ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 1230 ที่แท้ก็เพื่อนนี่เอง
ฟางยู่เชินจอดรถไว้ที่หน้าประตูหมู่บ้านจัดสรร แล้วกดโทรหาเหลียงซินเวย
“ผมจอดรออยู่ที่หน้าประตูหมู่บ้านครับ ออกมาได้เลย”
อีกฝ่ายตอบกลับแค่ “ได้ค่ะ” แล้วกดวางสายไป
หลังจากนั้นประมาณสิบนาที ร่างของเหลียงซินเวยก็ปรากฏขึ้นที่ประตูหน้าหมู่บ้าน
ฟางยู่เชินเห็นเธอวิ่งหอบออกมา มุมปากของเขาก็ยกสูงขึ้นโดยไม่รู้ตัว ดวงตาของเขาก็อ่อนโยนมากด้วย
“ขอโทษนะคะ ที่ให้ต้องรอ” เหลียงซินเวยขึ้นมานั่งบนรถ แล้วหอบเล็กน้อย
“ที่จริงแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องรีบร้อนก็ได้” ฟางยู่เชินยิ้มให้เธอ แล้วสตาร์ทรถขับออกไปอย่างไม่รีบร้อน
ระหว่างทางไปงานเลี้ยง เหลียงซินเวยถือโทรศัพท์ขึ้นมา
แล้วท่องจำบทความที่จะพูด สีหน้าของเธอจริงจังมาก
ฟางยู่เชินหันไปมองโทรศัพท์ในมือของเธออย่างสงสัย จึงเห็นว่ามันเต็มไปด้วยตัวหนังสือ
“นี่อะไรครับ” เขาเอ่ยถาม
เหลียงซินเวยหันไปมองเขา แล้วยิ้มบาง “เป็นบทความค่ะ คืนนี้ฉันต้องขึ้นไปพูดบนเวทีในนามของร้านอาหาร”
พอพูดถึงเรื่องนี้ เธอก็เบ้ปาก แล้วพูดด้วยความกังวล “ฉันกลัวว่าถึงเวลาฉันจะตื่นเต้นมากเกินไป จนทำเรื่องขายหน้าออกไป”
“งั้นก็ทำใจให้สบาย คุณแค่คิดว่าผู้คนด้านล่างเป็นหัวไชเท้า เป็นผักกาดขาว คุณก็จะไม่ประหม่าแล้ว”
“อุ๊บส์“
เหลียงซินเวยหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ไหว “พี่ฟางคะ ทำไมคุณถึงตลกขนาดนี้”
เขาคิดว่าคนอื่นเป็นหัวไชเท้าเป็นผักกาดขาวได้ยังไงกัน
“ผมเห็นในโทรทัศน์ ถ้าคุณประหม่าก็ลองทำดู บางทีมันอาจจะใช้ได้ผล”
เขาพูดแนะนำเธอด้วยความจริงใจ ดังนั้นเหลียงซินเวยจึงหยุดยิ้ม แล้วพยักหน้าอย่างจริงจัง “ได้ค่ะ ฉันจะลองเอาไปทำดู”
……
งานเลี้ยงฉลองครบรอบห้างสรรพสินค้าของตระกูลเย่ เป็นวันที่เย่เสี่ยวอี้เฝ้ารอคอยมานาน เธอจึงไปเข้าร้านเสริมสวยตั้งแต่เช้า
เพื่อที่จะแสดงให้เห็นว่าเธอให้ความสำคัญกับงานเลี้ยงคืนนี้มากแค่ไหน
เธอที่แต่งหน้าแต่งตัวมาอย่างดีเดินทางมาที่โรงแรมตั้งแต่เช้า เพื่อรอต้อนรับแขกที่มาร่วมงาน
พอเธอเห็นฟางยู่เชินกับเหลียงซินเวยปรากฏตัวที่ปลายอีกด้านของพรมแดง สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปทันที
ผู้หญิงคนนั้นมากับยู่เชินได้ยังไงกัน
ความโกรธและความหึงหวงพุ่งเข้ามาในหัวใจของเธอ เธอเมินเฉยต่อแขกรับเชิญ รีบดึงชายกระโปรงขึ้นแล้วเดินตรงไปหาทั้งสองคนอย่างรวดเร็ว
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เหลียงซินเวยได้เข้าร่วมงานเลี้ยงแบบนี้ แต่เธอก็ยังอดที่จะประหม่าไม่ได้
พอรู้สึกถึงความประหม่าของเธอ ฟางยู่เชินจึงจับมือเธอมาคล้องแขนเขาไว้
เหลียงซินเวยหันหน้าไป ดวงตาโตที่งดงามจ้องมองเขาด้วยแววตาสงสัย
“ไม่ต้องประหม่า ผมอยู่ตรงนี้”
ไม่รู้ว่าเธอรู้สึกไปเองหรือเปล่า ว่าคืนนี้เขาดูอ่อนโยนมากจริงๆ อ่อนโยนจนทำให้หัวใจของเธอเต้นระรัว
เหลียงซินเวยกลัวว่าเธอจะตกอยู่ในภวังค์ความอ่อนโยนของเขาจนไม่สามารถออกมาได้ เธอจึงได้แต่แอบบอกกับตัวเองว่าอย่าคิดมาก เขาแค่อยากช่วยตัวเองเท่านั้น
เธอหายใจเข้าลึกๆ แล้วยืดคางขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเดินคล้องแขนเขาไปบนพรมแดงทีละก้าว
“ยู่เชินคะ”
ลมหอมพัดโชยมา ก่อนที่จะมองเห็นคนคนนั้นได้ชัดเจน เหลียงซินเวยก็ถูกผลักออกไปอย่างแรง
เธอที่สวมรองเท้าส้นสูงอยู่ สูญเสียความสมดุล จนล้มตัวไปข้างหลัง
“เวยเวย” ฟางยู่เชินเรียกด้วยความตกใจ ตั้งใจจะเอื้อมมือไปคว้าเธอไว้ แต่เขาถูกโอบเอวไว้แน่น จนขยับไม่ได้
แย่แล้ว!
