ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 1236 ฉันขึ้นไปชั้นสองได้เหรอคะ
เหลียงซินเวยกลับมาถึงบ้าน เพิ่งจะเดินเข้าประตู โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นพอดี
คือผู้จัดการ
เธอรับสาย “ค่ะผู้จัดการ”
“เวยเวย เธออยู่ไหน อีกเดี๋ยวก็ต้องขึ้นเวทีแล้ว”
เหลียงซินเวยเพิ่งนึกออกว่าเธอต้องขึ้นเวทีเป็นตัวแทนร้านอาหาร แต่ตัวเธอกลับมาบ้านแล้ว
“ผู้จัดการคะ ฉันไม่สบายก็เลยกลับมาบ้านก่อนค่ะ ให้คนอื่นขึ้นแทนฉันเถอะนะคะ”
“เธอกลับบ้านทำไมไม่บอกฉันสักคำ”
“ขอโทษนะคะ”
นอกจากคำขอโทษแล้ว เหลียงซินเวยก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอธิบายอย่างไรดี
โชคดีที่ผู้จัดการเป็นคนเห็นอกเห็นใจคนอื่น ถอนหายใจ พูดว่า “ช่างเถอะ เธอพักผ่อนเถอะ ฉันจะหาคนอื่นไปรับหน้าแทน”
“ขอบคุณค่ะผู้จัดการ”
หลังจากวางสาย เธอก็โยนโทรศัพท์มือถือลงบนโซฟา นั่งลง เอนหลังพิงโซฟา เงยหน้ามองเพดาน
อานอานได้ยินเสียง ก็เปิดประตูห้อง โผล่ศีรษะออกมา มองเห็นเหลียงซินเวยที่นั่งอยู่ในห้องรับแขก ก็เดินไปหาเธอทันที
“แม่ครับ ทำไมแม่กลับมาเร็วขนาดนี้ล่ะครับ”
เหลียงซินเวยหันไปมอง สายตาอ่อนโยนมองที่ใบหน้าอ่อนเยาว์บอบบางของเขา ริมฝีปากแดงโค้ง “น่าเบื่อเกินไป ก็เลยกลับบ้านก่อนจ้ะ”
“แล้วลุงฟางล่ะครับ” อานอานนั่งลงข้างๆเธอ ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เมื่อพูดถึงฟางยู่เชิน มุมปากเหลียงซินเวยก็ค้างแข็งทื่อทันที เธอเม้มริมฝีปาก นั่งหลังตรง เอาอานอานเข้ามาในอ้อมกอด พูดเบาๆว่า “ลูกชอบลุงฟางมากเลยเหรอ”
“อืม ผมชอบมากครับ” อานอานพยักหน้าแรงๆ
เหลียงซินเวยลูบศีรษะเขาอย่างอ่อนโยน มุมปากยิ้มอย่างจนปัญญา พึมพำเบาๆว่า “พวกเราสองคนแม่ลูกนี่ตาถึงเหมือนกันเลยนะ”
เสียงของเธอเบาไปหน่อย อานอานฟังไม่ชัด จึงขมวดคิ้ว “แม่ครับ แม่พูดอะไรนะ”
“ไม่มีอะไรจ้ะ” เหลียงซินเวยสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เก็บความคิดทุกอย่าง ยิ้มพลางถามว่า “ทำการบ้านเสร็จแล้วเหรอ”
“ทำเสร็จแล้วครับ”
“เก่งจริงๆ” เหลียงซินเวยชม ใจลอยเล็กน้อย ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี
“แม่ครับ แม่มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ” อานอานเป็นเด็กที่ละเอียดรอบคอบมาตั้งแต่เด็ก เขามองออกถึงความผิดปกติจากสีหน้าท่าทางเธอ
เหลียงซินเวยส่ายหน้า “ไม่มีอะไรนี่”
เธอลูบหน้าอานอานๆ พูดต่อว่า “แม่ไม่มีเรื่องอะไร ไม่ต้องห่วงนะ”
อานอานฉีกยิ้ม “งั้นก็ดีครับ”
เหลียงซินเวยยิ้ม “ในเมื่อไม่มีอะไร งั้นลูกรีบไปอาบน้ำ เข้านอนแต่หัวค่ำ พรุ่งนี้ยังต้องไปโรงเรียนอีกนะจ๊ะ”
“ครับ”
มองอานอานเดินเข้าห้องไป รอยยิ้มบนใบหน้าเหลียงซินเวยก็ค่อยๆจางหายไป ถอนหายใจอย่างแรง
เธอคิดไม่ถึงว่าอานอานจะชอบฟางยู่เชิน
ที่ได้ยินจากปากของเขามากที่สุดก็คือ”ลุงฟาง” ไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือเสียใจดี
……
วันต่อมา เรื่องการเกี่ยวดองของสองครอบครัวตระกูลฟางตระกูลเย่เป็นข่าวขึ้นมา ในนั้นยังมีเรื่องความรักความแค้นของฟางยู่เชิน เย่เสี่ยวอี้และผู้หญิงนิรนามสอดแทรกอยู่ด้วย
ในข่าวยังเขียนถึงผู้หญิงนิรนามคนนั้นว่าเป็นเมียน้อย บอกว่าเธอทำลายความสัมพันธ์ของฟางยู่เชินและเย่เสี่ยวอี้
การวิพากษ์วิจารณ์ในโซเชียลก็มีแต่แง่ลบ ต่างด่าว่าผู้หญิงคนนี้
วินาทีที่มองเห็นข่าวนี้ ฟางยู่เชินโกรธมาก หยิบโทรศัพท์มือถือพุ่งมาที่ห้องอาหา ตะคอกใส่พ่อแม่ที่กำลังทานอาหารเช้าว่า “พวกคุณทำเกินไปแล้วจริงๆ!”
