ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 131 เธอโดนทิ้งแล้วหรอ?
บทที่ 131 เธอโดนทิ้งแล้วหรอ?
สีหน้าของซูชิงหยิงเปลี่ยนไปในชั่วขณะเล็กน้อย แม้จะรู้อยู่แล้วว่าจิ้นเฟิงเฉินต้องปฏิเสธเรื่องความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองคน แต่เวลานี้ในใจของเธอก็อดรู้สึกเศร้าไม่ได้
เธอถอนหายใจ เรื่องที่เกิดขึ้นตอนมื้อค่ำเมื่อวานพรั่งพรูขึ้นมาในสมอง
อานเชิ่งได้ยินก็ไม่ได้ตกใจแต่อย่างใด ก็แค่ข่าวลือเท่านั้น หรือเรื่องนี้ไม่จริง? เขามองคนทั้งสองที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยความแปลกใจ
แต่เพราะเมื่อกี้เสียงของอานเชิ่งค่อนข้างเบา อีกทั้งคนในงานก็เดินไปเดินมา ข่าววันแต่งงานของซูชิงหยิงกับจิ้นเฟิงเฉินจึงลอยเข้าหู “พวกเธอได้ข่าวกันหรือยัง? คุณชายจิ้นกับคุณหนูซูจะแต่งงานกันแล้ว”
“ได้ยินตั้งนานแล้ว เมื่อวานเห็นตระกูลซูกับตระกูลจิ้นนั่งกินข้าวด้วยกันอยู่เลย! สงสัยจะคุยกันเรื่องงานแต่งนั่นแหละ”
“ว้าวๆๆ! ใครจะคิดว่าคุณชายจิ้นที่ไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหนดันจะแต่งงานซะงั้น สมกับที่เป็นคุณหนูคนโตของตระกูลซู ขนาดคุณชายจิ้นก็ยังเอาซะอยู่หมัด สุดยอด!”
“ไม่ว่าจะด้านไหนทั้งคู่ก็เหมาะสมกันไปหมด อย่างกับเทพบุตรกับนางฟ้าเลย! งานแต่งคงอลังการแหงๆ อยากเห็นจัง!”
“จริงด้วย! อย่างกับพระเอกนางเอกในนิยายแหนะ! อิจฉาซูชิงหยิงชะมัดที่ได้แต่งกับคุณชายจิ้น”
……
เสียงพูดคุยลอยเข้าหูเจียงสื้อสื้อ หัวใจของเธอบีบแน่นอย่างไม่รู้ตัว
เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า?
พวกเขาจะแต่งงานกันจริงๆหรอ?
แล้วสัญญาแต่งงานของจิ้นเฟิงเฉินกับเธอคืออะไร…
จริงด้วย พวกเขาเหมาะสมกันจริงๆนั่นแหละ ผิดกับเธอ
……
เวลานี้เอง จิ้นเฟิงเฉินกำลังคุยงานกับออร์แกไนเซอร์
ซูชิงหยิงกำลังเดินหาที่นั่ง ผ่านไปไม่นานซูซินหรุ่ยก็เข้ามาหาเธอ
“พี่ชิงหยิง พอฉันมาถึงก็ได้ยินว่าพี่กับพี่เฟิงเฉินใกล้จะแต่งงานกันแล้ว เรื่องจริงหรอ? พี่ชิงหยิงสุดยอดไปเลย ระดับพี่เฟิงเฉินพี่ยังเอาซะอยู่หมัด ฉันบอกแล้วว่าพวกพี่สองคนต้องได้คู่กันแน่นอน” ใบหน้าของซูซินหรุ่ยเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม เธอเอ่ยถามอย่างมีความสุข
ได้ยินแบบนั้นซูชิงหยิงก็ย่นคิ้วนิดๆ พูดอะไรไม่ออก
จากที่กำลังดีใจ เมื่อซูซินหรุ่ยเห็นดังนั้นจึงเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง “พี่ซูหยิง? เป็นอะไรหรือเปล่า?”
