ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 1299 ขอตัวช่วย
ถ้าหากไม่มีซ่างกวนหยวนเข้ามาขัดขวาง เจียงสื้อสื้อเชื่อว่าจิ้นเฟิงเฉินจะต้องจำตัวเองได้นานแล้ว
“น้องพูดถูก” ฟางยู่เชินยิ้มเล็กน้อย “น้องเขยมีน้องอยู่ในใจเสมอ ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่คิดที่จะเลื่อนงานแต่งงานออกไป แต่ว่า…”
เขาหันไปมองทางเจียงสื้อสื้อ “เรายังต้องสู้ต่อไป”
เจียงสื้อสื้อยกยิ้ม “แน่นอนค่ะ”
รถแล่นเข้าไปจอดที่ลานบ้านของตระกูลฟาง เจียงสื้อสื้อมองจากกระจกรถ เห็นรถที่คุ้นเคยจอดอยู่ที่ลานจอดรถของบ้าน
ทันทีที่รถจอด เธอเปิดประตูและลงจากรถ แล้วเดินไปมองป้ายทะเบียนรถ ก่อนจะถามด้วยความสงสัย “เฟิงเหราอยู่ที่นี่เหรอคะ?”
เธอหันไปมองฟางยู่เชิน
ฟางยู่เชินยิ้มและพยักหน้าให้ “ไม่ใช่เขาคนเดียวด้วยนะ”
“ใครอีกคะ” เจียงสื้อสื้อรู้สึกงงเล็กน้อย
“เข้าไปดูสิ แล้วจะรู้เอง”
พอได้ยินแบบนี้ เธอกับฟางยู่เชินก็เดินเข้าไปในบ้านพร้อมกัน และทันทีที่พวกเธอเดินเข้าประตูไป พวกเธอก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมา
“ช่วงนี้แม่ของผมบ่นถึงพี่ชายทุกวัน ผมก็เลยอยากพาพวกท่านไปหาเขาด้วย”
เจียงสื้อสื้อเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว พอเธอเห็นคนที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น เธอก็อุทานด้วยความดีใจ “คุณพ่อ คุณแม่คะ”
พอพ่อจิ้นกับแม่จิ้นได้ยินเสียงก็หันกลับมามองพร้อมๆ กัน พอเห็นเธอ คู่สามีภรรยาทั้งสองก็ยิ้มอย่างเอ็นดู
“สื้อสื้อกลับมาแล้วเหรอลูก” แม่จิ้นลุกขึ้นเดินอ้อมโซฟาเข้ามาหาเธอ แล้วมองเธออย่างเอ็นดู ก่อนจะขมวดคิ้ว “เป็นยังไงบ้างลูก?”
ความเป็นห่วงของแม่จิ้น ทำให้เจียงสื้อสื้อน้ำตาคลอเบ้า เธอเม้มริมฝีปากของเธอ แล้วส่ายหน้าไปมา ก่อนจะพูด “คุณแม่คะ หนูไม่เป็นไรแล้วค่ะ”
“ดีแล้วจ้ะ” ในที่สุดแม่จิ้นก็สบายใจสักที
ทันทีที่ได้ข่าวว่าเธอเป็นลม แม่จิ้นเป็นห่วงมาก แล้วเรียกให้เฟิงเหราพาเธอมาที่เมืองหลวง จะได้ไปเยี่ยมเฟิงเฉินด้วย
แม่จิ้นจับมือเธอไว้ แล้วพาเธอไปนั่งที่โซฟา
“ถ้ารู้สึกไม่สบาย ก็ขึ้นไปพักผ่อน” พ่อจิ้นพูด
เจียงสื้อสื้อเม้มปาก แล้วส่งยิ้ม “คุณพ่อคะ หนูไม่เป็นไรแล้วค่ะ ไม่ต้องห่วงนะคะ”
พ่อจิ้นพยักหน้า แล้วไม่พูดอะไรอีก
“คุณพ่อกับคุณแม่มาที่นี่เพื่อมาเจอเฟิงเฉินหรือเปล่าคะ” เจียงสื้อสื้อเอ่ยถาม
พ่อจิ้นกับแม่จิ้นมองหน้ากัน จากนั้นแม่จิ้นก็พยักหน้า “ใช่จ้ะ ลูกได้เจอเขาแล้วหรือยัง”
พวกเขาได้ยินเฟิงเหราบอกว่าซ่างกวนหยวนไม่มีวันปล่อยให้พวกเขาได้เจอจิ้นเฟิงเฉิน
