ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 1343 นายกับฉันไม่เกี่ยวข้องกับเลยสักนิด
- Home
- ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!
- บทที่ 1343 นายกับฉันไม่เกี่ยวข้องกับเลยสักนิด
เย่เสี่ยวอี้เดินออกจากตึกใหญ่ฟางซื่อกรุ๊ป นักข่าวหญิงที่ได้หลบอยู่ข้างๆ ก็ได้พุ่งเข้ามา
“คุณหนูเย่ ฉันเป็นนักข่าวของSOHU คุณแบ่งเวลาให้ฉันเล็กน้อยได้ไหมคะ?”
อีกฝ่ายก็ได้แนะนำตัวเองอย่างชัดเจน เย่เสี่ยวอี้เปิดปากจะไล่ให้เธอหลีกไป แต่คิดถึงตัวเองที่ได้ถูกยกเลิกสัญญาแต่งงาน ไฟโกรธในใจก็ยากที่จะดับ
“แน่นอนว่าได้”
ไหนๆ ฟางยู่เชินไม่ให้เธออยู่ดี งั้นเธอก็ไม่ให้เหลียงซินเวยนังแรดนั่นอยู่ดี!
……
เหมือนเป็นเวลาเดียวกัน ข่าวสัมภาษณ์ของฟางยู่เชินกับเย่เสี่ยวอี้ก็ได้ปล่อยขึ้นเน็ต
คนหนึ่งยืนยันจุดยืนของตัวเองว่าไม่เคยที่จะชอบเย่เสี่ยวอี้มาก่อน อีกอย่างตัวเองได้มีคนที่ชอบแล้ว
อีกคนก็ได้ด่าเหลียงซินเวยว่าเป็นมือที่สามที่มาทำลายความสัมพันธ์ของเธอกับฟางยู่เชิน
ในตอนนั้น กระแสของโซเชียลก็ได้เข้าข้างข้างเดียว ต่างก็พากันเห็นใจเย่เสี่ยวอี้ เวลาเดียวกันก็ต่อว่าการกระทำของฟางยู่เชิน
อีกอย่างก็ได้ด่าเหลียงซินเวยจนเป็นข่าวท๊อป
ถึงขั้นมีคนออกมาพูดอย่างไม่มีหลักฐานว่าเหลียงซินเวยเคยเป็นคู่นอนของคนอื่นมาก่อน ลูกในตอนนี้ก็เป็นลูกของคู่นอนคนก่อน
พอเรื่องที่ได้ผุดออกมา คำด่าเหลียงซินเวยในเน็ตก็ได้แรงกว่าเดิม
“เวยเวย ช่วงนี้เธอกับอานอานก็พยายามออกจากบ้านน้อยหน่อย” เย่เฉินหยุนที่อยู่ปลายสายก็ได้พูดอย่างเป็นห่วง
เหลียงซินเวยเลื่อนเม้าท์ ได้มองคำด่าตัวเองต่างๆ นานาบนหน้าจออย่างนิ่งเรียบ
ตอนที่ได้เห็นตอนแรกนั้น เธอโมโหมากจริงๆ ก็ได้รีบแก้ต่าง
แต่ไม่นานก็ได้จมลงไปกับคำด่าพวกนั้น
อารมณ์ของเธอก็ได้ค่อยๆ สงบลง
“พี่ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ ฉันไม่เป็นไร”
“จริงเหรอ?” เย่เฉินหยุนก็ยังไม่วางใจ “ให้ฉันไปอยู่เป็นเพื่อนเธอไหม?”
“ไม่ต้องแล้วค่ะ ฉันกับอานอานอยู่ดีมากค่ะ” เหลียงซินเวยปฏิเสธความหวังดีของเขา
เธอเข้าใจดีว่าตอนนี้ตัวเองได้อยู่ในกระแสข่าว ถ้าเขามาอยู่เป็นเพื่อนเธอ ถูกคนอื่นเห็นเข้าไม่แน่ต้องถูกป้ายสีว่าระหว่างพวกเขาความสัมพันธ์อะไรกันแน่ๆ
ปัญหายิ่งน้อยยิ่งดี
“งั้นถ้าเกิดมีเรื่องอะไรก็โทรหาฉัน”
เหลียงซินเวยตอบ “ค่ะ” ไป ก็ได้วางสายลง
เธอมองจอโน๊ตบุ๊คสักพัก ก็ได้ยื่นมือออกแรงปิดลง
กระแสข่าวได้ล้มไปด้านเดียว ต้องมีคนเป็นคนปั่นกระแสแน่
และคนคนนั้นเป็นใคร คำตอบก็ได้อยู่ตรงนั้น
มีแค่เย่เสี่ยวอี้
ถึงแม้ตระกูลเย่เทียบตระกูลฟางไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็เป็นตระกูลที่มีหน้ามีตาในเมืองหลวง เธอไม่มีทางที่จะต่อกรกันคนเขาได้
มีแต่ให้เขาด่าไปอย่างนั้น
คิดถึงตรงนี้ เหลียงซินเวยรู้สึกเศร้าใจมากๆ
ถ้าเกิดรู้ว่าจะมีวันนี้ เธอยังจะเลือกที่จะคบหากับฟางยู่เชินอีกไหม?
