ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 1293 เลื่อนงานแต่งงาน
เจียงสื้อสื้อตื่นขึ้นมา สิ่งที่เห็นเป็นสิ่งแรกคือเพดานสีขาว จึงเดาได้ทันทีว่าที่นี่คือโรงพยาบาล เธอใช้แขนพยุงตัวเองลุกขึ้นนั่ง
ด้วยความที่รีบร้อนลุกขึ้นนั่ง ทำให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะ จนล้มตัวลงนอนบนเตียงอีกครั้ง
ซ่างหยิงที่นั่งหลับอยู่ข้างเตียงได้ยินการเคลื่อนไหวของเธอ จึงลืมตาขึ้น พอเห็นว่าเจียงสื้อสื้อตื่นแล้ว เธอรีบลุกขึ้นมาช่วยพยุงเธอลุกขึ้นนั่ง
“สื้อสื้อ ในที่สุดหลานก็ตื่นแล้ว น้าตกใจแทบตายรู้ไหม”
เจียงสื้อสื้อนวดขมับที่วิงเวียน ด้วยความช่วยเหลือของซ่างหยิง เธอถึงได้ลุกขึ้นนั่งช้าๆ
“น้าสะใภ้เล็กคะ ตอนนี้กี่โมงแล้วคะ”
“ตอนนี้…” ซ่างหยิงเหลือบมองนาฬิกา “เกือบหกโมงเย็นแล้วจ้ะ”
หกโมงเย็นอย่างนั้นเหรอ
เจียงสื้อสื้อหันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว
“น้าสะใภ้เล็กคะ งานแต่งงานเป็นยังไงบ้างคะ” นี่คือเรื่องที่เธอใส่ใจมากที่สุดในตอนนี้
“หลานเป็นถึงขนาดนี้แล้ว ยังจะเป็นห่วงเรื่องงานแต่งงานอยู่อีก” ซ่างหยิงถอนหายใจ “งานแต่งงานถูกเลื่อนออกไปแล้ว”
เลื่อนออกไป
เจียงสื้อสื้อถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะยกมุมปากของเธอขึ้น “ดีจริงๆ”
“พวกหลานทำอะไรทำไมไม่คิดถึงผลที่จะตามมาเลย โชคดีที่หลานไม่เป็นอะไรมาก ไม่อย่างนั้นแย่แน่ๆ”
พอได้ยินว่าเธอเป็นลมในงานแต่งงาน ซ่างหยิงตกใจจนเกือบจะเป็นลม
เด็กพวกนี้ทำอะไรไม่เคยบอกพวกเขาเลย แต่ละครั้งก็แทบจะทำให้พวกเขาหวั่นใจไปหมด
“ขอโทษค่ะ ที่ทำให้คุณน้าเป็นห่วง”
พอเห็นสีหน้ารู้สึกผิดของเจียงสื้อสื้อ ซ่างหยิงก็จงใจทำหน้าบึ้งตึง แล้วพูดอย่างโกรธเคือง “นี่หลานคิดว่าน้ากำลังโทษพวกหลานอยู่เหรอ”
“ไม่ใช่นะคะ” เจียงสื้อสื้อส่ายหน้า “น้าสะใภ้เล็กพูดเพราะเป็นห่วงพวกเรา”
“จากนี้ไปก่อนที่พวกหลานจะทำอะไรต้องบอกน้ากับน้าชายก่อนล่วงหน้า ถ้าเกิดอะไรขึ้นพวกน้าจะได้รับรู้ไว้”
เจียงสื้อสื้อพยักหน้ารับ “ค่ะ หนูเข้าใจแล้วค่ะ”
“พวกหลานเข้าใจก็ดีแล้ว ถ้ามีครั้งต่อไป น้าไม่ยกโทษให้พวกหลานแน่ๆ”
เจียงสื้อสื้อกอดแขนของเธอไว้ แล้วพูดออดอ้อน”น้าสะใภ้เล็กคะ น้าดีกับหนูที่สุดเลยค่ะ”
“หลานนี่นะ ชอบเก็บเรื่องทุกอย่างไว้ในใจ น้าสะใภ้เล็กกับน้าชายของหลานเป็นห่วงหลานจริงๆ”
หลังจากเกิดเรื่องกับจิ้นเฟิงเฉิน ถึงแม้อยู่ต่อหน้าพวกเขา เธอจะทำตัวเข้มแข็ง แต่ไม่รู้ว่าลับหลังเธอจะรู้สึกเสียใจมากแค่ไหน