เจียงสื้อสื้อนิ่งคิดอยู่สักพัก “หนูได้เจอเขาแล้วค่ะ เขาบอกว่าอีกไม่กี่วันเขาจะมาเยี่ยมลูกๆที่บ้านค่ะ”
หลังจากที่คำพูดนี้จบลง ทุกคนในห้องก็ตกใจกันหมด
“เขาบอกว่าจะกลับมาบ้านอย่างนั้นเหรอ?” ซ่างหยิงเป็นคนแรกที่ถาม
เจียงสื้อสื้อยกยิ้ม แล้วพยักหน้า “อืม นั่นเป็นสิ่งที่เขาสัญญากับหนูไว้ค่ะ”
“เดี๋ยวก่อนนะ” ซ่างหยิงขมวดคิ้ว “เขาสัญญากับหลานได้ยังไง”
“เขามาเยี่ยมหนูที่โรงพยาบาลค่ะ”
พอนึกถึงตอนที่จิ้นเฟิงเฉินมาเยี่ยมเธอ เจียงสื้อสื้อก็ยิ้มกว้าง
“ที่แท้เขาก็ไปเยี่ยมลูกจริงๆ” แม่จิ้นทั้งดีใจและปลื้มใจ “ถึงเด็กคนนั้นจะความจำเสื่อม แต่เขาก็ยังคิดถึงสื้อสื้ออยู่ตลอด”
“สื้อสื้อเองก็พูดเหมือนกันครับ” ฟางยู่เชินพูด”ดังนั้น เราต้องเชื่อใจในตัวน้องเขย เขาจะต้องฟื้นความจำได้ในไม่ช้านี้แน่นอน”
“ผมเชื่อในตัวพี่ชายของผมมาโดยตลอดอยู่แล้วครับ” จิ้นเฟิงเหราที่นิ่งเงียบพูดขึ้นมา
“คุณเชื่อในตัวพี่ชายเสมอมา ทำไมฉันถึงไม่รู้เลยล่ะคะ”
เสียงหวานที่คุ้นเคยดังขึ้นมา เจียงสื้อสื้อหันไปตามเสียง จึงเห็นส้งหวั่นชีงเดินลงบันไดมาพร้อมกับเด็กในอ้อมแขนของเธอ
เธอประหลาดใจมาก “หวั่นชีงก็มาด้วยเหรอ?”
จิ้นเฟิงเหราลูบจมูกของตัวเอง “เธออาละวาดอยากมาหาพี่สะใภ้ ผมรั้งไว้ไม่ไหว ก็เลยต้องพาเธอมาด้วยครับ”
“พี่สะใภ้คะ” ส้งหวั่นชีงเดินเข้ามา มองเจียงสื้อสื้อด้วยรอยยิ้มกว้าง
เจียงสื้อสื้อลุกขึ้นเดินไปอุ้มเด็ก และพูดอย่างอ่อนใจ”เธอไม่ควรจะพาลูกมาด้วยเลย มันลำบากมาก”
“ไม่ลำบากเลยค่ะ” ส้งหวั่นชีงก้มตัวลงไปบีบจมูกเล็กๆ ของลูกชายเบาๆ “และเล่อเล่อเองก็คิดถึงคุณป้าเหมือนกันครับ”
พอได้ยินแบบนี้ เจียงสื้อสื้อก็ก้มหน้าลง แล้วมองไปที่หน้าตาที่น่ารักของเด็กในอ้อมกอด และมุมปากของเธอก็อดที่จะยกขึ้นไม่ได้ “เจ้าตัวเล็กน่ารักมากเลย”
“แน่นอนสิคะ ฉันคลอดออกมาต้องน่ารักอยู่แล้ว” ส้งหวั่นชีงเชิดหน้าหน้าขึ้นด้วยท่าทางภาคภูมิใจ
คนอื่นๆจึงอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
ซ่างหยิงเห็นทุกคนกำลังมีความสุข จึงพูดแนะนำออกมา “วันนี้ออกไปกินข้าวข้างนอกกันเถอะค่ะ อุตส่าห์ได้มารวมตัวกันสักครั้ง”
ฟางยู่เชินพยักหน้า “ได้ครับ คุณแม่ตัดสินใจได้เลยครับ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ตกลงตามนี้นะคะ” ซ่างหยิงลุกขึ้น “ฉันขอไปจองโต๊ะก่อนนะคะ”
เธอหยิบโทรศัพท์มือถือเดินไปที่ห้องอาหาร เธอเดินมาไปครึ่งทาง เธอก็หยุดเดิน แล้วหันกลับมามองฟางยู่เชิน “ลูกโทรเรียกเสี่ยวอี้มาด้วย”
ฟางยู่เชินประหลาดใจ “เรียกเธอมาทำไมครับ?”
