ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 1298 อย่าเรียกฉันว่าคุณเจียงค่ะ
ไม่ว่าซ่างกวนหยวนจะถามอะไร จิ้นเฟิงเฉินก็ไม่ยอมที่จะบอกเรื่องที่เจียงสื้อสื้อคุยกับเขา
สุดท้าย ซ่างกวนหยวนก็โกรธจนร้องไห้ออกมา
“ที่แท้ในใจของคุณฉันก็ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว”
พอเห็นเธอร้องไห้ จิ้นเฟิงเฉินก็อดไม่ได้ ซ่างกวนหยวนยังคงตะโกนต่อ “ถ้าคุณอยากจะกลับไปหาเจียงสื้อสื้อ คุณก็บอกกับฉันมาตรงๆ ไม่ต้องมาปิดบัง”
“หยวนหยวน…”
จิ้นเฟิงเฉินตั้งใจจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ซ่างกวนหยวนไม่อยากฟัง “คุณไม่จำเป็นต้องพูดอะไรแล้ว ฉันจะให้คนใช้ช่วยคุณจัดของเดี๋ยวนี้”
พอพูดจบ เธอก็ยกมือปาดน้ำตา แล้วหันหลังเดินจากไป
“หยวนหยวน”
จิ้นเฟิงเฉินเดินไปข้างหน้าเพื่อขวางเธอไว้
“ถอยไปนะ” ซ่างกวนหยวนยื่นมือผลักเขาออกไป แต่กลับถูกเขาจับข้อมือไว้แน่น
“เธอแค่พูดเรื่องในอดีตให้ผมฟัง”
ซ่างกวนหยวนเงยหน้ามองมาที่เขา “จริงเหรอคะ?”
จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้า “ปมไม่มีความจำเป็นจะต้องโกหกคุณ”
ซ่างกวนหยวนกัดริมฝีปากของเธอ “ก็ได้ค่ะ ฉันจะเชื่อคุณ แต่คุณต้องสาบานว่าจะไม่ไปเจอเจียงสื้อสื้ออีก”
ไม่ให้ไปเจอเจียงสื้อสื้ออีกอย่างนั้นเหรอ?
แล้วเขาจะไปหาลูกได้ยังไง?
จิ้นเฟิงเฉินขมวดคิ้ว “จำเป็นด้วยเหรอ?”
“ทำไมคะ คุณไม่ยอมอย่างนั้นเหรอ”
ในมุมมองของซ่างกวนหยวน พวกเธอจะอยู่อย่างสงบสุขได้ก็ต่อเมื่อเขาไม่ได้เจอเจียงสื้อสื้ออีกต่อไป
“ผมคิดว่าไม่จำเป็น” จิ้นเฟิงเฉินพูดออกมาตามความจริง
ซ่างกวนหยวนยิ้มเยาะเย้ย “มันไม่จำเป็น หรือเพราะคุณยังอยากเจอเธออีกกันแน่?”
จิ้นเฟิงเฉินนิ่งเงียบ
ดูเหมือนว่าจะเป็นอย่างหลัง
ในครั้งนี้ซ่างกวนหยวนไม่รีบร้อน เธอพูดช้าๆ “เฟิงเฉินคะ ในตอนนั้น เพื่อช่วยคุณ ฉันต้องไปขอร้องเบอร์เกน จนตัวเองเกือบต้องตาย”
มือมฝทั้งสองข้างของจิ้นเฟิงเฉินกำหมัดแน่น
ซ่างกวนหยวนมองเขาเงียบๆ ก่อนจะพูดต่อ”ดูเหมือนว่าคุณจะไม่ได้รักฉันจริง ๆ ไม่อย่างนั้น ทำไมคุณถึงไม่ยอมสาบาน?”
จิ้นเฟิงเฉินหลับตาลง จากนั้นก็ลืมตาขึ้นมามองเธอนิ่ง “ผมขอบคุณที่คุณช่วยชีวิตผมไว้ ถ้าไม่มีคุณ ก็คงไม่มีผมในตอนนี้”
“แล้วคุณจะยอมสาบานไหมคะ” แม้ว่าซ่างกวนหยวนจะรู้สึกประทับใจกับสิ่งที่เขาพูด แต่เธอก็ยังไม่ลืมเรื่องจะให้เขาสาบาน
“ฉันสาบานเรื่องอื่นกับคุณได้ แต่ต้องไม่ใช่เรื่องนี้”
พอได้ยินแบบนี้ ซ่างกวนหยวนก็ยิ้มออกมา แต่รอยยิ้มนั้นกลับไม่ปรากฏอยู่ในแววตาของเธอเลย “เป็นเพราะเจียงสื้อสื้อใช่ไหมคะ?”