คำตอบก็คือแน่นอนอยู่แล้ว
เธอไม่เคยที่จะเสียใจเลย
เหลียงซินเวยก็ได้ลุกขึ้นเตรียมตัวไปดูอานอานที่ห้อง มีคนค้นหาข้อมูลอย่างผิดกฎหมาย หาโรงเรียนที่อานอานเรียนเจอ ก็ได้ส่งข้อความให้ผอโรงเรียน ให้โรงเรียนไล่อานอานออก
โรงเรียนเพื่อที่จะรักษาความสงบสุขภายในโรงเรียน และก็เพื่อที่จะปกป้องความรู้สึกของอานอาน ก็ได้ให้เธอนั้นพาอานอานกลับมาอยู่ที่บ้านก่อน รอให้ข่าวสงบลงแล้วค่อยกลับไปเรียน
เวลานี้ เสียงเคาะประตูก็ได้ดังเป็นเวลาสั่นๆ
เหลียงซินเวยขมวดคิ้วสักพัก หันตัวไป เดินไปทางประตู
มองออกไปข้างนอกจากตาแมวของประตู ก็ไม่ได้เจอใครเลย
เธอคิดว่ามีคนเคาะผิด ก็ได้หันตัว เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอีกครั้ง
เธอก็ได้ลังเลสักพัก ยื่นมือไปเปิดประตู
พอเปิดประตู เห็นสภาพของข้างนอก เธอก็ได้อึ้งไปเลย
นอกประตูไม่มีคน แต่ว่าสีน้ำมันสีแดงถูกสาดไปบนกำแพง แล้วก็ได้เขียนบนนั้นตัวใหญ่ว่า “นังชู้แรด”
สีแดงที่น่าตกใจ
เธอก็ได้สงบอารมณ์ไปไม่กี่วิ ถึงได้ปิดประตูลง ร่างกายเหมือนว่าได้ถูกสูบเรี่ยวแรงไป พิงอยู่ที่ประตูแล้วสั่นไม่หยุด
น่ากลัวเกินไปแล้ว!
เหมือนได้ทำลายศักดิ์ศรีทั้งหมดของเธอไปทันที
เธอเงยหน้า น้ำตาแห่งความน้อยใจก็ได้คลอบนกรอบตา
เป็นเรื่องที่ไม่เป็นความจริงแท้ๆ ทำไมเธอต้องเจอกับการเหยียดหยาบแบบนี้ด้วย!
คิดถึงตรงนี้ เธอก็ได้ยกมือไปเช็ดน้ำตา แล้วก็ก้าวไปที่ห้องรับแขก เอาโทรศัพท์ขึ้นมาจากโต๊ะกาแฟ โทรไปหาฟางยู่เชิน
ไม่นานทางนั้นก็รับสาย “เวยเวย”
“ฟางยู่เชิน เศรษฐีอย่างพวกคุณรังแกคนเขาแบบนี้เลยเหรอ? ทำไมฉันต้องมารับกรรมกับเรื่องของพวกคุณสองตระกูล?”
น้ำเสียงเธอร้อนรนมาก และก็โมโหมากๆ
ฟางยู่เชินรู้ว่าเป็นเพราะคำพูดที่ด่าเธอบนโซเชียล ก็ได้พูดปลอบอย่างอ่อนโยนว่า “เธอวางใจเถอะ ผมได้ให้ส้งหยาวไปจัดการแล้ว ไม่นานก็ไม่เป็นไรแล้ว”
คำเหยียบหยาบที่เธอได้รับ คำพูดที่ว่า “ไม่เป็นไร” ง่ายๆ ของเขาก็จบแล้วเหรอ?
