ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 1215 ของสูงคว้าไม่ถึง
ฟางซื่อกรุ๊ปก็ได้หยุดการร่วมงานกับตระกูลซ่างกวนทั้งหมด พอพวกนักข่าวรู้เรื่องนี้เข้า ก็ได้ทำการรายงานเต็มไปหมด
ถึงขั้นได้ปล่อยข่าวลือเรื่องฟางยู่เชินกับซ่างกวนหยวน
แต่ละสำนักข่าวก็ได้ต่างพากันเดาว่าฟางยู่เชินตามจีบแต่ไม่สำเร็จ ขายหน้าจนเป็นโมโห ก็ได้ยุติการร่วมงานกับตระกูลซ่างกวน เอาเรื่องนี้มาข่มขู่ซ่างกวนหยวน
ในเวยป๋อก็ได้มีข่าวนี้เด้งขึ้นอัตโนมัติ เหลียงซินเวยที่กำลังทานมื้อเที่ยงก็ได้มองไปแวบหนึ่ง ตอนแรกก็คิดว่าเป็นแค่ข่าวน่าเบื่อ
ตอนที่เห็น “ฟางยู่เชิน” สามคำนี้นั้น ก็ได้รีบวางตะเกียบลง เอาโทรศัพท์
เปิดข่าว ดูเนื้อหาข่าวทั้งหมด
พอดูจบ ความรู้สึกของเหลียงซินเวยก็ได้สับสนเล็กน้อย
หญิงสาวในข่าวนั้น เธอเคยเห็นในคอลัมน์ข่าวเศรษฐกิจ
ที่เธอจำได้ นอกจากเพราะว่าอีกฝ่ายนั้นหน้าตาสวย ที่สำคัญของเพราะเป็นคนที่เก่งมากๆ
ที่แท้ฟางยู่เชินกับคนเขายังเคยมีอดีตร่วมกัน
เหลียงซินเวยก็ได้ค่อยๆ วางโทรศัพท์ลง ยิ้มออกมา รอยยิ้มได้เต็มไปด้วยความขมขื่นแล้วก็ตลกตัวเอง
จริงสินะ เขาเก่งขนาดนั้น ก็ต้องรู้จักหญิงสาวที่เก่งเหมือนกับเขาอยู่แล้ว
และเธอ ก็เป็นแค่พนักงานร้านอาหารคนหนึ่ง จะเอาอะไรไปแข่งกับเขา?
เธอก็ได้สูดหายใจเข้าลึกๆ กะพริบตาที่เริ่มปวด “เหลียงซินเวย ไม่ต้องฝันแล้ว ผู้ชายคนนั้นเป็นคนที่เธอคว้ามาไม่ได้”
“เวยเวย!”
อยู่ๆ ไหล่ของเธอก็ได้หนัก เสียงที่ดังเหนือหัวก็ได้ทำให้เหลียงซินเวยตกใจ
เธอก็ได้รีบตั้งสติ หันหน้า คือเพื่อนร่วมงานเสี่ยวฟาง
“เธอพูดเองเอ่อเองอะไรอยู่?”
เสี่ยวฟางก็ได้นั่งข้างๆ เธอ ถามด้วยความสงสัย
เหลียงซินเวยก้มหน้าลง ก็ได้ตอบไปเรียบๆ “ไม่ได้พูดอะไร”
เสี่ยวฟางเห็นว่าในจานของเธอมีแค่ผัก ก็ได้ขมวดคิ้ว “ในครัวมีเนื้ออยู่ไม่ใช่เหรอ เธอทำไมถึงได้กินแต่ผักล่ะ?”
“ลดน้ำหนักน่ะ” เหลียงซินเวยก็ได้คีบผักกาดเข้าปาก
“ลดน้ำหนัก?” เสี่ยวฟางก็ได้ทำตาโตอย่างไม่อยากเชื่อ ก็ได้มองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า “เธอผอมขนาดนี้ ยังลดน้ำหนักอะไร? ลดอีกเธอก็โดนลมพัดปลิวแล้ว!”