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาระเบิดอารมณ์ใส่พ่อกับแม่
ฟางเถิงและซ่างหยิงต่างอึ้งกันหมด
ผ่านไปสักพัก ฟางเถิงเป็นคนตั้งสติกลับมาได้ก่อน คิ้วขมวดแน่นเข้ามา “ยู่เชิน นี่ลูกกำลังทำอะไรเนี่ย”
“ผมบอกแล้วไงครับว่าเรื่องแต่งงานผมไม่มีทางตกลง แต่ทำไมพวกคุณยังส่งข่าวไปลงอีก” ฟางยู่เชินสะกดกลั้นไฟโกรธที่คุกรุ่นอยู่ภายในใจ เอ่ยถามพลางกัดฟันกรอด
ฟางเถิงก็เข้าใจขึ้นมาทันที ยิ้มออกมา “พ่อคิดว่าเรื่องอะไร ที่แท้ก็เรื่องนี้นี่เอง พ่อกับเหล่าเย่ปรึกษากันแล้ว ไม่เร่งรัดให้พวกลูกแต่งงาน ให้พวกเธอลองคบหากันดูก่อน”
“ลองคบหากันเหรอ” จู่ๆฟางยู่เชินก็รู้สึกเหนื่อยใจ “พ่อ ทำไมพวกคุณถึงไม่เข้าใจที่ผมพูด ความหมายของผมก็คือผมไม่ชอบเย่เสี่ยวอี้!”
“ลูกไม่ลองศึกษาดูใจกัน จะรู้ได้ยังไงว่าไม่ชอบ” ฟางเถิงย้อนถามกลับไปอย่างไม่เข้าใจ
ฟางยู่เชินสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “ไม่ต้องลองคบกันหรอกครับ ชีวิตนี้ผมไม่มีทางชอบเธอ”
“ไอ้ลูกคนนี้!” ฟางเถิงเริ่มโมโหนิดหน่อยแล้ว
ซ่างหยิงกลัวว่าพ่อลูกจะทะเลาะกัน ก็รีบพูดว่า “เอาละ นี่เช้าขนาดนี้ไม่ต้องมาทะเลาะกันเพราะเรื่องนี้”
จากนั้น เธอก็พูดกับฟางยู่เชินด้วยความจริงใจว่า “ลูก พวกเราต่างก็หวังดีกับลูก พอตระกูลเย่ตระกูลฟางสองตระกูลเกี่ยวดองกัน พวกคณะกรรมการบริหารพวกนั้นก็จะไม่กล้ารังแกลูกอีก”
“ฮึ” ฟางยู่เชินหัวเราะเยาะ “ดังนั้นพวกคุณก็เลยคิดจะให้ผมแบกรับชื่อเสียงที่ต้องพึ่งพาอาศัยผู้หญิงคนหนึ่งเอาไว้เหรอครับ”
“แม่ไม่ได้หมายความอย่างนี้ แม่……” ตอนนี้ซ่างหยิงไม่รู้ว่าควรจะอธิบายอย่างไรดี
ฟางยู่เชินสูดลมหายใจเข้าลึกๆ น้ำเสียงยืนยันหนักแน่นว่า “ไม่ว่าพวกคุณจะหวังดีต่อผมหรือยังไงก็ตาม การแต่งงานนี้ผมก็ไม่มีทางตกลง พวกคุณล้มเลิกความคิดนี้เสียเถอะ”
พูดจบ ก็หมุนตัวเดินจากไป
นี่ทำให้ฟางเถิงโกรธจนโทษภรรยาว่า “คุณดูสิลูกชายที่คุณเอาใจนักหนา!”
