ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 1309 ให้หน้าไม่เอา
เหลียงซินเวยหัวเราะเลย “คุณน้า หนูไปได้คืบแล้วเอาศอกตอนไหนคะ?”
“เธออยากจะได้เงินเท่าไหร่กันแน่? ขอแค่เธอเปิดปาก ฉันจ่ายได้หมด!” ซ่างหยิงคิดว่าเธอนั้นอยากที่จะเปิดปากโก่งราคา ถึงได้ไม่ยอมที่จะไปจากลูกชายของตน
“คุณน้าคะ ความรู้สึกที่หนูมีให้ยู่เชิน ไม่ใช่เงินที่มาเปรียบเทียบได้นะคะ”
พูดถึงตรงนี้ เหลียงซินเวยก็ได้สูดหายใจเข้าไปลึกๆ “หนูรู้ว่าตระกูลฟางมีเงิน แต่ว่านั่นมันไม่เกี่ยวหนู ต่อให้ยู่เชินเป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง หนูก็เต็มใจที่จะคบหากับเขาค่ะ”
เธอก็ได้พูดจุดยืนของตัวเองไปด้วยความจริงจัง ซ่างหยิงไม่ได้สนใจ กลับคิดว่าเธอนั้นโลภมาก
“ยู่เชินไม่มีทางเป็นผู้ชายธรรมดา ที่เธอพูดแบบนี้ตลกไปหน่อยนะ”
ความไร้เรี่ยวแรงก็ได้เหมือนคลื่นก็ได้ถาโถมมาที่เหลียงซินเวยทันที เธอได้กระตุกปากอย่างไม่รู้จะทำยังไง “คุณน้าคะ คุณอยากที่จะให้หนูทำยังไง คุณถึงจะเห็นด้วยเรื่องที่หนูคบหากับยู่เชิน?”
“ไม่ว่าเธอทำยังไง ฉันก็ไม่มีทางเห็นด้วย” ท่าทางของซ่างหยิงดูหนักแน่นเอามากๆ ไม่มีพื้นที่ที่จะเปลี่ยนใจได้
ไหนๆ เธอก็ได้ยืนกรานแบบนั้น เหลียงซินเวยก็ไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้ว
“ก็ได้ค่ะ หนูก็มีจุดยืนเหมือนกับคุณน้า หนูไม่มีทางที่จะไปจากยู่เชิน”
“เธอ!” ซ่างหยิงก็ได้โมโหเลยทันที “เธอเลี้ยงลูกอยู่คนหนึ่ง เธอรู้สึกว่าตัวเองเหมาะกับยู่เชินเหรอ?”
“เหมาะหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องที่คนอื่นตัดสินได้ หนูกับยู่เชินต่างชอบซึ่งกันและกัน นั่นก็พอแล้วค่ะ”
“ต่างชอบซึ่งกันและกัน?” ซ่างหยิงหลุดขำออกมา “ความชอบของเธอมีแต่จะทำให้เขาเหนื่อย!”
“หนูเชื่อใจยู่เชิน”
ไม่ว่ายังไง เธอก็ไม่มีทางไปจากฟางยู่เชิน
ซ่างหยิงโมโหจนหัวเราะออกมา “ฉันดูถูกเธอแล้วจริงๆ ถ้ารู้ว่าเธอนั้นเป็นคนที่ไม่รู้จักแรงกำลังของตัวเองแบบนี้ ฉันก็ไม่ควรให้สื้อสื้อเข้าใกล้เธอมากไปตั้งแต่แรกแล้ว”
ได้ยินการดูถูกจากประโยคของเธอ
ในใจเหลียงซินเวยก็ได้เจ็บปวดอยากอดไม่ได้
ถ้าเกิดไม่ใช่ว่าเธอเคยที่จะทำดีกับตน ตัวเองก็ไม่รู้สึกปวดใจ
เหลียงซินเวยกำหมัดแน่น จากนั้นก็ค่อยๆ คลาย เงยหน้า แววตาที่ใสก็ได้มองไปยังใบหน้าของซ่างหยิง “คุณน้าคะ พี่สื้อสื้อกับสามีของเขาแยกกัน คุณมองเห็นว่าเธอเสียใจมากไหม?”
ซ่างหยิงขมวดคิ้ว “เธออยากจะพูดอะไร?”
“หนูอยากจะบอกคุณว่า ถ้าเกิดหนูไปจากยู่เชิน หนูกับยู่เชินก็ต้องเสียใจเหมือนพี่สื้อสื้อ”
ช่วงที่เจียงสื้อสื้อกับจิ้นเฟิงเฉินแยกกันนั้น เจ็บปวดใจขนาดไหน ซ่างหยิงก็ได้เห็นหมด ตอนนี้พอเธอพูดแบบนี้ ในใจไม่มากก็น้อยก็รู้สึกได้เหมือนกัน
“คุณทำใจที่จะให้ลูกชายของคุณเจ็บปวดเหรอคะ?” เหลียงซินเวยถาม
ใบหน้าของซ่างหยิงได้เครียด ไม่ได้ตอบ
เหลียงซินเวยก็ไม่ได้สนใจ ก็ได้พูดไปต่อว่า “ฉันเคารพคุณ แต่ฉันหวังว่าคุณจะไม่กดดันยู่เชิน ฉันไม่อยากให้ยู่เชินเจ็บปวดที่สุดค่ะ”
“เธอพูดมาเยอะขนาดนี้ กำลังต่อว่าฉันเหรอ?” น้ำเสียงของซ่างหยิงก็ได้มีการตั้งถามออกไปเล็กน้อย
“เปล่าค่ะ” เหลียงซินเวยส่ายหน้า “ฉันก็แค่หวังว่าคุณจะคิดถึงความรู้สึกยู่เชินบ้าง”
“ยู่เชินเป็นลูกของฉัน ฉันทำยังไงกับเขา ก็ไม่ถึงคิวเธอที่มาชี้สั่งฉัน” ซ่างหยิงโมโหแล้ว สีหน้าไม่น่าดูมากๆ
เหลียงซินเวยกัดฟัน ไม่ได้พูดต่อ
“ฉันถามเธออีกที เธอจะไปจากยู่เชินไหม?”
“ฉันไม่มีทางไปจากยู่เชินค่ะ”
ซ่างหยิงพยักหน้า “ได้ งั้นวันนี้ฉันก็พูดออกไปให้ชัดเจนเลยละกัน”
เธอก็ได้หยุดสักพัก พูดต่อว่า “เธอพูดถูก ให้พวกเธอเลิกกัน ยู่เชินอาจจะเจ็บปวด แต่ว่าเวลาจะรักษาทุกอย่าง ลูกชายฉันไม่มีเธอ ก็แค่เป็นการเจ็บปวดชั่วคราว ไม่มีทางที่จะเจ็บปวดตลอด”
เหลียงซินเวยยิ้มเล็กน้อย พูดไปเรียบๆ ว่า “คุณรู้จักลูกชายคุณดีหรือเปล่าคะ?”
ยู่เชินเป็นคนที่รักใครแล้วรักสุดใจ ไม่มีทางที่จะเป็นความเจ็บปวดชั่วคราวแน่
ซ่างหยิงเลิกคิ้ว “ฉันเป็นคนคลอดลูกชายฉัน ฉันรู้จักเขาดีที่สุด ไหนๆ เธอไม่ยอมที่จะไปจากลูกชายฉัน งั้นก็อย่าหาว่าฉันใจร้าย”
ได้ยินแบบนั้น นิ้วของเหลียงซินเวยก็ได้สั่นเล็กน้อย ปากก็ได้ขยับ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร
ทั้งสองคุยดีๆ ไม่ได้แล้ว เหลียงซินเวยไม่อยากที่จะอยู่นาน ตอนที่จากไปนั้น ซ่างหยิงก็ได้พูดไปอยากเย็นชาว่า “คนนั้นต้องรู้กำลังของตัวเอง อย่าเป็นการให้หน้าแล้วไม่เอาหน้า”
ได้ยินประโยคนี้ สีหน้าของเหลียงซินเวยก็ได้ซีด มุมปากก็ได้ยิ้มอย่างสมเพช
ที่แท้ในสายตาของซ่างหยิง ตัวเองดูแย่เอามากๆ
……
ตั้งแต่ได้รับสายของจิ้นเฟิงเหรา โม่เหยียกับหานยู่ก็ได้รีบเริ่มทำการวิจัยอย่างรวดเร็ว
“ถ้าเกิดพวกเราจะทดลองยาที่สามารถให้คุณชายฟื้นความทรงจำได้ จำเป็นต้องรู้ว่าอีกฝ่ายให้คุณชายทานยาอะไร” โม่เหยียพูด
หานยู่ขมวดคิ้ว “แต่ว่าตอนนี้จะวิเคราะห์ออกมาได้เหรอ?”