ซูชิงหยิงไม่คิดจะปิดบัง เธอจิบเหล้าคำนึงก่อนจะว่า “เปล่า เฟิงเฉินปฏิเสธงานหมั้นไปแล้วเมื่อวาน ที่คนอื่นพูดๆกันก็แค่ข่าวมั่วน่ะ”
ได้ยินแล้วซูซินหรุ่ยก็มีสีหน้าผิดหวังในทันใด
“อ่า…แบบนี้เองหรอ เป็นเพราะยัยเจียงสื้อสื้อนั่นใช่ไหม”
ซูชิงหยิงไม่ตอบ แต่เธอรู้ดีอยู่แก่ใจว่าเป็นเพราะเจียงสื้อสื้อ เฟิงเฉินถึงได้ปฏิเสธที่จะแต่งงานกับเธอ
“พี่ชิงหยิง เจียงสื้อสื้อนั่นน่ะผู้หญิงแพศยาชัดๆ พี่ไม่รู้หรอก…”
ช่วงก่อนหน้านี้หลังจากจบงานเลี้ยงวันเกิดของเสียวเป่า ซูซินหรุ่ยก็ซวยสุดๆ วันนี้เธอเข้ามหาลัยเป็นนักศึกษาเต็มตัว แต่เพราะนิสัยชอบเที่ยวเล่น ทำให้ผลการเรียนของเธอไม่ดีนัก
แต่เพราะได้ตระกูลซูคอยค้ำหัว ต่อให้ผลการเรียนของเธอจะตกต่ำมากกว่านี้ก็ไม่ใช่ปัญหา แต่ไม่กี่วันก่อนที่มหาลัยมีสอบ และซูซินหรุ่ยก็สอบตกทุกวิชา มหาลัยจึงให้เธอซ้ำชั้นแล้วสอบซ่อม แม้ตระกูลซูจะใหญ่โตมาจากไหนก็ช่วยเธอไม่ได้
หลังจากที่คุณปู่ซูรู้เรื่องนี้ก็โมโหอย่างมาก แถมยังสั่งกักบริเวณซูซินหรุ่ยไปหลายวัน เพิ่งได้ออกมาก็วันนี้
หลังจากที่พ่อของซูซินหรุ่ยตรวจสอบเรื่องนี้ถึงได้รู้ว่าเป็นฝีมือของคนในตระกูลจิ้น เพราะงั้นจากที่ตั้งใจว่าจะใช้เส้นสายช่วยลูกสาวตัวเองก็ต้องถูกดับฝัน
หลังจากฟังจบ ซูชิงหยิงค่อยๆขมวดคิ้ว “จะบอกว่าจิ้นเฟิงเฉินสืบเรื่องที่เกิดขึ้นบนเรือสำราญครั้งนั้นแล้วรู้ว่าเธอตั้งใจให้ร้ายเจียงสื้อสื้อ ก็เลยเอาคืนงั้นหรอ?”
“ใช่ค่ะ! ต้องเป็นแบบนั้นแน่พี่ชิงหยิง พี่เฟิงเฉินทำแบบนี้กับฉันเพื่อแก้แค้นให้เจียงสื้อสื้อ พี่ว่าเกินไปไหมล่ะ?”
ซูชิงหยิงค่อยๆหลุบตาต่ำ คิดไม่ถึงว่าต่อมาจิ้นเฟิงเฉินแอบไปสืบเรื่องนี้มาจริงๆ ไหนจะเอาคืนซูซินหรุ่ยอีก ต่อให้จะพูดยังไงซูซินหรุ่ยก็เป็นน้องสาวของเธอ…
“พี่ชิงหยิงอย่าโมโหไปเลยค่ะ ยังไงซะตอนนี้คนในงานก็พูดกันว่าพี่กับพี่เฟิงเฉินต่างหากที่เป็นคู่แท้ ยัยเจียงสื้อสื้อนั่นก็เป็นแค่อากาศไม่มีตัวตน จริงสิ ทำไมพี่ไม่ใช่โอกาสนี้เข้าหาที่เฟิงเฉินหน่อยล่ะ ไม่แน่นะ อาจจะมีอะไรดีๆขึ้นมาก็ได้!” ฟังจบ ซูชิงหยิงก็หรี่ตาเล็กน้อย
จริงสินะ! สักพักก็หาวิธีทำให้จิ้นเฟิงเฉินดื่มเยอะหน่อย จากนั้นก็เสนอตัวจะเป็นคนไปส่งเขา อยู่ด้วยกันสองต่อสองแบบนั้น ไม่แน่ว่าอาจจะ…
ทั้งสองคนยืนคุยกันอยู่ชั้นสอง ขณะนั้นเองสายตาของซูซินหรุ่ยก็เผลอเหลือบไปเห็นเจียงสื้อสื้อที่อยู่ตรงมุมของชั้นหนึ่ง สีหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน
“พี่ชิงหยิงนั่นเจียงสื้อสื้อไม่ใช่หรอ? นังแพศยานั่นก็มาร่วมงานด้วยหรอ!”