พอคิดว่าเธอลำบากมามากขนาดนั้น ซ่างหยิงก็ปวดใจจนเธอกอดเธอไว้แน่น “พวกเราคือครอบครัวของหลาน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเราก็จะช่วยหลานทุกอย่างโดยไม่มีเงื่อนไข”
จมูกของเจียงสื้อสื้อเริ่มแสบ ก่อนที่น้ำตาจะไหลออกมาเต็มหน้า เธอกอดแขนของซ่างหยิงไว้ แล้วพูดด้วยเสียงสะอึกสะอื้น “น้าสะใภ้เล็กคะ ขอบคุณนะคะ”
“เด็กโง่ เราเป็นครอบครัวเดียวกันจะขอบคุณทำไมกัน” ซ่างหยิงลูบหัวเธอเบา ๆ “ไม่ต้องห่วง เฟิงเฉินจะต้องกลับมาเร็ว ๆ นี้แน่ๆจ้ะ”
“ค่ะ”
เจียงสื้อสื้อสูดน้ำมูก ถึงแม้จะยังมีน้ำตาไหลอยู่ แต่มุมปากของเธอก็ยกยิ้มขึ้นมาเบาๆ
เธอเองก็เชื่อว่าเฟิงเฉินจะต้องกลับมาในเร็ววันนี้แน่ๆ
……
ฟางเถิงพูดหลุดปากโดยไม่ทันตั้งตัว ทำให้ฟางเสว่มั่นรู้ว่าเจียงสื้อสื้อรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล
“สื้อสื้อเป็นอะไรไป เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” ฟางเสว่มั่นร้อนใจจนหน้าซีด
“พี่ไม่ต้องห่วง สื้อสื้อไม่เป็นไรแล้วครับ”
ฟางเสว่มั่นไม่เชื่อคำพูดของฟางเถิง “ไม่เป็นไรแล้วจะเข้าโรงพยาบาลได้ยังไงกัน จะต้องเกิดอะไรขึ้นแน่ๆ แต่พวกนายปิดบังพี่ไว้แน่ๆ”
เธอส่ายหน้า แล้วพูด “ไม่ได้แล้ว นายพาพี่ไปดู ไม่อย่างนั้นพี่ต้องไม่สบายใจ”
พอฟางเสว่มั่นยืนกราน ฟางเถิงจึงได้แต่ยอมพาเธอไปที่โรงพยาบาลที่เจียงสื้อสื้อรักษาตัวอยู่
พอเห็นแม่ของเธอเข้ามาในห้อง เจียงสื้อสื้อจึงรู้สึกประหลาดใจมาก “แม่คะ แม่มาที่นี่ได้ยังไงคะ?”
เธอมองไปทางฟางเถิงด้วยแววตาประหลาดใจ
“น้าหลุดปากพูดออกไปน่ะ” ฟางเถิงมีสีหน้ารู้สึกผิด
เพราะสุขภาพร่างกายของฟางเสว่มั่น พวกเขาจึงเลือกที่จะปิดบังเรื่องทุกอย่างกับเธอ
พอฟางเสว่มั่นได้ยินแบบนี้ เธอก็ไม่พอใจขึ้นมา “ถ้าไม่ใช่เพราะน้าชายของลูกหลุดปากพูดออกมา ลูกตั้งใจจะปิดบังแม่ต่อไปใช่ไหม”
เจียงสื้อสื้อกับฟางยู่เชินนิ่งเงียบไม่ตอบ
“เจียงสื้อสื้อ” เธอรู้สึกโกรธมาก “ลูกยังเห็นแม่อยู่ในสายตาบ้างไหม”
“แม่คะ อย่าเพิ่งโมโหสิคะ หนูไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังแม่นะคะ หนูแค่…แค่…” เจียงสื้อสื้อไม่รู้จะแก้ตัวยังไง
“เสว่มั่น พี่อย่าโทษสื้อสื้อเลย ที่ต้องปิดบังน้อง ก็เพื่อสุขภาพของพี่นะครับ” ฟางเถิงพูดเกลี้ยกล่อม
“เพื่อสุขภาพของพี่เหรอ” ฟางเสว่มั่นพูดอย่างโมโห”แต่พวกนายทำแบบนี้ต่างหาก ที่จะทำให้สุขภาพของพี่แย่ลง”
เจียงสื้อสื้อก้มหน้าลง “แม่คะ หนูขอโทษค่ะ”
พอเธอเอ่ยขอโทษ ฟางเสว่มั่นก็โกรธไม่ลงอีกต่อไป จึงได้แต่ถอนหายใจออกมา “ลูกนะลูก ตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยระบายเรื่องทุกข์ใจให้แม่ฟังเลย แม่เป็นแม่ของลูกนะ แม้แต่ลูกประสบอุบัติเหตุแม่ยังไม่รู้ แม่ถือเป็นแม่ที่ล้มเหลวมากขนาดไหน”