ถ้านับตั้งแต่วันที่คุณชายหายตัวไปล่ะก็ เวลาก็ถือว่านานมาก กลัวแต่ว่าในเลือดของคุณชายไม่มียาที่ตกค้างเหลืออยู่แล้ว
โม่เหยียก็ได้กังวลเหมือนเขา แต่……
“แม้ว่าจะไม่สามารถตรวจได้ พวกเราก็ควรที่จะลองดู”
หานยู่พยักหน้า “ก็ได้ งั้นพวกเราก็โทรไปหาคุณหญิง ให้เธอคิดหาวิธีเอาเลือดของคุณชายมา”
จากนั้น เขาก็ได้เอาโทรศัพท์ออกมาโทรไปหาเจียงสื้อสื้อ
เวลานี้ เจียงสื้อสื้อพึ่งออกจากโรงพยาบาลกลับไปที่บ้านใหญ่ตระกูลฟาง เธอให้พ่อบ้านพาเด็กสองคนไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ชั้นบน ตัวเองก็ได้เดินไปนั่งที่ห้องรับแขก
ซ่างหยิงก็ได้ยกน้ำออกมาแก้วหนึ่ง วางตรงหน้าของเธอ ถามอย่างเป็นห่วงว่า “เหนื่อยมาใช่ไหม?”
เจียงสื้อสื้อเงยหน้า มองหน้าเธอด้วยสีหน้าน้อยใจ “เหนื่อยจริงๆ แหละค่ะ แม่ของหนูก็ได้ถามอยู่ตลอดว่าเฟิงเฉินไปทำงานนอกสถานที่นานขนาดนี้แล้วทำไมยังไม่กลับมา หนูไม่รู้ว่าแล้วจะโกหกท่านยังไงดีแล้วค่ะ”
“ลำบากหนูแล้ว” ซ่างหยิงก็ได้ยิ้มให้เธอ
เจียงสื้อสื้อก็ได้หัวเราะเบาๆ “ไม่นับว่าลำบากค่ะ ก็แค่ไม่รู้ว่าเฟิงเฉินจะได้กลับบ้านมาตอนไหน”
“หนูต้องเชื่อใจเขา”
“หนูเชื่อใจเขาอยู่แล้วค่ะ แต่ว่าหนูไม่อยากที่จะรอแล้วจริงๆ”
เจียงสื้อสื้อรู้สึกว่าโลกของตัวเองนั้นใกล้จะแตกเข้าทุกวัน ถ้าเกิดจิ้นเฟิงเฉินไม่กลับมาหาตนอีก เธอก็จะบุกไปที่บ้านตระกูลซ่างกวนแล้วก็ไปแย่งคนมาจริงๆแน่
“จริงด้วย หนูบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าเฟิงเฉินรับปากหนูว่าจะมาดูลูกน่ะ?” ซ่างหยิงนึกได้เรื่องที่เธอเคยบอกก่อนหน้านี้
“เขาพูดจริงค่ะ แต่ว่าสองวันนี้ไม่ได้ติดต่อมาหาหนูเลย” พูดถึงตรงนี้ ในใจของเจียงสื้อสื้อก็ผิดหวังอย่างห้ามไม่อยู่ “หนูส่งข้อความหาเขาก็ไม่ตอบ”
“เกิดเรื่องอะไรแล้วหรือเปล่า?” ซ่างหยิงถาม
“เป็นไปได้ค่ะ”
ถ้าเกิดเธอเดาไม่ผิดล่ะก็ ซ่างกวนหยวนต้องทำอะไรสักอย่างแน่ๆ ไม่อย่างนั้นเฟิงเฉินไม่มีทางที่จะไม่ตอบข้อความของเธอ
“หรือว่า พวกเราไปที่บ้านตระกูลซ่างกวนอีกครั้ง?” ซ่างหยิงเสนอ
“ถ้าเกิดยังติดต่อไม่ได้ล่ะก็ หนูค่อยไปค่ะ”
เจียงสื้อสื้อพูดจบ อยู่ๆ โทรศัพท์ก็ได้ดังขึ้น
เธอคิดว่าเป็นจิ้นเฟิงเฉิน ก็ได้รีบเอาโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า แต่ตอนที่ได้เห็นเบอร์นั้น ความผิดหวังก็ได้ถาโถมมาที่ใจ
รับสาย เสียงของหานยู่ก็ได้ดังมาจากปลายสายทันที “คุณหญิงครับ มีเรื่องหนึ่งที่พวกเราอยากให้คุณช่วย”
“เรื่องอะไร?” เจียงสื้อสื้อถาม