ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 1217 ไม่ถึงคิวนายมาสั่งสอนฉัน!
จิ้นเฟิงเฉินงงไปเลย มือของเขาก็ได้วางส้อมลง ก็ได้พูดอย่างเป็นห่วงว่า “หยวนหยวน เหมือนว่าพี่ชายเธอโมโหแล้ว”
ซ่างกวนหยวนก็ได้ยิ้มบางๆ “ไม่เป็นไร เขาก็เป็นแบบนี้ ไม่ต้องสนใจเขา นายรีบดื่มโจ๊กให้หมดเถอะ เดี๋ยวฉันพานายไปเจอคุณย่า”
จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้า เสียงก็ได้อ่อนโยนมากๆ “ได้”
เห็นว่าเขาทานมื้อเช้าต่อ รอยยิ้มที่มุมปากของซ่างกวนหยวนก็ได้ค่อยๆ จางหายไป สีหน้าที่ได้เข้มเล็กน้อย
เธอทำให้ซ่างกวนเชียนผิดหวัง?
นี่เกรงว่าเป็นอะไรที่เธอฟังแล้วรู้สึกอยากขำที่สุด
ปีนั้น เธอได้พยายามเอาชนะอุปสรรคทุกอย่าง อยากจะให้ผู้ถือหุ้นบริษัทเห็นด้วยที่จะเอาบริษัทให้เธอบริหาร
แต่ว่าผู้ถือหุ้นพวกนั้นรู้สึกว่าเธอที่เป็นผู้หญิง ไม่สามารถที่จะรับหน้าที่ที่หนักขนาดนี้ได้
เธอก็ได้ขอให้เขาช่วย อยากให้เขามาช่วยตนต่อหน้าผู้ถือหุ้น
แต่ใครจะรู้……
คิดถึงเรื่องในอดีต ใจของซ่างกวนหยวนก็ได้หงุดหงิดกว่าเดิม
จิ้นเฟิงเฉินดื่มโจ๊กเสร็จ หันหน้าไปดู ก็พบว่าสีหน้าของเธอไม่ดี ก็ได้ถามอย่างเป็นห่วง “หยวนหยวน เธอไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”
ได้ยินแบบนั้น ซ่างกวนหยวนก็ดึงสติกลับมา เจอกับสีหน้าที่ได้เต็มไปด้วยความกังวลของเขา ก็ได้รีบเก็บอารมณ์ของตัวเอง ยิ้ม “ฉันไม่เป็นไร”
สายตาก็ได้มองเห็นจานที่ได้ทานจนสะอาด รอยยิ้มก็ได้เข้มขึ้น “ทานหมดแล้วเหรอ”
จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้า “อืม”
“งั้นพวกเราไปเปลี่ยนเสื้อที่ชั้นบนกัน”
ซ่างกวนหยวนได้จูงมือจิ้นเฟิงเฉินออกไปจากห้องครัว ก็ได้เห็นซ่างกวนเชียนที่ได้ยืนอยู่ที่ห้องรับแขก
ซ่างกวนหยวนขมวดคิ้ว ยิ้มแล้วก็พูดกับจิ้นเฟิงเฉินว่า “เฟิงเฉิน นายขึ้นไปก่อน ฉันจะคุยอะไรกับเขาเล็กน้อย”
จิ้นเฟิงเฉินมองไปที่ซ่างกวนเชียนสักพัก “ได้”
รอให้จิ้นเฟิงเฉินขึ้นไป ซ่างกวนหยวนถึงได้เดินมาหาซ่างกวนเชียน
“ปีนั้นเป็นนายที่จะรับหน้าที่สำคัญอย่างบริหารซ่างกวนกรุ๊ปมาเอง ตอนนี้เกิดเรื่อง นายมีหน้าอะไรมาต่อว่าฉัน?”
น้ำเสียงตั้งคำถาม
ซ่างกวนเชียนหันหน้าไป สายตามองเธออย่างไม่มีความอบอุ่นอะไร มุมปากก็ได้ยิ้มอย่างตลกตัวเอง “เรื่องผ่านไปหลายปีแล้ว เธอก็ยังโทษฉัน”
“ใช่ ฉันโทษนาย” ซ่างกวนหยวนก็ได้ยอมรับไปตรงๆ เธอก็ได้หรี่ตา สายตาก็ได้เต็มไปด้วยความแหลมคม “ตอนนั้นถ้านายไม่ได้ทำอะไรไป ก็เป็นฉันที่มารับซ่างกวนกรุ๊ปแล้ว”
ได้ยินคำพูดแบบนี้ ซ่างกวนเชียนก็ได้รู้สึกถึงความไร้เรี่ยวแรงเอามาก
ตอนนั้นทำไมเขาถึงได้สานต่อบริหารบริษัท เธอไม่รู้เหรอ?
ถ้าเกิดเขาไม่ได้ยืนออกมาเอง ซ่างกวนกรุ๊ปก็ได้เป็นชื่อแก้แซ่ไปนานแล้ว!
“ปีที่ผ่านมานี้ทำให้เธอรู้สึกน้อยใจแล้ว”
อยู่ๆ เขาพูดแบบนี้ ซ่างกวนหยวนกลับอึ้งไป ก็ไม่รู้ว่าเขาได้สงสารเธอจริงๆ หรือว่าเสียดสีตน
ซ่างกวนเชียนเดินเข้าใกล้เธอ สายตาก็ได้จ้องเธอนิ่ง พูดเสียงเบา “ปีที่ผ่านมานี้ ขอแค่เธอนั้นเปิดปาก ฉันก็จะเอาบริษัทคืนให้เธอ”
สีหน้าของเขา สายตา และก็น้ำเสียงก็ได้อ่อนโยนมากๆ
อ่อนโยนจนซ่างกวนหยวนไม่รู้เริ่มยังไง
เธอก็ได้หันหน้าไปอย่างร้อนรน หลบสายตาของเขา ขำออกมา พูดประชดว่า “อย่าพูดอะไรที่มันสวยหรูขนาดนั้น ใครจะรู้ว่าในใจของนายนั้นคิดอะไรอยู่”
เธอก็ยังไม่ยอมที่จะเชื่อเขา
ซ่างกวนเชียนหัวเราะ เสียงหัวเราะก็ได้เต็มไปด้วยความขมขื่น “ก็ได้ เธออยากที่จะคิดแบบนี้ ฉันก็ช่วยไม่ได้ แต่ว่าคำพูดพวกนี้ฉันก็ยังต้องพูด
บริษัทตอนนี้ได้เจอกับอุปสรรคจริงๆ ถ้าเธออยากจะปกป้องแรงกายแรงใจที่คุณปู่กับคุณพ่อสร้างมา ก็ต้องคิดดีๆ ว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ”
“ยังไม่ถึงคิวนายที่จะมาสั่งสอนฉัน!” ซ่างกวนหยวนก็ได้จ้องเขาอย่างเย็นชา
สองมือของซ่างกวนเชียนก็ได้ล้วงกระเป๋า หัวเราะเบาๆ “ฉันไม่ได้อยากสั่งสอนเธอ ฉันแค่อยากจะพูดถึงความสำคัญของเรื่อง”
พูดถึงตรงนี้ เขาก็ได้มองไปชั้นบน “ฉันรู้ว่าเธอชอบเขา แต่เทียบกับความรู้สึกของเธอ บริษัทสำคัญกว่า”
“เธอคิดดีๆ เถอะ”
ซ่างกวนเชียนก็ได้มองเขาอย่างลึกซึ้ง จากนั้นก็ได้หันตัวจากไป
ซ่างกวนหยวนก็ได้ยืนอยู่กับที่ เหม่อลอยแบบนั้นอยู่นาน
……
เจียงสื้อสื้อทานมื้อเช้าเสร็จ ก็ได้พูดว่าอยากจะไปตระกูลซ่างกวน
แต่ว่าสิ่งที่เธอคาดไม่ถึงว่า ฟางเถิงห้ามแล้ว
“สื้อสื้อ หนูไปตอนนี้ ต้องไม่ได้เจอกับเฟิงเฉินแน่”
“ทำไมคะ?” เจียงสื้อสื้อก็ได้ถามอย่างไม่เข้าใจ
“ซ่างกวนหยวนไม่มีทางให้หนูเจอแน่ ขนาดที่ว่าเพื่อที่จะหลบหนู ก็ได้พาเฟิงเฉินไปหลบที่ต่างประเทศอีกครั้งแน่”
ฟางเถิงไม่ได้ข่มขู่เธอ แต่เป็นการเตือนเธอ จะใจร้อนไม่ได้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นเรื่องต้องวุ่นวายกว่าเดิมแน่ๆ
เจียงสื้อสื้อก็ได้หัวเราะอย่างข่มขืน “น้าชายเล็กคะ ที่น้าพูด หนูรู้ค่ะ แต่ว่า จะให้หนูไม่ต้องทำอะไรเลยเหรอคะ?”