ทำเรื่องน่าขายหน้าขึ้นจนได้
เหลียงซินเวยหลับตาลงอย่างยอมรับชะตากรรม
ในขณะที่เธอกำลังคิดว่าเธอจะต้องล้มลงกับพื้นอย่างแรง ท่อนแขนที่แข็งแกร่งก็โอบที่เอวของเธอไว้
เธอรู้สึกหมุนเคว้ง
พอเธอลืมตาขึ้นมา จึงสบตาเข้ากับดวงตาที่เป็นกังวลคู่หนึ่ง
“พี่เย่” เธออุทานชื่อออกมาด้วยความประหลาดใจ
เย่เฉินหยุนช่วยพยุงให้เธอยืนอย่างมั่นคง แล้วเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “ไม่เป็นไรใช่ไหม”
เหลียงซินเวยส่ายหน้า “ฉันไม่เป็นไรค่ะ”
ฟางยู่เชินมองดูพวกเขา ดวงตาของเขาเคร่งขรึมจนมองไม่เห็นร่องรอยของอารมณ์ใดๆ ริมฝีปากของเขาเม้มกันจนเป็นเส้นตรง
“ยู่เชินคะ นั่นพี่ชายของฉันเองค่ะ เขาชอบคุณเหลียงมากเลยล่ะ” เย่เสี่ยวอี้กอดแขนเขาไว้แน่น แล้วมุมปากของเธอก็กระตุกยิ้มอย่างผู้ชนะ
แน่นอนว่าพี่ชายของเธอไม่ทำให้เธอผิดหวัง รู้จังหวะว่าควรจะแสดงตัวออกมาตอนไหน
พอได้ยินคำพูดของเธอ ดวงตาของฟางยู่เชินก็สั่นไหว เขาผลักมือของเธอออก แล้วเดินไปหาเหลียงซินเวย
“ยู่เชินคะ” เย่เสี่ยวอี้เดินตามไปอย่างรวดเร็ว
“คุณไม่เป็นไรใช่ไหม” น้ำเสียงของเขาเย็นชาลงอย่างเห็นได้ชัด
แต่เหลียงซินเวยฟังไม่ออก เธอยิ้มตอบอย่างสดใส “ฉันไม่เป็นไรค่ะ โชดดีที่พี่เย่ช่วยรับฉันไว้”
“ขอบคุณนะครับ” ฟางยู่เชินกล่าวขอบคุณเย่เฉินหยุนอย่างสุภาพ
เย่เฉินหยุนเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ ดวงตาของเขามองไปมาระหว่างทั้งสองคน “คุณเป็นอะไรกับเวยเวยครับ ถึงได้ขอบคุณแทนเธอแบบนี้”
“ใช่ค่ะ ยู่เชิน ทำไมคุณถึงต้องขอบคุณแทนเธอด้วย” เย่เสี่ยวอี้มองหน้าเหลียงซิสเวยอย่างเกลียดชัง แล้วพูดอย่างไม่พอใจ
เหลียงซินเวยเองก็คิดไม่ถึงว่าฟางยู่เชินจะทำแบบนี้ อีกอย่างเย่เสี่ยวอี้ก็อยู่ที่นี่ด้วย เธอกลัวว่าจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด ดังนั้นเธอจึงรีบตอบอย่างรวดเร็ว “เราเป็นแค่เพื่อนกันค่ะ”
ฟางยู่เชินขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำว่า “เพื่อน”
เย่เฉินหยุนสังเกตเห็น มุมปากของเขายกยิ้มอย่างชัดเจน ก่อนจะพูดอย่างมีเลศนัย “ที่แท้ก็เป็นเพื่อนกันนี่เอง”
ฟางยู่เชินมองหน้าเขา แล้วขมวดคิ้วแน่น
เขาแนะนำตัวเองด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “สวัสดีครับ ฉันเป็นพี่ชายของเสี่ยวอี้ ผมชื่อเย่เฉินหยุนครับ”
เย่เสี่ยวอี้กอดแขนของฟางยู่เชินจนแน่นอีกครั้ง “พี่ชายคะ จากนี้ไป เราก็จะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ไม่ต้องพูดสุภาพแบบนั้นก็ได้ค่ะ”