จิ้นเฟิงเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย “ใช่ และไม่ใช่”
“แล้วตกลงใช่หรือไม่ใช่คะ” เสียงของซ่างกวนหยวนแหลมขึ้น จากนั้นเธอก็นิ่งคิด ก่อนจะถามด้วยความหวังริบหรี่ “หรือเป็นเพราะเรื่องลูก?”
จิ้นเฟิงเฉินรู้สึกเริ่มหมดความอดทนเล็กน้อย เขาไม่ต้องการที่จะเรื่องนี้อีกต่อไป จึงพูดเออออไปด้วย “ใช่ เพราะเรื่องลูก ”
เขาทำเพื่อเจียงสื้อสื้อ และเพื่อลูกๆ
แต่ด้วยความที่ซ่างกวนหยวนถามแบบนั้น เขาจึงใช้โอกาสนี้เออออตามไปด้วย
ซ่างกวนหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้า “ถ้าเป็นเพราะเรื่องลูกก็ได้ค่ะ ฉันให้คุณไปเยี่ยมลูกได้ แต่ต้องไม่เจอกับเจียงสื้อสื้อ”
จิ้นเฟิงเฉินกำหมัดแน่น ไม่อยากที่จะตอบ
แต่มันก็ชัดเจน ว่าถ้าเขาไม่ตอบตกลงกับข้อเสนอของเธอ เธอคงจะอาละวาดจนมืด
เขาจึงพยักหน้ารับ “ตกลง ผมสัญญา”
คำสัญญาของเขาไม่ได้ทำให้ซ่างกวนหยวนรู้สึกสบายใจเลย
“คุณต้องทำตามที่คุณพูดด้วยนะคะ” ซ่างกวนหยวนเอ่ยพูด
“ครับ”
จากนั้นซ่างกวนหยวนก็ยิ้มอย่างพึงพอใจ “ไม่มีอะไรแล้วค่ะ กลับห้องไปพักผ่อนเถอะ”
พอเห็นจิ้นเฟิงเฉินเข้าไปในห้อง รอยยิ้มบนใบหน้าของซ่างกวนหยวนก็ค่อยๆ จางหายไป กลายเป็นสีหน้าเย็นชาเข้ามาแทนที่
เธอหันหลังและเดินลงไปข้างล่างอย่างรวดเร็ว เรียกก่อนจะเรียกพ่อบ้านออกมาหา
“ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปจับตาดูคุณชายเฟิงเฉินตลอดเวลา และไม่อนุญาตให้เขาออกไปโดยไม่ได้รับอนุญาตจากฉัน ถ้าเขาต้องการออกไป สั่งให้คนแอบตามเขาไปด้วย”
พ่อบ้านพยักหน้ารับคำสั่ง “ได้ครับ ผมเข้าใจแล้ว”
“เรื่องเหมือนวันนี้อย่าให้เกิดขึ้นอีกเด็ดขาด” ซ่างกวนหยวนพูดเสริม
“ครับ”
พอจิ้นเฟิงเฉินกลับเข้ามาที่ห้อง เขาเดินไปนั่งที่ขอบเตียง แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา เลื่อนหาเบอร์โทรของเจียงสื้อสื้อ กำลังลังเลว่าจะโทรหาเธอดีหรือเปล่า
ทันใดนั้นเอง โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้นมา
คนที่โทรมาคือเจียงสื้อสื้อ
เขารีบกดรับสาย “สวัสดีครับคุณเจียง”
“ฉันบอกว่าอย่าเรียกฉันว่าคุณเจียงไงคะ”
เสียงไม่พอใจของเจียงสื้อสื้อดังมาตามสาย จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้รู้สึกไม่ชอบใจเลย อีกทั้งมุมปากของเขาก็ยกยิ้มเล็กน้อย
เขาเปลี่ยนคำเรียก “สื้อสื้อ”
เสียงหัวเราะของเจียงสื้อสื้อดังมาตามสาย “ดีมากค่ะ”
“คุณมีอะไรหรือเปล่าครับ” จิ้นเฟิงเฉินเอ่ยถาม
“หรือว่าไม่มีเรื่องอะไรฉันจะโทรหาคุณไม่ได้คะ” เจียงสื้อสื้อถามแทนตอบ
จิ้นเฟิงเฉินตอบอย่างรวดเร็ว “แน่นอนว่าต้องไม่ใช่อยู่แล้วสิครับ”
เจียงสื้อสื้อนิางเงียบไปสักพัก ก่อนจะพูดอีกครั้ง “ฉันแค่อยากถามว่าคุณกลับถึงบ้านหรือยังคะ?”