ความน้อยใจของเหลียงซินเวยมีอยู่เต็มอก เธอก็ได้สูดหายใจเข้าลึกๆ พูดอ้อนวอนว่า “ฟางยู่เชิน คุณปล่อยฉันไปได้ไหม? พวกเราได้เลิกกันแล้ว ไม่เกี่ยวข้องอะไรแล้ว ถ้าคุณได้ถูกสัมภาษณ์อีก ก็ไม่ต้องเอ่ยถึงฉันแล้ว”
“ขอโทษ” ฟางยู่เชินปวดใจมากๆ “ผมไปหาเธอตอนนี้ เธอเชื่อผม เรื่องนี้ผมต้องจัดการให้เรียบร้อยแน่”
“คุณไม่ต้องมานะ!” เหลียงซินเวยโมโหแล้วก็ไม่มีเรี่ยวแรง “คุณกลัวว่าฉันยังโดนด่าไม่พอหรือไง?”
“เวยเวย ผม……”
“ถ้าคุณได้ทำเพื่อฉันจริง คุณก็บอกกับคนอื่นว่า คุณกับฉันไม่ได้เป็นอะไรกันเลยแม้แต่นิด”
“เวยเวย ผมรักคุณ ผมไม่มีทางพูดแบบนั้นแน่”
“รักฉัน?” เหลียงซินเวยก็ได้มองลงอย่างเศร้าๆ “ฉันแบกรับความรักของคุณไม่ไหว”
พูดจบ สายก็ถูกตัดไป
ฟางยู่เชินมองหน้าจอโทรศัพท์แล้วก็อึ้ง ครั้งนี้เวยเวยตั้งใจที่จะเลิกกับเขาจริงๆ แล้ว
เขาไม่มีทางให้เรื่องนี้เกิดขึ้นได้
เขาก็ได้ลุกขึ้นเตรียมตัวออกไป เวลานี้ ส้งหยาวเปิดประตู แล้วก็รีบเดินเข้ามา ในหน้าเขียนคำว่าร้อนรนเต็มไปหมด
“ท่านประธาน แย่แล้วครับ ที่ที่คุณเหลียงอยู่ได้ถูกคนเอาสีไปสาด”
“อะไรนะ?” สีหน้าของฟางยู่เชินได้เปลี่ยนทันที
ส้งหยาวก็ได้รีบเอาโทรศัพท์ส่งให้ยื่นไปตรงหน้าเขา
ตอนที่เห็นตัวหนังสือสีแดงใหญ่ที่เตะตานั้น สีหน้าของฟางยู่เชินก็ได้เย็นชาลงทันที รอบตัวก็ได้มีบรรยากาศที่น่ากลัวส่งมา
“ตอนที่คนของพวกเราไปถึงนั้น สีก็ได้ถูกสาดขึ้นไปแล้วครับ” ส้งหยาวก็ได้อธิบายออกไป กลัวว่าเขาจะต่อว่าตนทำงานไม่ได้เรื่อง
ในที่สุดฟางยู่เชินก็รู้สักทีว่าทำไมตอนคุยโทรศัพท์เวยเวยถึงได้โมโหแบบนี้
เขาทรุดตัวนั่งบนเก้าอี้ทำงาน หรือว่า……เขาทำผิดแล้วจริงๆ?
เขาก็แค่อยากที่จะจัดการเรื่องสัญญาการแต่งงานให้จบไป เรื่องทำไมถึงเดินมาถึงจุดนี้ได้?
เวยเวยที่ไม่ได้ทำอะไรเลยได้โดนคำด่าเยอะที่สุด
“ท่านประธานครับ คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ?” ส้งหยาวก็ได้มองเขาอย่างเป็นห่วง
ฟางยู่เชินเก็บสีหน้า ถามเสียงเครียดว่า “เรื่องบนเน็ตจัดการไปแล้วหรือยัง?”
“จัดการแล้วครับ ความคิดเห็นส่วนมากก็ได้ถูกลบไปแล้ว อีกอย่างจากการตรวจสอบ มีคนไปซื้อพวกแอคเคาร์พวกนั้นมาด่าคุณเหลียงครับ”
ฟางยู่เชินหรี่ตา สายตาก็ได้เย็นชา ก็ได้พูดสามคำออกมาอย่างเยือกเย็นว่า “เย่เสี่ยวอี้!”
ส้งหยาวก็ได้สั่นอย่างห้ามไม่อยู่ คราวนี้เย่เสี่ยวอี้ได้ทำให้ท่านประธานโมโหจริงๆ แล้ว
เห็นที ตระกูลเย่ซวยแล้ว