แววตาของซูซินหรุ่ยเต็มไปด้วยความเกลียดชัง สีหน้าของซูชิงหยิงเองก็เปลี่ยนไป คิดไม่ถึงว่าเจียงสื้อสื้อจะมาเหมือนกัน
“ผู้หญิงคนนี้มันตายยากจริงๆ! นางต้องรู้แน่ๆว่าพี่เฟิงเฉินมางานนี้ถึงได้ตามมาด้วย เกาะแกะผู้ชายของพี่ชิงหยิงตั้งแต่เช้ายันค่ำ ไม่คิดจะสำเหนียกดูสถานะตัวเองเล้ย หน้าไม่อาย!”
ซูชิงหยิงจับมือซูซินหรุ่ยแล้วกล่าวเตือน “คืนนี้เธอต้องสงบอารมณ์ให้ดี ห้ามไปหาเรื่องเจียงสื้อสื้อเด็ดขาด ถ้าเกิดอะไรขึ้นอีกพี่คงช่วยเธอไม่ได้ เข้าใจนะ พี่ไปหาเฟิงเฉินก่อน”
“เข้าใจค่ะ พี่ชิงหยิงรีบไปเถอะ อย่าให้พี่เฟิงเฉินโดนนังแพศยานี่อ่อยไปก่อน”
พูดจบ ซูชิงหยิงก็เดินออกไป
……
ข่าวที่ซูชิงหยิงกับจิ้นเฟิงเฉินกำลังจะหมั้นกันก็ลอยไปถึงหูของเจียงนวลนวล เจียงเจิ้น เสิ่นซูหลันและหลานซูเฉินเช่นเดียวกัน
วันนี้พวกเขาก็มางานเลี้ยงนี้เช่นกัน คนเคยรู้จักของพ่อเจียงตั้งใจเชิญพวกเขามา แต่ใครจะคิดว่าจะได้มาเจอจิ้นเฟิงเฉินกับซูชิงหยิงในงานนี้
“เป็นงี้จริงๆด้วยแฮะ! เจียงสื้อสื้อนั่น ระดับตระกูลจิ้นน่ะไม่แลหรอก”
วันแต่งงานของจิ้นเฟิงเฉินกับซูชิงหยิงใกล้เข้ามาแบบนี้ นั่นก็หมายถึงเจียงสื้อสื้อแพศยานั่นกำลังจะถูกโยนทิ้งในไม่ช้า
เสิ่นซูหลันเองก็หัวเราะ “ใช่ เมื่อก่อนก็อุตส่าห์คิดว่าแม่นั่นจะมีบุญวาสนาแต่งเข้าบ้านมหาเศรษฐี! ที่ไหนได้ เสียดายจัง”
แม้จะพูดแบบนั้น แต่ไม่ว่าจะใครก็ตามในตระกูลหลานหรือแม้แต่ตระกูลเจียงก็ล้วนแต่รอวันที่เจียงสื้อสื้อถูกสลัดทิ้ง บัดนี้วันนั้นได้มาถึงแล้ว คงไม่ต้องบอกว่าคนเหล่านี้มีความสุขขนาดไหน
มุมปากของเจียงนวลนวลยกยิ้ม ในขณะที่คิดภาพตาม สายตาก็กวาดไปเห็นเจียงสื้อสื้อเข้าโดยบังเอิญ เธอสวมชุดราตรีสีขาว ผมยาวรวบเป็นหางม้าไว้ด้านหลัง แม้จะเป็นการแต่งตัวที่ดูเรียบง่าย แต่กลับโดดเด่นออกมาจากมุมที่เธอยืนอยู่ โดยเฉพาะใบหน้าสวยเฉี่ยวนั่นที่ทำให้หลายคนอิจฉา
เจียงนวลนวลหรี่ตา เธอไม่คาดคิดว่าเจียงสื้อสื้อมาร่วมงานด้วยเช่นกัน ในเมื่อจิ้นเฟิงเฉินมากับซูชิงหยิง นั่นก็หมายความว่าเจียงสื้อสื้อมางานนี้คนเดียว
หรือว่าตอนนี้เจียงสื้อสื้อถูกทิ้งแล้ว?
เวลานี้ในใจของเจียงนวลนวลเต็มไปด้วยความเบิกบานอย่างถึงที่สุด เมื่อคิดถึงสิ่งที่ตัวเองต้องประสบในช่วงที่ผ่านมา ความชั่วร้ายแผ่ซ่านไปทั่ว ความคิดบางอย่างพรั่งพรูขึ้นมาในหัวทันใด…