“ถึงแล้วครับ”
“เธอหาเรื่องให้คุณลำบากใจหรือเปล่า”
เจียงสื้อสื้อกลัวว่าถ้าซ่างกวนหยวนรู้ว่าเขามาหาเธอ เธอจะทำให้เขาลำบากใจ
“ไม่ครับ”
เขาตอบเร็วเกินไป ทำให้เจียงสื้อสื้อรู้สึกไม่เหมือนจริง
“เธอคงหาเรื่องให้คุณลำบากใจสินะคะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจ
เพราะกลัวว่าเธอจะกังวล จิ้นเฟิงเฉินจึงได้เพียงอธิบาย “ไม่ครับ คุณอย่าคิดมาก เธอไม่ได้ทำให้ฉันลำบากใจอะไร”
“ทางที่ดีควรจะเป็นแบบนี้ค่ะ” เจียงสื้อสื้อถามอย่างมีความหวัง: “จริงสิคะ คุณตั้งใจจะเข้าไปหาลูกเมื่อไหร่คะ เถียนเถียนกับเสี่ยวเป่าต่างก็คิดถึงคุณมาก”
พอเห็นท่าทางของหยวนหยวนในคืนนี้ จิ้นเฟิงเฉินคิดว่าเขาคงจะออกไปไหนในช่วงเวลานี้ไม่ได้แน่ๆ
แต่เขาทนที่จะเห็นเจียงสื้อสื้อผิดหวังไม่ได้
ดังนั้น เขาจึงกะเวลาประมาณไว้ “รออีกสักสองสามวันก็แล้วกันครับ”
“คุณห้ามโกหกฉันนะคะ” เจียงสื้อสื้อกลัวว่าเขาจะพูดออกมาลอยๆ
“ฉันจะโกหกคุณได้ยังไงล่ะ” จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้สังเกตเลยว่าน้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความอ่อนโยน
“ฉันเชื่อคุณค่ะ”
ขอแค่เป็นเรื่องที่เขารับปากกับเธอไว้ เขาก็จะทำตามที่พูด
ทั้งสองคุยกันอยู่พักหนึ่ง เพราะพวกเขากลัวว่าจะถูกซ่างกวนหยวนจับได้ เจียงสื้อสื้อจึงไม่กล้าคุยกันนานเกินไป เธอจึงวางสายไปอย่างไม่เต็มใจ
แต่ก่อนที่จะวางสาย เธอพูดย้ำเตือนจิ้นเฟิงเฉิน อย่าเก็บประวัติการโทรของเธอไว้ในโทรศัพท์
จิ้นเฟิงเฉินหัวเราะ “ผมรู้ครับ ฉันไม่ได้บันทึกหมายเลขไว้ ฉันจำเบอร์คุณได้ขึ้นใจแล้ว”
เจียงสื้อสื้อเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าความทรงจำของเขาดีมากแค่ไหน แน่นอนว่าต้องจำหมายเลขของเธอได้ขึ้นใจแล้ว
หลังจากวางสายไป เจียงสื้อสื้อก็เอนตัวลงบนเตียง เธอคิดไม่ถึงเลยว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเฟิงเฉินจะพัฒนาขึ้นอีกขั้นหนึ่งแล้ว มุมปากของเธอยกยิ้มกว้าง
เธอเชื่อว่าอีกไม่นาน เขาจะต้องจำเธอได้
……
อาการของเจียงสื้อสื้อไม่ได้เป็นอะไรมาก แพทย์จึงให้เธอกลับไปพักฟื้นที่บ้าน
ฟางยู่เชินมาที่โรงพยาบาลเพื่อพาเธอกลับบ้าน ระหว่างทางกลับ เธอบอกว่าจิ้นเฟิงเฉินมาหาเธอ
“เขามาหาน้องที่โรงพยาบาลอย่างนั้นเหรอ?” ฟางยู่เชินตกใจมาก
เจียงสื้อสื้อพยักหน้า “ใช่ค่ะ”
“มาคนเดียว?”
“ใช่ค่ะ เขามาคนเดียว”
ฟางยู่เชินหันไปมองเธอ แล้วถาม “เกิดอะไรขึ้น”
“เขาเป็นห่วงฉัน ก็เลยมาเยี่ยมฉันที่โรงพยาบาลค่ะ”
ฟางยู่เชินขมวดคิ้ว “นั่นหมายความว่าเขายังมีน้องอยู่ในใจอย่างนั้นใช่ไหม”
“เขามีฉันอยู่ในใจเสมอค่ะ แต่เขาแค่สูญเสียความทรงจำไป” เจียงสื้อสื้อพูด