ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 1259 อดข้าว
ปากของเธอบอกว่าไม่มีอะไร แต่ว่าเสียงได้แหบเล็กน้อย ก็ได้มีเสียงสะอึกปนด้วย
ฟางยู่เชินก็ได้ปิดเอกสารลง ลุกขึ้น เอาเสื้อที่พาดอยู่พนักพิงเก้าอี้ขึ้น “เธออยู่ที่ไหน? ผมไปหาเธอ”
เหลียงซินเวยก็ได้ปฏิเสธอัตโนมัติ “ไม่ต้องมาหาฉันหรอกค่ะ ไม่เป็นอะไรจริงๆ”
เธอไม่อยากให้ฟางยู่เชินเห็นรอบช้ำที่หน้าของเธอ จะได้ไม่ทำให้เขาเป็นห่วง
แน่นอนว่าฟางยู่เชินไม่ตกลง เสียงก็ได้เข้มไปเล็กน้อย “เวยเวย เอาที่อยู่ให้ผม”
ไร้ทางเลือก เหลียงซินเวยก็ทำได้แค่เอาที่อยู่ให้เขา เป็นตลาดของกินแห่งหนึ่งในเมืองหลวง
“แม่ครับ พวกเรามาที่นี่ทำไมเหรอครับ?” พอพวกเขามาถึง อานอานก็ได้ถามด้วยความสงสัย
“เดี๋ยวคุณลุงฟางจะมาหาพวกเราค่ะ”
“คุณลุงฟางจะมาหาจริงๆ เหรอครับ?” อานอานรอคอยเอามาก
เหลียงซินเวยพยักหน้า “อืม จริงค่ะ”
เธอก็ได้ดึงยางมัดผมออก เอาผมปล่อยลงมา แล้วก็ได้แบ่งผมมาบังใบหน้าที่ได้บวมเล็กน้อย
ดูบนหน้าจอโทรศัพท์ ถึงได้วางใจ
แบบนี้ ก็ไม่ถูกจับได้แล้ว
ฟางยู่เชินก็ได้มาถึงที่อยู่ที่เหลียงซินเวยบอก รถจอดลง ผ่านกระจกบังลม ก็ได้มองเห็นเหลียงซินเวยกับอานอานที่อยู่ข้างนอกร้านทาโกะยากิร้านหนึ่ง
มุมปากของเขาก็ได้ชี้ขึ้นอย่างไม่รู้ตัว ลงรถ เดินไปทางพวกเขา
“คุณลุงฟาง!” อานอานเห็นเขาก่อน ก็ได้วิ่งไปด้วยความดีใจ
ฟางยู่เชินตั้งใจมองเหลียงซินเวยสักพัก เห็นว่าเธอไม่เป็นอะไรจริงๆ
ถึงได้ลูบหัวอานอาน ยิ้มแล้วถาม “คิดถึงอามากใช่หรือเปล่า?”
อานอานพยักหน้า น้ำเสียงที่ใสก็ได้ตอบไปเสียงดังว่า “คิดถึงครับ ไม่มีแค่ผมที่คิดถึง คุณแม่ของผมก็คิดถึง”
“พูดอะไร?” เหลียงซินเวยก็ได้พูดดุเสียงเบา พูดอย่างเก้อเขินว่า “เด็กไม่รู้เรื่อง ชอบพูดมั่วๆค่ะ”
“อ้อ?” ฟางยู่เชินเลิกคิ้ว “เพราะงั้นเธอไม่ได้คิดถึงผม?”
“ฉัน……” ต่อหน้าเด็ก เหลียงซินเวยก็ได้เขินอายแล้วไม่รู้จะตอบยังไงทันที
ฟางยู่เชินก็ได้แกล้งถอนหายใจอย่างผิดหวัง “ไหนๆ เธอก็ไม่ได้คิดถึงผม งั้นผมไปล่ะ”
พูดจบ เขาก็ได้หันตัวจะเดินออกไป
“คิดถึงคิดถึงคิดถึง” เหลียงซินเวยก็ได้รีบลากมือของเขาไว้
ฟางยู่เชินก็ได้หัวเราะออกมา ก็ได้มองเธอลึกซึ้งไป “ผมก็คิดถึงเธอ”
หน้าของเหลียงซินเวยก็ได้แดงทันที ถึงขั้นไม่กล้าที่จะจ้องตาเขาเล็กน้อย
ก็ได้หันตัวอย่างทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย “ฉันไปซื้อชานมก่อน”
พูดจบ ก็ได้รีบก้าวขาเดินไปตรงร้านขายชานมในที่ไม่ไกล
ฟางยู่เชินรู้ว่าเธอเขินแล้ว ใบหน้าที่ได้เต็มไปด้วยรอยยิ้มเอ็นดู มองเธอที่วิ่งไปไกล
“อานอาน พวกเราก็ตามไปเถอะ” เขาก็ได้จูงมืออานอาน แล้วก็ค่อยๆ เดินตามไป
ฟางยู่เชินได้เที่ยวเดินห้างเป็นเพื่อนเหลียงซินเวยกับอานอานทั้งคืน จนกระทั่งสี่ทุ่มถึงได้ส่งพวกเขากลับบ้าน
เห็นว่าพวกเขาได้เดินเข้าชุมชนแล้ว เขาถึงได้สตาร์ทรถขับออกไป
กลับไปถึงบ้าน พอเข้าไปในบ้าน ก็ได้เห็นคุณแม่ที่ได้นั่งดูทีวีที่ห้องรับแขก
เขาก็ได้เดินไป “แม่ครับ ทำไมแม่ยังไม่นอนครับ?”