“เราทานอาหารร่วมกัน จะได้แนะนำให้ทุกคนรู้จักด้วยไงจ้ะ”
“แม่ครับ ไม่จำเป็นครับ” ฟางยู่เชินเริ่มไม่ชอบใจ
“ลูกไม่โทร แม่โทรเอง”
ซ่างหยิงเดินเข้าไปในห้องอาหารอย่างรวดเร็ว โดยไม่ให้โอกาสเขาได้ปฏิเสธ
เจียงสื้อสื้อมองหน้าฟางยู่เชินอย่างเห็นอกเห็นใจ ส่วนฟางยู่เชินได้แต่ยิ้มขมขื่น
“เสี่ยวอี้คือใครเหรอลูก” แม่จิ้นถามอย่างสงสัย
“คู่ดูตัวที่น้าสะใภ้เล็กหาให้พี่ชายค่ะ” เจียงสื้อสื้อตอบ
“คู่ดูตัวอย่างนั้นเหรอ?” แม่จิ้นเหลือบมองฟางยู่เชิน “หลานดูท่าทางจะไม่ชอบคู่ดูตัวสักเท่าไหร่ใช่ไหมจ๊ะ”
ฟางยู่เชินยิ้มแหย โดยไม่พูดอะไร
พอเห็นแบบนี้ เจียงสื้อสื้อก็หัวเราะออกมา “เขาไม่ชอบอีกฝ่ายจริงๆนั่นแหละค่ะ”
“หืม?” แม่จิ้นไม่คิดว่ามันจะเป็นจริง เธอเองก็ตกใจเหมือนกัน
“มันเป็นการแต่งงานระหว่างคนทั้งสองตระกูลค่ะ แต่อีกฝ่ายไม่ใช่ประเภทที่พี่เขาชอบ”
แม่จิ้นขมวดคิ้ว “ถ้าไม่ชอบเราจะแต่งงานกันได้ยังไง”
“น้าชายของหนูยืนกรานที่จะทำแบบนี้ค่ะ”
“แต่ก็ต้องคิดเพื่อลูกๆด้วยสิ ถ้าลูกไม่ชอบ แต่งงานกันไปก็ไม่มีความสุข” แม่จิ้นไม่เห็นด้วยกับความคิดของฟางเถิงและซ่างหยิง
น้ยครั้งที่จะมีคนอยู่ข้างเขา ฟางยู่เชินจึงรีบพูด “คุณป้าครับ คุณป้าช่วยเกลี้ยกล่อมพ่อแม่ของผมหน่อยได้ไหมครับ ฉันถูกพวกท่านบีบบังคับจนจะบ้าอยู่แล้วครับ”
พอพูดจบ ฟางยู่เชินก็ประสานมือเข้าหากันอย่างขอร้องอ้อนวอน
เจียงสื้อสื้ออดที่จะหัวเราะและพูดล้อไม่ได้ “พี่คะ นี่พี่คิดจะหาตัวช่วยอย่างนั้นเหรอคะ”
“น้องอย่าเพิ่งพูด” ฟางยู่เชินถลึงตามองมาที่เธอ
เจียงสื้อสื้อเลิกคิ้ว หยุดพูดอย่างเชื่อฟัง ก่อนจะเดินไปนั่งกับส้งหวั่นชีงพร้อมกับลูกในอ้อมแขนของเธอ
“อยากให้ป้าช่วยเกลี้ยกล่อมแม่ของหลานยังไงจ้ะ” แม่จิ้นเอ่ยถาม
“อืม…” ฟางยู่เชินนิ่งคิดอย่างจริงจัง ก่อนจะพูดว่า “คุณป้าสามารถใช้เรื่องลูกชายของคุณป้ามาเกลี้ยกล่อมแม่ของผมครับ”
“แต่ว่า…” แม่จิ้นลำบากใจเล็กน้อย พูดตามตรง เธอไม่รู้วิธีเกลี้ยกล่อมซ่างหยิงจริง ๆ แม้ว่าลูกชายทั้งสองจะเลือกคนรักเอง แต่เธอก็ชอบลูกสะใภ้ทั้งคู่
แต่ถ้าลูกสะใภ้ ที่ฟางยู่เชินกาเอง ไม่เป็นที่ชื่นชอบของซ่างหยิงและคนอื่นๆ จะทำยังไง
“คุณป้าครับ ผมขอร้องนะครับ ตอนนี้มีแค่คุณป้าเท่านั้นที่ช่วยผมได้” ฟางยู่เชินพูดอย่างน่าสงสาร
แม่จิ้นทนไม่ไหว เธอจึงพยักหน้ารับปาก “ได้จ้ะ เดี๋ยวป้าจะช่วยเกลี้ยกล่อมพ่อกับแม่ของหลานเอง”
ฟางยู่เชินยิ้มทันทีขึ้นมา “ขอบคุณมากครับคุณป้า”
เจียงสื้อสื้ออดที่จะพูดไม่ได้ “พี่คะ อย่าเพิ่งดีใจไปค่ะ คุณน้ากับน้าสะใภ้เล็กไม่ยอมง่ายๆแน่ๆ”
ฟางยู่เชินได้ยินแบบนี้ก็อารมณ์เสียทันที เขาหันไปมองเธอ “น้องอย่าทำลายความหวังของพี่สิ”
เจียงสื้อสื้อกลั้นยิ้ม “ได้ค่ะ ฉันแค่กลัวว่ายิ่งพี่คาดหวังมากเท่าไหร่ พี่จะยิ่งผิดหวังมากเท่านั้น”
“น้องพูดมีเหตุผลที่สุดพอใจหรือยัง” ฟางยู่เชินถลึงตามองเธอ
อย่างไรก็ตาม ขอแค่มีคนสามารถช่วยเกลี้ยกล่อมพ่อแม่ตนเองได้ ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นยังไง นั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง