ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 1310 ฉันกับลูกรอคุณค่ะ
“ต้องการให้คุณช่วยพวกเราเอาเลือดของคุณชายมาครับ” หานยู่บอกเป้าหมายที่ตนโทรไปหาออกมา
เจียงสื้อสื้อก็ได้ดีใจ “พวกนายมีวิธีที่จะทดลองยาออกมาได้แล้วเหรอ?”
“ตามทฤษฎีมันได้ครับ แต่ว่าต้องมีวิธีเฉพาะ”
หานยู่ก็ไม่กล้าที่จะพูดออกไปอย่างมั่นใจเลย กลัวว่าถึงตอนนั้นยาไม่สามารถที่จะทดลองออกมาได้ จะทำให้คุณหญิงผิดหวังในตัวพวกเขามาก
“ได้ ฉันคิดหาวิธีเอาเลือดของเฟิงเฉินมาเอง” เจียงสื้อสื้อก็ได้ตอบตกลง
“งั้นพวกเรารอข่าวนี้ของคุณหญิงครับ”
เห็นว่าเจียงสื้อสื้อวางสาย ซ่างหยิงก็ได้ถามอย่างเป็นห่วงว่า “มีวิธีแล้วเหรอ?”
เจียงสื้อสื้อพยักหน้า “น่าจะมีวิธีแล้วค่ะ”
ซ่างหยิงก็ได้โล่งอกเลยทันที “งั้นก็ดี ขอแค่สามารถที่จะทดลองยาที่ทำให้เฟิงเฉินฟื้นความทรงจำได้ เขาก็สามารถที่จะกลับมาเร็วขึ้นแล้ว”
เจียงสื้อสื้อยิ้ม ไม่ได้พูดอะไร สีหน้าก็ได้เคร่งเครียดเล็กน้อย
เธอจะทำยังไงถึงจะเอาเลือดของเฟิงเฉินมาได้ล่ะ?
……
ตั้งแต่จิ้นเฟิงเฉินไปเจอเจียงสื้อสื้อ แล้วก็หลังจากที่พ่อจิ้นแม่จิ้นมาที่ตระกูลซ่างกวนนั้น ซ่างกวนหยวนก็จับตามองจิ้นเฟิงเฉินเคร่งขึ้น
จิ้นเฟิงเฉินยืนอยู่ที่หน้าต่าง มองคนใช้ที่ได้ยุ่งอยู่ชั้นล่าง ใบหน้าไม่มีความรู้สึกเลยสักนิด นัยน์ตาก็ได้ดำสนิท
“ถ้าเกิดจะออกไป จำเป็นที่ต้องมีฉันอยู่ด้วย ไม่อย่างนั้นก็อย่าคิดที่จะออกไป”
ตอนเช้า เขาก็ได้พูดออกไปว่าจะออกไปเดินเที่ยว แต่ก็ได้รับการปฏิเสธจากซ่างกวนหยวนมาทันที
มีช่วงขณะที่ อยู่ๆ เขาก็รู้สึกถึงความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะควบคุมเขาของเธอ
คิดถึงตรงนี้ ตาของจิ้นเฟิงเฉินได้หรี่ลง
เธอเคยคิดไหมว่า ยิ่งเธอทำแบบนี้ ก็ยิ่งทำให้คนรู้สึกสงสัย
ตั้งแต่กลับประเทศมาถึงตอนนี้ ซ่างกวนหยวนก็รู้สึกกลัวมากว่าเขากับเจียงสื้อสื้อมีประติสัมพันธ์กัน อีกอย่างความกลัวแบบนั้นชัดเจนมาก
มุมปากของจิ้นเฟิงเฉินก็ได้ยิ้มอย่างรู้สึกตลก เธอก็คงกลัวว่าเขานั้นได้จำอะไรได้ขึ้นมา
แต่ว่าเธอลืมเรื่องหนึ่งไป
นัยน์ตาของเขาก็ได้ส่งความน่ากลัวที่ไม่ได้มีมาตั้งนานออกมา
เขาคือจิ้นเฟิงเฉิน ไม่ใช่ว่าใครก็สามารถที่จะควบคุมได้!
และในเวลานี้ อยู่ๆ โทรศัพท์ของเขาก็ได้ดังขึ้นมา ขัดจังหวะความคิดของเขา
เขาได้เดินไป เอาโทรศัพท์บนหัวเตียงขึ้น พอได้เห็นเบอร์ แต่เดิมแววตาที่น่ากลัวก็ได้อ่อนโยนไปไม่น้อย
รับสาย
“ฮะโหล”
เสียงที่คุ้นเคยก็ได้ดังผ่านลำโพงมาถึงหู จมูกของเจียงสื้อสื้อได้ตัน “คุณทำอะไรอยู่?”
เสียงของเธอก็ได้สะอึกเล็กน้อย
จิ้นเฟิงเฉินขมวดคิ้ว “เธอร้องไห้?”
ถึงแม้เขามองไม่เห็น แต่เจียงสื้อสื้อก็ยังส่ายหน้า “ฉันเปล่าค่ะ”
“งั้นก็ไม่สบาย?”
“ก็ไม่ใช่ค่ะ” เจียงสื้อสื้อเม้มปาก “ฉัน……ก็แค่คิดถึงคุณ”
ในใจก็ได้สั่น
มุมปากของจิ้นเฟิงเฉินก็ได้ยิ้มอย่างอดไม่อยู่ เสียงก็ได้อ่อนโยนกว่าเมื่อกี้ไม่น้อย “คิดถึงผมขนาดนี้เลยเหรอ?”
“ทำไมคุณไม่ตอบข้อความของฉันคะ?” เจียงสื้อสื้อไม่ตอบแต่ถามกลับ น้ำเสียงก็ได้มีความไม่พอใจเล็กน้อย
“ขอโทษ”
จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้พูดเหตุผลออกไป ก็แต่พูดสองคำนี้ไป
เจียงสื้อสื้อรู้ถึงความลำบากของเขา ก็ไม่ได้ตามต่อ
“ช่างเถอะค่ะ เห็นแก่ที่คุณรับสายของฉันวันนี้ ฉันให้อภัยคุณค่ะ”
ได้ยินแบบนั้น จิ้นเฟิงเฉินก็ได้หัวเราะออกมาเบาๆ
เจียงสื้อสื้อเงียบไปสักพัก ถึงได้เปิดปากพูดอีกว่า “คุณบอกว่าจะมาเที่ยวหาลูกไม่ใช่เหรอคะ? จะมาตอนไหนล่ะ?”
ตอนไหน?
จิ้นเฟิงเฉินขมวดคิ้ว ไม่กี่วันนี้ซ่างกวนหยวนได้จับตามองเขาอย่างหนาแน่นมาก เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะได้ออกไปตอนไหน
ไม่ได้คำตอบของเขา ใจของเจียงสื้อสื้อก็ได้บีบ “คุณไม่อยากมาเหรอ?”
“เปล่า”
“งั้นทำไมไม่ตอบฉัน? ฉันกับลูกต่างคิดถึงคุณมากๆ”
เจียงสื้อสื้อก็ได้กำหมัดแน่นอย่างอัตโนมัติ ในใจกลัวมากว่าเขาจะปฏิเสธ
จิ้นเฟิงเฉินก็ได้เงียบไปสักพัก ถึงได้ค่อยๆ พูดว่า “ผมต้องไปเที่ยวหาคุณกับลูกแน่ โดยเร็ว”
“โดยเร็วนี่ตอนไหนคะ?” เจียงสื้อสื้อถาม
“ก็คือเร็วๆ นี่”
“พรุ่งนี้?” เจียงสื้อสื้อก็ได้ลองถาม
เสียงของเธอฟังดูแล้วเหมือนระวังเอามากๆ
ใจของจิ้นเฟิงเฉินก็ได้อ่อนไปเลย “ครับ พรุ่งนี้”
ไม่รู้ทำไม เขานั้นไม่อยากที่จะทำให้เธอผิดหวังจริงๆ ก็รู้สึกว่าตัวเองนั้นได้ตอบรับคำขอของเธอหมดอย่างไม่มีข้อแม้
ความรู้สึกแบบนี้ไม่เคยที่จะมีมาก่อน
แม้ว่ากับซ่างกวนหยวน ก็ไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้
ได้ยินว่าเขาตกลงแล้ว เจียงสื้อสื้อก็ได้เลิกคิ้วด้วยความดีใจ ขนาดน้ำเสียงก็มีความดีใจด้วย “งั้นพวกเราตกลงกันแล้วนะคะ พรุ่งนี้ฉันกับลูกรอคุณ”
“ครับ”
“งั้นฉันก็ไม่รบกวนคุณแล้วค่ะ บายๆค่ะ” เจียงสื้อสื้อก็ได้พูดอย่างทำใจไม่ได้
“บายๆ ครับ”
ตอนที่จิ้นเฟิงเฉินจะวางสายนั้น อยู่ๆ ประตูห้องก็ได้เปิดเข้ามาจากข้างนอก
เป็นซ่างกวนหยวน
เธอเปิดปากอยากจะเรียกเขานั้น ก็ได้เห็นในมือเขาเอาโทรศัพท์พอดี สีหน้าก็ได้เปลี่ยน ก็ได้รีบพุ่งเข้าไป
“นายคุยโทรศัพท์กับใคร?”
“โทรศัพท์โฆษณา” จิ้นเฟิงเฉินก็ได้พูดไปเรียบๆ
เจียงสื้อสื้อที่อยู่ปลายสายเดิมทีไม่อยากที่จะวาง พอได้ยินเสียงของซ่างกวนหยวน ก็ได้วางสายไปเลยทันที
เวลาเดียวกัน ในใจก็เป็นห่วงจิ้นเฟิงเฉิน
กลัวว่าซ่างกวนหยวนจะกดดันเขา
“โทรศัพท์โฆษณา?” ซ่างกวนหยวนไม่เชื่อ
เธอยื่นมือจะแย่งโทรศัพท์มา แต่ว่าจิ้นเฟิงเฉินได้หลบไป
แล้วก็ได้มีสายตาที่เยือกเย็นจ้องมาที่ซ่างกวนหยวน จากนั้นก็ได้มีเสียงที่ไม่มีความรู้สึกอะไรเลยพูด “ฉันบอกว่าโทรศัพท์โฆษณาก็คือโทรศัพท์โฆษณา”
“ฉันไม่เชื่อ!”
ซ่างกวนหยวนไม่ตายใจ ยังอยากที่จะแย่งโทรศัพท์มา
แววตาของจิ้นเฟิงเฉินก็ได้มีความน่ากลัวส่งมา คว้าแขนของเธอไว้ มองเธอด้วยสีหน้าเย็นชา “อย่าได้คืบแล้วเอาศอก!”
ซ่างกวนหยวนอึ้งไป “นายพูดอะไร?”
เธอฟังผิดไปแล้วเหรอ?!
จิ้นเฟิงเฉินสะบัดมือเธอออก “ต่อให้ฉันกลายเป็นสามีของเธอ ก็ไม่ได้เป็นหุ่นเชิดของเธอ อย่ามีท่าทีควบคุมไปหมดทุกอย่างแบบนั้น ฉันขยะแขยงมากๆ!”
เขาพูดว่าเธอขยะแขยง?!
ซ่างกวนหยวนก็ได้หัวเราะออกมา จ้องมองเขาอยากไม่อยากจะเชื่อ “เฟิงเฉิน นายรู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไรไหม?”
สีหน้าของจิ้นเฟิงเฉินเย็นชา เม้มปากเป็นเส้นตรง
“นายเปลี่ยนไป” ซ่างกวนหยวนส่ายหน้า “เมื่อก่อนนายไม่ได้เป็นแบบนี้? นายพูดแบบนี้กับฉันได้ยังไง?”
“เป็นฉันเปลี่ยนไป หรือว่าเธอกันแน่ที่เปลี่ยนไป?” จิ้นเฟิงเฉินไม่ตอบแต่ถามกลับ
ซ่างกวนหยวนขมวดคิ้ว “นายหมายความว่ายังไง?”
“ตั้งแต่เจียงสื้อสื้อปรากฏตัว เธอก็เปลี่ยนไปจนไม่อาจที่จะเข้าใจได้ เธอกลัวอะไรกันแน่? กลัวว่าฉันฟื้นความทรงจำเหรอ?”
กับการสงสัยของจิ้นเฟิงเฉิน ซ่างกวนหยวนก็ได้หลบตาอย่างมีพิรุธ ไม่กล้าที่จะสบตาเขา
“ฉันไม่รู้ว่านายพูดอะไรอยู่” เธอเลือกที่จะแกล้งโง่
จิ้นเฟิงเฉินมองเธออย่างเย็นชา “เธอไม่รู้จริงๆ หรือว่าแกล้งไม่รู้? ในใจของเธอเองรู้ดีที่สุด”
ซ่างกวนหยวนก็ได้กำหมัดแน่น “เพราะงั้นที่นายพูดตอนนี้หมายความว่าไง? หรือว่านายจะผิดสัญญาที่ให้กับคุณย่า?”
พอพูดถึงนายท่านหญิงซ่างกวน จิ้นเฟิงเฉินก็ขมวดคิ้ว
“จิ้นเฟิงเฉิน ฉันบอกนายเลยนะ ชาตินี้นายต้องอยู่กับฉันคนเดียวเท่านั้น!”
ความปรารถนาที่จะควบคุมแบบนี้อีกแล้ว!
จิ้นเฟิงเฉินรู้สึกว่าตัวเองอยู่ต่อไปต้องขาดอากาศหายใจแน่ เขาก็ได้เดินออกไปข้างนอก
ซ่างกวนหยวนหันไป ตะโกนถาม “นายจะไปไหน?”
“ออกไปเดินเล่น”
พูดประโยคนี้จบ จิ้นเฟิงเฉินก็ได้ออกไปอย่างไม่หันหัวกลับ