ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 1216 ไม่มีเขา ฉันอยู่ไม่ได้
ประชุมเสร็จ ซ่างกวนเชียนกลับไปที่ห้องทำงาน
ผู้ช่วยได้เดินตามข้างหลังเขา ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล “ประธานครับ ตอนนี้ทำยังไง?”
ซ่างกวนเชียนหันไป “ทางฟางซื่อกรุ๊ปมีข่าวอะไรไหม?”
“ไม่มีเลยแม้แต่นิดครับ”
ซ่างกวนเชียนก็ได้หรี่ตา “เห็นทีคราวนี้ฟางยู่เชินอยากจะบีบให้หยวนหยวนยอมแพ้”
ผู้ช่วยขมวดคิ้ว “แต่ว่าคุณหนูจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เหรอครับ? ผมกลัวว่ารอไม่ถึงวันที่คุณหนูยอมแพ้ บริษัทก็ทนต่อไปไม่ไหวแล้ว”
ก็เหมือนอย่างที่พวกผู้ถือหุ้นพูด โครงการสำคัญๆ ของซ่างกวนกรุ๊ปได้ร่วมงานกับฟางซื่อกรุ๊ปทั้งหมด ฟางซื่อกรุ๊ปได้ยุติการร่วมงานแบบนี้ ผมกระทบต่อบริษัทเป็นอะไรที่ไม่กล้าคิด
“ไม่ต้องมีความคิดแบบนี้!” ซ่างกวนเชียนก็ได้พูดดุน้ำเสียงน่ากลัว “หลายปีมานี้ ต่อให้ลำบากขนาดไหนเทียบได้กับช่วงที่ท่านประธานใหญ่เกิดเรื่องเหรอ ก็ผ่านมาได้ไม่ใช่เหรอ?”
“ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น ผมก็แค่กลัวว่าฟางซื่อกรุ๊ปไม่ได้เพียงแค่จะยุติการร่วมมือง่ายๆ แต่นั้นไว้แบบนั้น”
ที่เขาพูดก็เป็นอะไรที่ซ่างกวนเชียนกังวล
ถ้าเกิดฟางซื่อกรุ๊ปได้กดดันซ่างกวนกรุ๊ปจากทางอื่น กลัวว่าจะทนต่อไปไม่ไหวจริงๆ
ซ่างกวนเชียนคิดๆ ก็ได้พูดจริงจัง “ช่วยฉันหาเวลานัดประธานฟาง ฉันอยากจะคุยกับเขาต่อหน้า”
“ครับ”
ผู้ช่วยรับคำสั่งก็ได้รีบออกไป
ที่จริงเรื่องนี้ให้ซ่างกวนหยวนออกหน้าถึงจะถูก แต่ว่าในใจของซ่างกวนเชียนเข้าใจดี เธอไม่มีทางยอมแพ้
คิดถึงตรงนี้ ซ่างกวนเชียนก็ได้ถอนหายใจยาวๆ ไม่รู้ว่าจิ้นเฟิงเฉินนั้นดีขนาดไหนเชียว ทำให้เธอนั้นไม่แคร์อะไรเลยแล้วแย่งคนมา
แต่ก็หวังว่าเรื่องนี้จะจัดการได้อย่างราบรื่นนะ
……
ตอนที่ได้รับสายจากผู้ช่วยของซ่างกวนเชียน ก็เป็นไปตามที่ส้งหยาวคาดเดาไว้
“ต้องไปถามประธานฟางก่อนครับ
ถึงให้คำตอบคุณได้”
พูดจบ ก็ได้วางสายไป
ทำเอาปลายสายนั้นโมโหเอามากๆ
ถ้าไม่เป็นเพราะเพื่อบริษัท ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะอ่อนเสียงให้แบบนี้
ก๊อกๆ ——
ส้งหยาวก็ได้เคาะประตูห้องทำงานประธาน รอให้ข้างในมีเสียงตอบ “เข้ามา” เขาถึงได้ผลักประตูเข้าไป
“ประธานครับ ประธานซ่างกวนอยากจะนัดพูดคุยกับคุณต่อหน้าครับ”
“ตกลงแล้ว?” ฟางยู่เชินเงยหน้า
ส้งหยาวก็ได้รีบส่ายหน้า “เปล่าครับ ไม่มีการพยักหน้าจากคุณ ผมจะไปกล้าตกลงได้ยังไง?”
ฟางยู่เชินเลิกคิ้ว “งั้นก็ปฏิเสธไป”
“คุณมั่นใจเหรอครับ?” ส้งหยาวไม่เข้าใจนิดหน่อย
ที่เขาได้ยุติการร่วมงานกับซ่างกวนกรุ๊ป ก็ไม่เป็นเพราะว่าจะพูดคุยต่อรองกันกับอีกฝ่ายไม่ใช่เหรอ?