เหลียงซินเวยหัวเราะ “อีกไม่กี่วันก็เป็นวันครบรอบห้างสรรพสินค้าไม่ใช่เหรอ? ผอมหน่อยใส่ชุดออกงานแล้วสวย”
“จริงด้วย” เธอเตือนแบบนี้ เสี่ยวฟางก็นึกขึ้นได้ว่ายังมีเรื่องแบบนี้อยู่
“เธอซื้อชุดออกงานแล้วเหรอ?” เสี่ยวฟางถาม
“ยัง ยืมของคนอื่นน่ะ”
ได้ยินแบบนั้น เสี่ยวฟางก็ได้ถอนหายใจ “ก็จริง เงินเดือนของพวกเรายังจะซื้อเสื้อผ้าสวยๆ อะไรได้ เลิกงานวันนี้ฉันก็จะไปยืมชุดที่ร้าน”
เหลียงซินเวยยิ้มไม่ได้พูดอะไรต่อ ก็ได้ก้มหน้ากินข้าวเงียบๆ
เสี่ยวฟางเอาโทรศัพท์ไป ไม่รู้ว่าเห็นอะไร ก็ได้ร้องออกมา “ที่แท้เป็นเขาเหรอ”
เหลียงซินเวยถูกทำให้ตกใจ ก็ได้ตบหน้าอกของตัวเองเบาๆ “เธอไม่ต้องทำตัวเว่อร์วังได้ไหม? จะทำเอาฉันตกใจจะตายแล้ว!”
“เวยเวย เขาเป็นคนที่เคยมาหาเธอที่ร้านหรือเปล่า?” เสี่ยวฟางก็ได้เอาโทรศัพท์ให้เธอดู
ในนั้นก็ได้เป็นรู้ภาพของฟางยู่เชิน
เหลียงซินเวยอึ้ง “เธอจำผิดคนแล้วหรือเปล่า?”
“ไม่มีทางจำผิด!” เสี่ยวฟางก็ได้ขยายภาพให้ใหญ่ หรี่ตาดู “วันนั้นตอนพึ่งเปิดร้านตอนเช้า เขามาหาเธอ จริงไหม?”
เสี่ยวฟางหันไปมองเธอ
เหลียงซินเวยก็ได้ก้มหน้าอย่างมีพิรุธ “เธอจำคนผิดแล้วจริงๆ”
“เป็นไปไม่ได้!” เสี่ยวฟางก็ได้พูดออกไปอย่างมั่นใจอีกครั้ง
เสี่ยวฟางเห็นเธอก้มหน้า ไม่ยอมรับออกมา ก็ได้เอาศอกไปกระตุกเธอ “ไม่ต้องปิดบังแล้ว เธอรู้จักเขา แต่ว่านี่มันจะเป็นไรล่ะ เธอบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าเขาเป็นเพื่อนเธอน่ะ?”
เหลียงซินเวยก็ได้เขี่ยข้าวในจาน กัดริมฝีปาก ออกแรงพยักหน้า “ใช่ ฉันรู้จักเขา แต่ว่าเป็นแค่เพื่อน”
“นี่มันก็ถูกแล้วไม่ใช่เหรอ” เสี่ยวฟางยิ้มออกมา แล้วก็เข้าใกล้เธอ พูดอย่างซุบซิบว่า “ไหนๆ ก็เป็นเพื่อนแล้ว งั้นที่ข่าวพูดเป็นความจริงไหม? เป็นการรักแต่ไม่ได้มาจริงเหรอ?”
“ฉัน……ฉันจะไปรู้ได้ยังไง?” เหลียงซินเวยก็ได้ลุกขึ้นมา “ฉันกับเขาก็แค่เป็นเพื่อนธรรมดา เรื่องส่วนตัวแบบนี้ฉันจะไปรู้ได้ยังไง?”
พูดจบ เธอก็ได้เอาจานแล้วก็หนี ไม่ให้โอกาสเสี่ยวฟางไล่ตามมาถามเลยสักนิด
เสี่ยวฟางได้มีสีหน้างงๆ “เพื่อนธรรมดาก็เพื่อนธรรมดา ทำไมปฏิกิริยารุนแรงแบบนั้น?”
เหลียงซินเวยก็ได้เอาจานชามวางไว้ในอ่างล้างจาน คิดถึงการกระทำของตัวเองเมื่อกี้นี้ ก็ได้ขำออกมา
จริงด้วย ก็แค่เพื่อนธรรมดา ความคิดอะไรที่ไม่ควรจะมีก็ได้ลืมไปให้หมดเถอะ
……
เพราะว่าการที่ฟางซื่อกรุ๊ปยุติการร่วมงานกะทันหัน หุ้นของซ่างกวนกรุ๊ปก็ได้ต่ำลง ทำให้ผู้ถือหุ้นนั้นหวาดหวั่นไม่น้อย ก็ได้ต่างกันไปถามซ่างกวนเชียนที่บริษัท
“อาเชียน ท่านประธานใหญ่ได้เอาบริษัทนี้ให้นาย คือหวังว่านายจะบริหารมันให้ดีๆ แต่ว่าตอนนี้มันเรื่องอะไรกัน? หุ้นได้ตกลงมาหนักขนาดนี้!”
“จริงด้วย อาเชียน นี่มันเรื่องอะไรกันแน่? นายต้องให้คำอธิบายกับพวกเราหรือเปล่า?”