“แม่คะ หนูจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้วค่ะ”
ฟางเสว่มั่นจะทำใจตำหนิเธอจริงๆได้ยังไงกัน เธอแค่โกรธที่ลูกสาวปิดบังเรื่องสำคัญแบบนี้กับเธอเท่านั้นเอง
เธอเดินไปนั่งที่ขอบเตียง ก่อนจะเอื้อมมือออกไปช่วยเธอทัดผมที่ล่วงบริเวณแก้มไว้ที่ใบหูของเธอ แล้วจ้องมองใบหน้าที่ค่อนข้างซีดเซียวของเธอด้วยสีหน้าปวดใจ
“เด็กโง่ แม่เป็นห่วงลูกมากนะ”
“แม่คะ” เจียงสื้อสื้อกอดเธอไว้ ขอบตาร้อนผ่าว ก่อนน้ำตาจะไหลออกมา “หนูไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังแม่จริงๆนะคะ ไม่ใช่จริงๆ”
“โอเคจ้ะ แม่ไม่โกรธลูกแล้ว” ฟางเสว่มั่นพูดปลอบโยน ก่อนจะยกมือขึ้นมาช่วยเธอเช็ดน้ำตา พร้อมกับยิ้มอย่างอ่อนโยน “ไม่ต้องร้องไห้แล้ว ร้องไห้งอแงเป็นเด็กไปได้ ไม่สวยเลยสักนิด”
“ถึงหนูจะไม่สวยก็ยังเป็นลูกสาวของแม่อยู่ดี” เจียงสื้อสื้อปาดน้ำตา “แม่คะ หนูไม่เป็นอะไรแล้ว แม่ไม่ต้องห่วงนะคะ”
ฟางเสว่มั่นสำรวจอย่างละเอียดถี่ถ้วน ก่อนจะขมวดคิ้ว “สีหน้าของลูกยังดูไม่ดีเลย”
เธอหันไปมองฟางเถิง “อาเถิง คงต้องรบกวนหยิงหยิง ช่วยทำซุปบำรุงร่างกายให้สื้อสื้อดื่มแล้ว”
“ได้ครับ” ฟางเถิงพยักหน้ารับ
เจียงสื้อสื้อยิ้มบาง “แม่คะ ไม่ต้องห่วงนะคะ น้าสะใภ้เล็กดูแลหนูเป็นอย่างดีมาเสมอ ตอนนี้ น้าสะใภ้เล็กน่าจะกลับบ้านไปทำซุปแล้ว”
“น้าสะใภ้เล็กของลูกช่างเอ็นดูลูกจริงๆ”
พอพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของฟางเสว่มั่นปรากฏแววตารู้สึกผิด “แม่รู้สึกขอบคุณน้าสะใภ้เล็กของลูกจริงๆที่ดูแลลูกแทนแม่ ไม่อย่างนั้นแม่คงจะยิ่งรู้สึกผิดกับลูกมากขึ้น”
“แม่คะ แม่พูดอะไรแบบนี้ล่ะคะ” เจียงสื้อสื้อจับมือเธอแน่น “ขอแค่แม่สุขภาพแข็งแรง ไม่มีอะไรสำคัญไม่กว่านี้แล้วค่ะ”
ฟางเสว่มั่นยกยิ้ม ก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ เธอจึงถามด้วยความสงสัย”ทำไมถึงไม่เห็นเฟิงเฉินเลยล่ะ เขาไปไหนแล้ว?”
เจียงสื้อสื้อกับฟางเถิงมองหน้ากัน ก่อนจะตอบออกมา”แม่คะ เฟิงเฉินเดินทางไปทำธุระที่อื่นค่ะ แม่ก็รู้ว่าจิ้นกรุ๊ปธุรกิจใหญ่โตขนาดไหน แน่นอนว่าต้องงานยุ่งมาก”
“เขายุ่งก็จริง แต่เขาควรสละเวลามาดูแลลูกบ้าง”
“แม่คะ แม่ก็รู้ว่าเฟิงเฉินดูแลหนูอย่างดีมาโดยตลอด เขางานยุ่ง หนูจะรั้งเขาไว้โดยเปล่าประโยชน์ได้ยังไงกัน”
ฟางเสว่มั่นถอนหายใจ “เอาเถอะ ลูกพูดยังไงก็อย่างนั้น”
เจียงสื้อสื้อยกยิ้ม “ยังไงแม่ก็ดีกับหนูที่สุดเลยค่ะ”