“อืม”
ฟางยู่เชินได้มีความคิดของตัวเอง การยุติร่วมงานคราวนี้ ก็ได้กระทบฟางซื่อกรุ๊ปไม่น้อย
แต่เพื่อสื้อสื้อ ทั้งหมดนี้มันคุ้ม
เขาอยากจะใช้โอกาสนี้ให้ซ่างกวนหยวนคืนเฟิงเฉินให้กับสื้อสื้อ
ได้รับการยืนยัน ส้งหยาวก็ได้ก้มหน้า “งั้นผมไปบอกกับอีกฝ่ายครับ”
ซ่างกวนเชียนคิดไม่ถึงว่า ฟางยู่เชินจะปฏิเสธการขอพูดคุยกับเขาไปตรงๆ แบบนี้
สีหน้าของเขาได้เครียดมาก
ผู้ช่วยก็ได้ไปถามอย่างระวัง “ประธาน ตอนนี้ประธานฟางไม่ยอมที่จะเจอหน้าคุณ พวกเรานั้นต้องคิดหาวิธีอื่นแล้วหรือเปล่าครับ?”
“ที่เขาอยากเจอคือคุณหนู” ซ่างกวนเชียนสูดหายใจเข้าลึกๆ “โครงการที่ได้หยุดลงพวกนั้น นายไปปลอบใจพนักงานดีๆ ตอนนี้ฉันกลับบ้านก่อน”
“ครับ”
……
จิ้นเฟิงเฉินตื่นมาก็เป็นเวลาสิบโมงเช้าแล้ว ตื่นสายขนาดนี้ เพราะว่านอนหลับไม่สนิท
เขาฝันร้าย ฝันว่าผู้หญิงคนหนึ่งได้ร้องไห้อยู่ข้างๆ เขาตลอด ต่อว่าเขาไร้หัวใจ ทิ้งเธอไป
ตกใจตื่น เขาก็ได้ลืมตาจนฟ้าสว่าง ถึงได้หลับไปอีกครั้ง
“หลับไม่สบายเหรอ?” ซ่างกวนหยวนพบว่าสีหน้าของเขาไม่ดีนัก ก็ได้ถามอย่างเป็นห่วง
จิ้นเฟิงเฉินก็ได้เกาหัว คิ้วที่สวยก็ได้ขมวดเข้าหากัน “หยวนหยวน สื้อสื้อคนนั้นเป็นอะไรกับฉันกันแน่?”
ซ่างกวนหยวนอึ้ง จากนั้นก็ได้ตั้งสติได้ ยิ้ม “เธอไม่ได้เป็นอะไรกับนาย”
เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการถามของเขา เธอก็ได้รีบเปลี่ยนเรื่อง “นายต้องหิวแล้วแน่ๆ ปะ พวกเราไปทานมื้อเช้ากัน”
จิ้นเฟิงเฉินถูกเบี่ยงเบนความสนใจ ก็ได้ยิ้มอย่างทำตัวไม่ถูก “หิวแล้วจริงๆ”
ซ่างกวนหยวนก็ได้ขำออกมา มองสายตาที่อ่อนโยนเหมือนสายน้ำของเขา “งั้นก็ไปทานมื้อเช้าชั้นล่างเถอะ”
“ได้”
จิ้นเฟิงเฉินก็ได้เดินลงไปชั้นล่างก่อน ซ่างกวนหยวนมองแผ่นหลังของเขา รอยยิ้มก็ได้ค่อยๆ หายไป สีหน้าก็ได้เคร่งเครียดขึ้นมา
เพราะเธอใช้ยาน้อยไปเหรอ?
ไม่อย่างนั้น เขาทำไมถึงสนใจเจียงสื้อสื้อแบบนี้?