เธอรู้สึกไร้เรี่ยวแรงมากๆ
“ก็ไม่ใช่” ฟางเถิงก็ได้ยิ้มอย่างอ่อนโยน “ที่หนูทำได้ตอนนี้ก็คือรอ น้ากับยู่เชินต้องคิดหาวิธีพาตัวเฟิงเฉินกลับบ้านแน่”
“แต่ว่า……”
เจียงสื้อสื้อยังอยากจะพูดอะไร ฟางเถิงก็ได้ยกมือวางที่ไหล่ของเธอ พูดเสียงเบา “เด็กดี เอาเรื่องนี้ให้น้ากับยู่เชินจัดการเถอะ”
เขาพูดขนาดนี้แล้ว เจียงสื้อสื้อยืนยันแบบเดิมก็ไม่ดี ทำได้แค่พยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ค่ะ”
“อืม หนูไม่ต้องคิดมากแล้ว เฟิงเฉินต้องกลับมาได้แน่ๆ น้าเอง ก็ไปที่บริษัทก่อนนะ”
“รบกวนด้วยนะคะ น้าชายเล็ก” เจียงสื้อสื้อก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี ตั้งแต่กลับมาที่ตระกูลฟาง เธอก็ได้หาเรื่องให้พวกเข้าอยู่ตลอด
รู้สึกเกรงใจจริงๆ
ฟางเถิงหัวเราะ “ขอแค่หนูเชื่อฟัง พวกเราก็ไม่เหนื่อยหรอกจ้ะ”
“หนูเชื่อฟังแน่ค่ะ”
“งั้นน้าไปก่อนนะ”
ฟางเถิงยิ้ม แล้วก็หันตัวเดินออกไป
ห้องคนไข้ก็ได้กลับไปเงียบเหมือนเดิม เจียงสื้อสื้อหันไปมองนอกหน้าต่าง สีหน้าเศร้าๆ
ไม่รู้ว่าตอนนี้เฟิงเฉินทำอะไรอยู่
……
ตอนที่อยู่สิงคโปร์นั้น ซ่างกวนหยวนก็รู้แล้วว่าอาการของคุณย่าไม่ดีนัก ต่อให้ในใจได้เตรียมความพร้อมขนาดไหน แต่ตอนที่เจอกับตาตัวเอง ก็ยังตกใจ
ท่านหญิงได้นอนอยู่บนเตียงคนไข้ ใบหน้าที่ได้อวบอิ่มนั้นก็ได้ผอมแห้งไปมาก แก้มบุ๋มลงไป ไม่มีสีหน้าเลือดเลยสักนิด ซีดมากๆ
ดวงตาที่สดใสและมีพลังก็กลายเป็นหมองหม่น มองแล้วไม่มีสีสันอะไร
ถ้าไม่ใช่เพราะเสียงเครื่องมือแพทย์ดังอยู่ ก็ทำให้คนคิดว่าเธอนั้นได้เสียไปแล้ว
ตาของซ่างกวนหยวนก็ได้แดง เธอรับไม่ได้กับหญิงชราที่ได้สดใสก่อนที่เธอออกประเทศ ตอนนี้กลับนอนอยู่ที่เตียงคนไข้อย่างไม่มีเรี่ยวแรงแบบนี้ พึ่งท่อช่วยหายใจยื้อชีวิต
“หยวน…… หยวน” หญิงชราได้มองเธอ สายตาที่หมองหม่นก็ได้เป็นประกาย พูดออกมาอย่างยากลำบาก
“คุณย่าคะ” ซ่างกวนหยวนก็ได้รับเข้าไปกุมมือที่เย็นของเธอ น้ำตาก็ได้ไหลลงมา
เห็นว่าเธอร้องไห้ หญิงชราตาก็แดง ก็ได้พูดปลอบเบาๆ “เด็กโง่ ไม่ต้องร้อง ย่ายังมีชีวิตอยู่ไม่ใช่เหรอ?”
ได้ยินแบบนั้น น้ำตาก็ได้ไหลหนักกว่าเดิม
ซ่างกวนหยวนก้มหน้า ก็ได้เอามือของเธอมาแตะที่หน้าของเธอ พูดอย่างสะอึกว่า “ขอโทษค่ะ คุณย่า เป็นเพราะหนูเอาแต่ใจ ไม่กลับมาอยู่เป็นเพื่อนท่านตั้งแต่แรก”
เวลานี้ เธอถึงได้รู้ว่าตัวเองนั้นเอาแต่ใจขนาดไหน เห็นแก่ตัวขนาดไหน
เป็นเพราะเพื่อความรัก เธอก็ได้เลือกที่จะมองข้ามครอบครัวไป
เธอเสียใจมากๆ
“ไม่ต้องโทษตัวเอง หนูกลับมาได้ ย่าก็ดีใจมากแล้ว” ท่านหญิงก็ได้พยายามยิ้มออกมา
มองรอยยิ้มของเธอ ในใจก็ได้เหมือนว่ามีก้อนสำลีอุดอยู่ ทรมานมากๆ
ซ่างกวนหยวนเช็ดน้ำตา “คุณย่าค่ะ ตอนนี้หนูกลับมาแล้ว ก็จะอยู่เป็นเพื่อนท่านตลอด ท่านต้องรีบหายดีนะคะ”