้มแล้วก็มองซ่างหยิงที่เดินใกล้เข้ามา
ซ่างหยิงมองพุ่มดอกไม้ที่ได้ถูกตัดแต่งไปพัก ก็ได้ขมวดคิ้ว “สื้อสื้อ ทำไมหนูมาตัดแต่งพวกดอกไม้ดอกหญ้าล่ะ? คนใช้นี่มันไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงแล้ว!”
เจียงสื้อสื้อก็ได้รีบอธิบายว่า “เปล่าค่ะเปล่าค่ะ น้าสะใภ้เล็ก หนูรู้สึกเบื่อเองค่ะ ถึงได้บอกพวกเขาให้หนูมาตัดแต่งเอง”
“จริงเหรอ?” ซ่างหยิงมองเธออย่างไม่อยากจะเชื่อ “หนูเจอกับเรื่องอะไรแล้วหรือเปล่า?”
ผิดปกติแบบนี้ ต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ
“เปล่าค่ะ” เจียงสื้อสื้อส่ายหน้า “หนูรู้สึกเบื่อจริงๆ ค่ะ”
ก็แค่——
เธอก็ได้มองพุ่มดอกไม้ที่ตัดแต่งไป ยุ่งเหยิงแบบนั้น ก็ได้ขำออกมา “น้าสะใภ้เล็กค่ะ ขอโทษนะคะ โดนหนูตัดแต่งจนเหมือนว่าถูกหมากัดไปแบบนั้น”
“นี่ไม่เป็นไรเหรอ เดี๋ยวพ่อบ้านให้คนใช้มาตัดซ่อมก็ดีขึ้นแล้ว แต่ว่าหนูเถอะ ไม่เป็นไรจริงๆ เหรอ?” ซ่างหยิงก็ยังไม่วางใจเล็กน้อย
เจียงสื้อสื้อยิ้ม “ค่ะ ไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะ”
“งั้นก็ดีจ้ะ”
ซ่างหยิงมองไปรอบๆ “พ่อบ้านล่ะ?”
“เขาไปเอาของในบ้านอ่ะค่ะ”
“งั้นก็เรื่องนี้ให้เขาจัดการ พวกเราเข้าบ้านกันเถอะจ้ะ”
ซ่างหยิงลากเจียงสื้อสื้อเข้าในบ้าน แล้วก็เอาเรื่องที่ตัวเองนั้นไปหาเหลียงซินเวยบอกเธอ
เจียงสื้อสื้อได้ยิน ก็ตกใจมากๆ “น้าสะใภ้เล็ก น้าไปหาเวยเวยทำไมคะ?”
“ยังจะทำอะไรได้อีก” ซ่างหยิงก็ได้ถอนหายใจ “ก็เรื่องพี่ชายหนูนั่นแหละ”
เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้ว “คุณน้าคงไม่ได้จะไปตักเตือนเวยเวย ให้เธอนั้นออกห่างจากพี่ชายใช่ไหมคะ?”
ซ่างหยิงเงียบไปเลย
“น้าสะใภ้เล็กค่ะ น้าทำแบบนี้จริงเหรอ?” เจียงสื้อสื้อก็ได้มองเธออย่างไม่น่าเชื่อ
นี่มันโหดร้ายเกินไปแล้วหรือเปล่า
“ที่จริง น้าก็แค่หัวร้อนไปชั่วขณะ” ซ่างหยิงก็นั่งลงบนโซฟา ย้อนนึกถึงเรื่องที่เธอพูดกับเหลียงซินเวย ในใจก็ได้เสียใจเล็กน้อย
เด็กคนนั้นดูแล้วก็ไม่ได้แย่เหมือนที่เธอได้คิดไว้
“เดี๋ยวนะคะ น้าสะใภ้เล็ก น้าทำไมถึงทำแบบนี้คะ?” เจียงสื้อสื้อก็ได้นั่งลงข้างเธอ ถามอย่างสงสัย
คิดมาตลอดว่าเธอเป็นผู้ใหญ่ที่เข้าใจเหตุผลดี แต่คิดไม่ถึงว่าจะทำเรื่องที่ทำให้คนดูแล้วรู้สึกไร้เหตุผลแบบนี้
ซ่างหยิงเงียบไปสักพัก ถึงได้ค่อยๆ เปิดปากว่า “บอกหนูตรงๆ เลยก็ได้ น้าได้ให้คนไปสะกดรอยตามพี่ชายหนู”
“ห๊ะ?” เจียงสื้อสื้อคิดว่าตัวเองฟังผิดไป
“น้าก็ไม่ได้อยากทำแบบนี้ ก็แค่กลัวว่าเขาจะคบหากับเวยเวย”
คำอธิบายของซ่างหยิงไม่ได้ทำให้เจียงสื้อสื้อรู้สึกว่ามีเหตุผล
“น้าสะใภ้เล็กค่ะ น้าเป็นคนที่เข้าใจเหตุผลดีมาโดยตลอดนะคะ ทำไมถึงได้ทำแบบนี้คะ? ถ้าเกิดพี่รู้เข้า เขาจะโมโหขนาดไหนคะ”
เจียงสื้อสื้อไม่เข้าใจในการกระทำของเธอเลยแม้แต่น้อย
“หนูจะบอกพี่ชายหนูไม่ได้นะ” ซ่างหยิงก็ได้รีบบอกกับเธอ
“หนูรู้ค่ะ” เจียงสื้อสื้อก็ได้ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “แต่ว่าน้าสะใภ้เล็กจะทำแบบนี้อีกไม่ได้แล้วนะคะ ไม่อย่างนั้นเรื่องปิดต่อไปไม่ได้แน่”
“น้ารู้” ซ่างหยิงคิดๆ ก็ได้พูดอย่างกังวล “สื้อสื้อ เวยเวยคงไม่เกลียดน้าใช่ไหม?”
เจียงสื้อสื้อพูดอย่างไม่รู้ทำยังไงดี “น้าสะใภ้เล็กคะ น้าทำถึงขนาดนั้นแล้ว น้ายังห่วงว่าเวยเวยจะเกลียดน้าอีกเหรอ”
“น้าก็แค่หัวร้อนชั่วขณะนี่นา”
“น้าวางใจเถอะค่ะ เวยเวยไม่เกลียดน้าหรอก” เจียงสื้อสื้อก็ได้สูดหายใจเข้าลึกๆ “หนูสงสารเวยเวยจริงๆ เธอไม่ได้ทำอะไรเลย ไม่ได้ทำผิดเลยแม้แต่นิด”
“เธอไม่ได้ทำอะไรก็จริง แต่ว่าน้าก็ต้องวางแผนก่อนล่วงหน้านี่นา”
“น้าสะใภ้เล็กคะ ต่อให้วางแผนก่อนล่วงหน้า น้าก็ควรที่จะเตือนพี่ชายนะคะ ไม่ใช่เวยเวย”
ในสายตาของเธอ ความคิดของฟางยู่เชินเป็นอะไรที่เดาไม่ได้ และก็ไม่รู้ว่าเขาคิดยังไงกับเวยเวย ถ้าอยากที่จะขัดขวางเรื่องเขากับเวยเวยจริงล่ะก็ ก็ต้องไปลงมือที่เขาถึงจะถูก