จากนั้น เธอก็ได้ส่ายหน้า “เป็นไปไม่ได้ที่ยาจะน้อยไป ไม่ต้องคิดมากแล้ว ต่อให้เป็นคนอื่น เจอเรื่องแบบนั้น ไม่มากก็น้อยก็ต้องสนใจทั้งนั้น”
พอปลอบใจตัวเองเสร็จ เธอถึงได้ก้าวตามไป
ซ่างกวนเชียนกลับไปถึงบ้าน รู้ว่าซ่างกวนหยวนกับจิ้นเฟิงเฉินทานมื้อเช้าที่ห้องครัว ก็ได้เดินตรงไปที่ห้องครัว
เดินเข้าใกล้ ก็ได้ยินเสียงพูดคุยหัวเราะส่งมา
ฝีเท้าของซ่างกวนเชียนก็ได้นิ่ง ขมวดคิ้ว ไม่กล้าที่จะเชื่อว่าผู้ชายที่กำลังพูดคุยหัวเราะในห้องครัวตอนนี้เป็นจิ้นเฟิงเฉิน
จำได้ว่าเขาเป็นคนที่เงียบและเย็นชา
“หยวนหยวน เค้กนี้อร่อยมาก เธอก็กินดู”
ซ่างกวนเชียนเดินเข้าไปในห้องครัว ก็ได้เห็นจิ้นเฟิงเฉินเอาเค้กไปวางไว้ในจานของซ่างกวนหยวนชิ้นหนึ่งพอดี คิ้วขมวดเล็กน้อย
เขาก็ได้กดความไม่พอใจไว้ในใจ “หยวนหยวน ฉันมีเรื่องคุยกับเธอ”
ได้ยินแบบนั้น จิ้นเฟิงเฉินกับซ่างกวนหยวนก็ได้หันไปพร้อมกัน
คนหนึ่งสีหน้างงงวย
คนหนึ่งสีหน้าเย็นชา ไม่มีสีหน้าเหมือนตอนที่ได้อยู่กับจิ้นเฟิงเฉินอย่างส่วนตัวเลยสักนิด
มุมปากของซ่างกวนเชียนก็ได้ยิ้มขึ้นอย่างสมเพชตัวเอง “ฉันทำให้เธอเกลียดขนาดนี้เลยเหรอ?”
“ฉันกับนายไม่มีอะไรต้องคุยกัน” ซ่างกวนหยวนก็ได้หันกลับไป ให้จิ้นเฟิงเฉินตั้งใจทานข้าว ไม่ต้องสนใจเขา
ในสายตาเธอ มีแค่จิ้นเฟิงเฉินคนเดียวเหรอ?
ความโมโหก็ได้พุ่งมาในใจ ซ่างกวนเชียนพูดด้วยเสียงที่เย็นชาและแข็งว่า “ฟางซื่อกรุ๊ปได้ยุติการร่วมงานแล้ว บริษัทประคองต่อไปไม่ไหวแล้ว เธอยังมีอารมณ์มาทานข้าวกับผู้ชายอีก?”
ได้ยินแบบนั้น ซ่างกวนหยวนหันหน้าไปมองเขา พูดอย่างประหลาดใจ “นายพูดอะไร?”
ซ่างกวนเชียนขำอย่างประชด “ทำไม? เธอรู้ว่าควรที่จะใส่ใจเรื่องบริษัทแล้วเหรอ?”
“ซ่างกวนเชียน ฉันไม่ได้อยากฟังนายพูดอะไรพวกนี้ ฉันอยากจะรู้ว่าเรื่องยุติการร่วมงานมันเรื่องอะไรกันแน่?”
“ยังเรื่องอะไรอีกล่ะ” สายตาของซ่างกวนเชียนก็ได้มองไปยังจิ้นเฟิงเฉิน สายตาก็ได้มีความเกลียดส่งมาเล็กน้อย “ยังไม่เป็นเพราะว่าหมอนี่!”
ซ่างกวนหยวนเข้าใจแล้ว “ตอนนี้ฟางยู่เชินอยากจะใช้การยุติสัญญา มาบังคับให้ฉันส่งคนกลับไป?”
“เธอควรรู้ว่าเขาสำคัญต่อตระกูลจิ้นขนาดไหน” เสียงของซ่างกวนเชียนก็ได้อ่อนลง “หยวนหยวน ส่งเขาคืนกลับไปเถอะ”
“ไม่!” ซ่างกวนหยวนก็ได้ปฏิเสธเด็ดขาด “เขาก็สำคัญมากสำหรับฉันเหมือนกัน ไม่มีเขา ฉันอยู่ต่อไปไม่ได้”
“ซ่างกวนหยวน!” ซ่างกวนเชียนโมโห “งั้นเธออยากที่จะเห็นบริษัทประคองต่อไปไม่ได้แล้วก็ประกาศล้มละลายเหรอ? เธออย่าลืมนะ นั่นเป็นเลือดเนื้อทั้งหมดของคุณปู่และคุณพ่อนะ!”
“นายไม่ต้องพูดเรื่องนี้!” ซ่างกวนหยวนก็โมโห เธอก็ได้จ้องเขาอย่างเย็นชา “นายไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดถึงคุณพ่อฉันต่อหน้าฉันที่สุด”
สายตาของเธอก็ได้เต็มไปด้วยความเกลียด
ความอ่อนแรงก็ได้เหมือนคลื่นซัดมาหาเขาทำให้เขาจม มุมปากก็ได้มีรอบยิ้มเล็กน้อย “หยวนหยวน เธอทำให้ฉันผิดหวังมาก”
พูดจบ เขาก็ได้จากไปแบบไม่หันหัวกลับ