“ทำไมฟางซื่อกรุ๊ปอยู่ๆ ถึงได้ยุติการร่วมงานกับพวกเรา? เป็นไปอย่างที่ข่าวว่าจริงหรือเปล่า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับน้องสาวนาย?”
“ถ้าเกิดเกี่ยวข้องกันจริงๆ งั้นน้องสาวของนายไม่รู้เรื่องอะไรเลยสักนิด! ไม่ว่าจะเรื่องอะไร ก็ได้เห็นแก่ผลประโยชน์ของบริษัทเป็นอันดับแรก ต่อให้เธอนั้นไม่ชอบฟางยู่เชิน ก็น่าจะอดทนหน่อย ดูพอฉีกหน้ากันแล้ว คนที่เสียหายก็เป็นพวกเรา”
“จริงด้วยจริงด้วย เป็นคนของตระกูลฟาง ไม่ว่าอะไรก็ควรที่จะนึกถึงตระกูลฟาง ไม่ใช่การเอาแต่ใจแบบนี้ ทำทุกคนเสียงผลประโยชน์”
……
ตอนแรกตอนที่ผู้ถือหุ้นพูด ซ่างกวนเชียนก็ได้คิดที่จะอธิบายออกไปดีๆ แต่ว่าพอฟังต่อ เขาก็ได้ขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าก็ได้มีความไม่พอใจเขียนอยู่
“ทุกท่าน เรื่องนี่ไม่เกี่ยวอะไรกับน้องสาวผมเลยสักนิด!” เขาก็ได้ใช้สายตาที่น่ากลัวมองไปยังผู้ถือหุ้นแต่ละคน “นี่เป็นปัญหาระหว่างผมกับฟางยู่เชิน”
เรื่องมาถึงตอนนี้แล้ว เขายังแก้ตัวแทนซ่างกวนหยวน
ใครให้เธอเป็นน้องสาวเขา เป็นคนที่เขาแคร์ ทำใจที่จะทำให้เธอนั้นรับบาดเจ็บไม่ได้
“งั้นปัญหาระหว่างนายกับฟางยู่เชินเป็นอะไรกันแน่?” ผู้ถือหุ้นก็ได้ถามด้วยน้ำเสียงที่น่ากลัว
ซ่างกวนเชียนก็ได้เงียบไปสักพัก ถึงได้ค่อยๆ พูดออกมาว่า “ไม่ว่าผมกับเขามีปัญหาอะไร ผมต้องจัดการให้เรียบร้อยแน่ หวังว่าคุณนั้นให้เวลาผมหน่อย”
“อาเชียน เวลาพวกเรานั้นให้นายได้ นายสามารถที่จะรับปากได้หรือเปล่าว่าจัดการได้?”
“จริงด้วย โครงการที่ได้ร่วมงานกับฟางซื่อกรุ๊ปเป็นโครงการสำคัญทั้งนั้น ถ้าเกิดแห้วไป ความเสียหายหนักมาก นายต้องจัดการให้ดีๆ”
พอพูดแบบนี้ออกมา คนอื่นก็ได้พูดเสริม
เวลานี้ ก็ได้วุ่นวายเล็กน้อย
“พอแล้ว!” อยู่ๆ ซ่างกวนเชียนก็ได้ตะโกนออกมา รอบๆ ก็ได้เงียบลง พวกผู้ถือหุ้นก็ได้มองมาทางเขา
ซ่างกวนเชียนก็ได้สูดหายใจเข้าลึกๆ “พวกคุณวางใจเถอะครับ ผมต้องจัดการให้มันเรียบร้อยแน่ ถ้าเกิดจัดการไม่เรียบร้อย ผมลาออกเอง”
ยังไงซะเขาก็เหนื่อยแล้ว แบกหน้าที่สำคัญอย่างตระกูลฟางนี่มาหลายปี เขาเหนื่อยแล้วจริงๆ
อยากจะพักผ่อนดีๆ
อาจเป็นเพราะว่าคิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดคำสัญญาแบบนี้ออกมา พวกผู้บริหารต่างพากันตกใจ พากันพูดว่า “อันนั้นไม่ได้” “ตระกูลซ่างกวนไม่มีนายไม่ได้” พวกนี้
ซ่างกวนเชียนก็ได้ขำออกมา “เหมือนว่าพวกคุณลืมกันไปแล้ว เจ้าของตระกูลซ่างกวนที่แท้จริงนั้นเป็นน้องสาวผม ซ่างกวนหยวน”
“ถ้าเกิดจัดการได้ไม่ดี ผมก็จะเอาทุกอย่างคืนให้เธอ”