“เอาละ คุณอย่าโกรธเลย” ซ่างหยิงตบเบาๆที่หน้าอกเขา “คุณก็ไม่ใช่ไม่รู้ ยู่เชินเป็นคนที่มีความคิดเป็นของตัวมาตั้งแต่เด็ก”
“มีความคิดเป็นของตนเองไม่ใช่เรื่องไม่ดี แต่ว่าก็ต้องคำนึงถึงความเป็นจริงบ้าง” ฟางเถิงยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ “ไม่ได้ การแต่งงานครั้งนี้ยังไงเขาก็ต้องยอมตกลง”
ได้ยินดังนั้น ซ่างหยิงขมวดคิ้ว “คุณคิดจะทำยังไง”
ฟางเถิงครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง พูดว่า “ถ้าคุณมีเวลาว่างบอกเสี่ยวอี้ว่า ให้เธอมาที่บ้านบ่อยๆ ให้พวกเขาสองคนได้มีโอกาสอยู่กันตามลำพังมากขึ้น”
ซ่างหยิงพยักหน้า “ได้ค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว”
……
พอเจียงสื้อสื้อตื่นขึ้นมาแต่เช้า โทรศัพท์ก็มีเสียงเตือนว่าได้รับข่าวใหม่เข้ามา เธอก็กวาดสายมองเหมือนปกติ
พอมองเห็น “ฟางยู่เชิน” สามคำนี้ เธอก็รีบหยิบโทรศัพท์มือขึ้นมา กดเปิดอ่านข่าวฉบับเต็ม
“แต่งงานเหรอ” เธอมองข่าวที่กำลังเป็นกระแสอย่างประหลาดใจ
คิ้วเรียวค่อยๆขมวดมุ่น พี่ไม่ได้บอกว่าจะไม่มีทางตกลงเหรอ ทำไมยังมีข่าวออกมาได้อีกละ
ตอนที่เธอกำลังคิดไม่ออกอยู่นั้นเอง ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
เธอรีบเก็บโทรศัพท์มือถือ เอ่ยถามว่า “ใครคะ”
“ซูหยุน ฉันเอง”
คือป้าเฉิน
เจียงสื้อสื้อรีบลุกขึ้นไปเปิดประตู
ป้าเฉินเห็นเธอยังสวมชุดนอนอยู่ ก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว “ทำไมยังไม่เปลี่ยนชุดอีก”
“ฉันจะเปลี่ยนเดี๋ยวนี้ค่ะ” เจียงสื้อสื้อรีบตอบ
ป้าเฉินพยักหน้า “ฉันจะมาบอกเธอว่า วันนี้เธอไม่ต้องไปช่วยงานที่ห้องครัวแล้ว คุณหนูให้เธอไปทำความสะอาดห้องชั้นบน”
เจียงสื้อสื้อได้ยิน แทบไม่อยากจะเชื่อ “ฉัน……ฉันขึ้นไปชั้นสองได้เหรอคะ”
“ใช่ ทำไมเหรอ”
เจียงสื้อสื้อหัวเราะแห้งๆ “คุณหนูไม่ได้บอกว่าไม่ให้ฉันขึ้นไปชั้นสองเหรอคะ”
“วันนี้คุณหนูกับคุณชายเฟิงเฉินจะออกไปข้างนอก ดังนั้นเธอขึ้นไปชั้นบนได้ตามสบาย”
ได้ยินว่าวันนี้จิ้นเฟิงเฉินจะออกไปนอกบ้าน หัวใจของเจียงสื้อสื้อก็หล่นวูบลงไปทันที เธอคิดว่าจะได้เจอเขาเสียอีก
เธอหลุบสายตาอย่างผิดหวังโดยไม่รู้ตัว ตอนแรกก็น่าจะคิดได้ว่าซ่างกวนหยวนจะให้เธอไปพบจิ้นเฟิงเฉินได้อย่างไรกัน
ป้าเฉินเห็นสีหน้าเธอแปลกๆ จึงถามอย่างเป็นห่วงว่า “เป็นอะไรเหรอ”
เจียงสื้อสื้อรีบเก็บซ่อนความรู้สึก ยิ้มพลางส่ายหน้า “ไม่มีอะไรค่ะ”
“งั้นก็ดี เธอรีบเปลี่ยนเสื้อผ้า รอพวกคุณหนูออกไปก่อน ค่อยขึ้นไปทำความสะอาดชั้นบน”
“ค่ะ”
เจียงสื้อสื้อปิดประตูห้อง ถอนหายใจอย่างท้อแท้ ดูท่าวันนี้จะไม่ได้เจอเฟิงเฉินอีกแล้ว