พอเธอพูดจบ เธอก็เหลือบมองไปทางเหลียงซินเวยอย่างผู้ชนะ แสดงความเป็นเจ้าของอย่างเห็นได้ชัด
รอยยิ้มบนใบหน้าของเหลียงซินเวยเจื่อนลงเล็กน้อย ดวงตาของเธอมองไปที่แขนที่กำลังควงฟางยู่เชินอยู่ หัวใจของเธอก็รู้สึกเจ็บขึ้นมา
“ยู่เชินคะ คุณพ่อกับคุณแม่ของฉันกำลังพูดถึงคุณอยู่พอดีเลย เราไปหาพวกท่านกันเถอะค่ะ” เย่เสี่ยวอี้พูด
ฟางยู่เชินมองไปทางเหลียงซินเวย “ไปด้วยกัน”
เหลียงซินเวยส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว “ไม่ดีกว่าค่ะ พวกคุณไปกันเถอะ ฉันอยู่กับพี่เย่ตรงนี้ก็ได้ค่ะ”
“แต่ว่า……”
ถึงแม้จะรู้ว่าเย่เฉินหยุน เป็นแค่เพื่อนของพี่สาวเธอ แต่ฟางยู่เชินก็ยังรู้สึกไม่วางใจอยู่ดี ใครจะไปรู้ว่าเย่เฉินหยุนจะคิดอะไรกับเธอหรือเปล่า
แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ เย่เสี่ยวอี้ก็ขัดขึ้นมาซะก่อน “ยู่เชินคะ มีพี่ชายของฉันอยู่กับคุณเหลียงทั้งคน ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ”
หลังจากพูดจบ เธอก็พาหางยู่เชินไปหาพ่อแม่ของเธอทันที
เหลียงซินเวยยืนมองด้านหลังของพวกเขาเดินจากไป แล้วรู้สึกเสียใจขึ้นมา
เย่เฉินหยุนมองตามสายตาของเธอไป แล้วมุมปากของเขาก็ยกยิ้มขึ้นมา “ดูเหมือนว่าน้องสาวของพี่จะชอบยู่เชินเอามากๆเลย”
“อย่างนั้นเหรอคะ” เหลียงซินเวยพยายามยิ้มออกมา
เย่เฉินหยุนดึงสายตาของเขากลับมา แล้วก้มลงบนใบหน้าเล็กที่บอบบางของเธอ ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้น “แล้วเราล่ะ”
เหลียงซินเวยชะงักไปเล็กน้อย “อะไรคะ”
เย่เฉินหยุนยิ้มอย่างมีเลศนัย “เราก็ชอบเขาเหมือนกัน ใช่ไหม”
“ฉันไม่ได้ชอบนะคะ” เหลียงซินเวยหลบสายตาด้วยความรู้สึกผิด ไม่กล้ามองหน้าเขา
“พี่ไม่ได้ตาบอดนะ พี่มองออกว่าเราชอบเขามาก”
เหลียงซินเวยก้มหน้าลง แล้วยิ้มประชดประชันตัวเอง
เธอแสดงออกชัดเจนขนาดนั้นเลยเหรอ
เย่เฉินหยุนรู้สึกได้ถึงความเสียใจของเธอ เขาจึงตบไหล่เธอ แล้วพูดปลอบโยน “พี่แค่ลองถามดู ไม่ได้หมายความอย่างอื่นนะ”
เหลียงซินเวยเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาของเธอเป็นประกายแปลกๆ “พี่เย่คะ เขากับฉันมันอยู่กันคนละโลกค่ะ ฉันไม่กล้าชอบเขาหรอก ดังนั้นพี่ไม่ต้องห่วงว่าฉันจะเข้ามาทำลายความรักของน้องสาวพี่”
พอพูดจบ เธอก็โค้งตัวให้เขา แล้วหันหลังเดินจากไป
เย่เฉินหยุนไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เขาไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นเลย
เขาแค่เป็นห่วงเธอในฐานะพี่ชายเท่านั้นเอง