ซ่างหยิงก็ได้ปิดทีวี หันไปมองเขา “ลูกไปเจอกับซ่างกวนหยวนแล้ว?”
ฟางยู่เชินพยักหน้า “ใช่ครับ ทำไมเหรอครับ?”
“เห็นข่าวหรือยัง?”
“เห็นแล้วครับ”
มองสีหน้าของเขา เหมือนว่าไม่ได้ใส่ใจเรื่องของข่าว
“ลูกไม่มีอะไรจะพูดหน่อยเหรอ?” ซ่างหยิงก็ได้ถามลองเชิง
ฟางยู่เชินได้มีสีหน้าที่งง “พูดอะไรครับ?”
ซ่างหยิงเงียบไปไม่กี่วิ ถึงได้พูด “ลูกคงไม่ได้ยังชอบซ่างกวนหยวนอยู่นะ?”
เห็นสีหน้าที่จริงจังของแม่ ฟางยู่เชินก็ได้หลุดขำออกมา “แม่ครับ แม่มองยังไงว่าผมนั้นยังชอบซ่างกวนหยวนอยู่?”
“ลูกไม่ได้ชอบ แล้วยังไปนัดคนอื่นเขาทานข้าวทำไม?”
ฟางยู่เชินส่ายหน้าอย่างไม่รู้จะทำยังไง “ผมก็แค่ช่วยสื้อสื้อ เธอเป็นคนบอกให้ผมนัดซ่างกวนหยวนออกมา”
“สื้อสื้อ? เรื่องนี้ทำไมไปเกี่ยวกับสื้อสื้ออีกแล้ว?” ซ่างหยิงขมวดคิ้ว
“เพราะว่าซ่างกวนหยวนไม่ให้เธอเข้าใกล้เฟิงเฉินตลอด ไม่รู้ทำยังไง เธอเลยทำได้แค่มาขอร้องผม”
พอฟางยู่เชินอธิบายไป ซ่างหยิงเข้าใจแล้ว จากนั้นก็ได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก “ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง”
“แม่ครับ นี่มันเป็นอะไรไปครับ?” ฟางยู่เชินสังเกตว่าแม่ของตนนั้นไม่ปกติ ก็ได้ถามอย่างสงสัย
“ก็เรื่องเสี่ยวอี้นั่นแหละ” ซ่างหยิงถอนหายใจแล้วส่ายหน้า “ก็เพราะเรื่องลูกกับซ่างกวนหยวน แม่ของเธอก็ได้โทรมาแม่หลายครั้ง พูดเน้นย้ำกับแม่ว่า ให้แม่สั่งสอนลูกดีๆ”
“สั่งสอนผม?” ฟางยู่เชินรู้สึกว่าน่าขำมากๆ “ทำไมถึงต้องสั่งสอนผมครับ?”
ตอนนี้เขาไม่ใช่เด็กสักหน่อ
“บอกว่าเสี่ยวอี้เห็นข่าว ก็ได้โมโหจนไม่ทานข้าวทั้งวัน” พูดถึงตรงนี้ ซ่างหยิงก็ได้ถอนหายใจอีกครั้ง “เสี่ยวอี้ก็ดื้อมากๆ ไม่ว่าพวกคุณอาเย่จะกล่อมเธอยังไงก็ไม่กิน บอกว่าให้ลูกไปอธิบายเรื่องราวกับเธอเอง”
ได้ยินแบบนั้น ฟางยู่เชินก็รู้สึกไร้เรี่ยวแรงทันที “แม่ครับ ผมพูดแล้ว ผมไม่ตกลงกับเรื่องที่จะให้ฟางเย่สองตระกูลแต่งงานกัน พวกท่านก็เลิกที่จะให้ผมไปพูดปลอบเธอเถอะครับ”
ซ่างหยิงขมวดคิ้ว “ยู่เชิน ทำไมลูกพูดแบบนี้ออกมา? เสี่ยวอี้ไม่ได้กินข้าวมาทั้งวันแล้วนะ หรือว่าลูกไม่ปวดใจเลยเหรอ?”
“เธอมีพ่อแม่เธอคอยปวดใจก็พอครับ”
ฟางยู่เชินไม่อยากที่จะเสียเวลากับเรื่องนี้ ก็ได้เปลี่ยนเรื่อง “แม่ครับ ผมขึ้นไปก่อนนะ แม่ก็รีบพักผ่อนนะครับ”
พูดจบ ก็ไม่รอให้ซ่างหยิงได้ตั้งตัว ก็ได้วิ่งขึ้นชั้นบน
“ฟางยู่เชิน!” ซ่างหยิงโมโหแล้ว
แต่พอเห็นแผ่นหลังของเขาได้หายไปจากการมองเห็น ก็ได้ถอนหายใจอย่างไร้หนทาง
เด็กคนนี้ก็ได้มีจุดยืนของตัวเองตั้งแต่เด็ก อยากที่จะให้เขาตกลงเรื่องแต่งงาน เกรงว่าต้องใช้เวลาอีกสักพัก
……
เย่เสี่ยวอี้อดอาหารมาทั้งวันทั้งคืนแล้ว สีหน้าไม่ดีมากๆ
พ่อเย่แม่เย่ก็ได้ปวดใจเอามาก ก็ได้พูดกล่อมให้เธอทานข้าวไม่หยุด แต่ว่าเธอก็ไม่กิน บอกให้ฟางยู่เชินมาแล้วถึงจะกิน
ช่วยไม่ได้ พ่อเย่ก็ทำได้แค่โทรไปหาฟางยู่เชิน
“คุณอาเย่ สวัสดียามสายครับ”
เสียงที่มีมารยาทของฟางยู่เชินก็ได้ดังขึ้น พ่อเย่ขมวดคิ้ว ก็ได้เปิดประเด็น “ยู่เชิน แม่ของเราได้บอกเรื่องของเสี่ยวอี้กับเราไหม?”
“พูดแล้วครับ”
พอพ่อเย่ได้ยิน คิ้วก็ได้ขมวดแน่น “ไหนๆ ก็พูดแล้ว เราทำไมไม่มาล่ะ?”
“คุณอาเย่ ช่วงนี้งานของผมค่อนข้างยุ่ง ไว้ค่อยไปเยี่ยมพวกท่านวันหลังครับ”
“ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น!” น้ำเสียงของพ่อเย่ก็ได้หนักไปเล็กน้อย “เสี่ยวอี้ได้หิวมาทั้งวันทั้งคืนแล้ว คนนั้นจะสลบไปแล้ว เรารีบมาที่ตระกูลเย่หน่อย”
“คุณอาเย่ ผมแยกตัวออกไปไม่ได้จริงๆ ครับ” ฟางยู่เชินก็ได้ปฏิเสธไปอย่างสุภาพ
พ่อเย่ก็ได้โมโหเลยทันที ก็ได้เสียงดังขึ้นมา “ยู่เชิน เสี่ยวอี้เป็นว่าที่ภรรยาของนายนะ นายทำไมถึงได้เย็นชาขนาดนี้ ไม่เป็นห่วงหน่อยเหรอ?”
ฟางยู่เชินก็ได้เงียบไปสักพัก “คุณอาเย่ เรื่องสัญญาแต่งงานผมไม่ได้ตกลงเลยตั้งแต่แรก เพราะงั้นเสี่ยวอี้ไม่ได้เป็นว่าที่ภรรยาของผมครับ”
“ยู่เชิน นายรู้ไหมว่ากำลังพูดอะไรอยู่?” พ่อเย่ก็ได้ตกใจกับคำพูดของฟางยู่เชิน
เรื่องสัญญาแต่งงานก็ได้ลงข่าวไปแล้ว ตอนนี้เขากลับมาบอกว่าไม่นับ
นี่มาเล่นตลกกับตระกูลเย่เหรอ?
“คุณอาเย่ ไว้ผมไปขอโทษกับคุณวันหลังครับ ผมยังต้องประชุม สวัสดีครับ”
“ฮะโหล! ฮะโหล!”
พ่อเย่คิดไม่ถึงว่าเขาจะวางสายไปเลยแบบนี้ ก็ได้โมโหจนปาดโทรศัพท์ลงโซฟา
แม่เย่ที่ได้ยินเข้าก็ได้รีบลงมา เดินไปตรงหน้าเขา ถาม “ยู่เชินว่าไง?”
“ว่าไง?” พ่อเย่ก็ได้หัวเราะอย่างเย็นชา “เขาบอกว่าเรื่องสัญญาแต่งงานมันไม่นับ บอกว่าเสี่ยวอี้ไม่ได้เป็นว่าที่ภรรยาของเขา!”