ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 1344 ผมอยากให้สายตาของเธอมีแค่ผม
ประเทศฝรั่งเศส
เจียงสื้อสื้อก็ได้เข้าไปดูโซเชียลในประเทศตามปกติ เห็นข่าวยกเลิกการแต่งงานของฟางเย่สองตระกูลอย่างตกใจ
เธอช็อกมากๆ
พี่ชายตัดสินใจที่จะแตกหักกับตระกูลเย่แล้ว?
อีกอย่าง ความคิดเห็นบนเน็ตก็ได้ไม่เป็นมิตรกับเวยเวยมาก
เจียงสื้อสื้อเอาโทรศัพท์ออกมา หาเบอร์เหลียงซินเวยจนเจอ แล้วโทรออกไป
พอรับสาย เสียงของเหลียงซินเวยก็ได้ดังมาจากลำโพง
“พี่สื้อสื้อ”
“เธอ……เป็นยังไงบ้าง?” เจียงสื้อสื้อก็ได้ถามลองเชิง
“ฉันสบายดีนิคะ”
เจียงสื้อสื้อเงียบไปกี่วิ ถึงได้พูดว่า “ฉันเห็นข่าวบนเน็ตแล้ว”
ปลายสายก็ได้เงียบไปเลย
เจียงสื้อสื้อคิดๆ ก็ได้ถามไปเบาๆ ว่า “เธอไม่เป็นไรจริงเหรอ?”
บนเน็ตด่าเธอแรงขนาดนั้น กลัวว่าเธอนั้นรับมันไม่ไหวจริงๆ
เหลียงซินเวยก็ได้หัวเราะเบาๆ “ฉันได้เลิกกับเขาแล้วค่ะ จะเป็นอะไรได้อีก?”
“เลิก? ทำไมถึง……” เจียงสื้อสื้ออึ้งไปเลย
“ค่ะ ฉันกับยู่เชินเดิมที่ก็ไม่ได้เป็นคนประเภทเดียวกัน จบเร็วหน่อยก็ดีกับอีกฝ่าย”
เจียงสื้อสื้อคิดไปสักพัก ทำได้แค่ถอนหายใจ “เธอคิดดีๆ ต่อไปไม่เสียใจก็พอ”
“ฉันรู้ค่ะ” เหลียงซินเวยตอบไป ก็ได้เปลี่ยนเรื่อง ถาม “พวกพี่อยู่ที่ฝรั่งเศสสบายดีไหมคะ?”
“สบายดีจ้ะ”
เจียงสื้อสื้อฟังออกว่าเธอไม่อยากที่จะพูดเรื่องนี้มากกว่านี้ ก็ได้หัวเราะ “ฝรั่งเศสเป็นประเทศที่โรแมนติก ฉันว่าเธอต้องชอบมากแน่”
“จริงเหรอคะ? งั้นต่อไปฉันต้องไปให้ได้”
เสียงของเหลียงซินเวยฟังดูร่าเริงมาก ไม่เหมือนคนที่มีเรื่อง
เจียงสื้อสื้อก็ได้แอบถอนหายใจในใจ มีเรื่องหรือไม่มีแค่ตัวเองเท่านั้นที่รู้ดีที่สุด เธอก็แค่คนนอกก็พูดอะไรมากไม่ได้
ทั้งสองก็ได้คุยไปอีกสักพัก ถึงได้วางสายไป
เจียงสื้อสื้ออยากที่จะโทรไปหาฟางยู่เชิน แต่ว่าสุดท้ายก็ได้ล้มเลิกไป
นี่เป็นเรื่องของพวกเขา เธอนั้นเข้าไปยุ่งมากไม่ได้
จิ้นเฟิงเฉินลงมาจากชั้นบน เห็นว่าเธอถอนหายใจไม่หยุด คิ้วก็ได้ขมวด ถามว่าเป็นห่วงว่า “เธอเป็นอะไรไป?”
เจียงสื้อสื้อเงยหน้า มองเขาอย่างเศร้าๆ “พี่ชายฉันเลิกกับเวยเวยแล้วค่ะ”
“อ้อ”
จิ้นเฟิงเฉินไม่ค่อยที่จะสนิทกับฟางยู่เชินและเหลียงซินเวย ก็ไม่ได้สนใจเรื่องที่พวกเขาเลิกกันเท่าไหร่
“คุณไม่สงสัยว่าทำไมพวกเขาถึงเลิกกันเหรอคะ?” เจียงสื้อสื้อถามอย่างงงๆ
คนส่วนมากก็มักจะต่อด้วยว่า “ทำไมถึงเลิกกัน” เขานี่ดีเลย ก็มีแค่ “อ้อ” คำเดียว
“ไม่สงสัย” จิ้นเฟิงเฉินก็ได้ตอบไปตรงๆ
เจียงสื้อสื้อพูดแล้วถอนหายใจ “ก็ได้ค่ะ”
ถึงแม้ว่าเขาความจำเสื่อม แต่กับเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับเขาก็ยังเฉยเมยใส่อยู่
“เสี่ยวเป่ากับเถียนเถียนล่ะคะ?” เจียงสื้อสื้อถาม
“อยู่เล่นที่ชั้นบนทั้งคู่น่ะ”
พูดถึงลูกทั้งสอง ใบหน้าที่เย็นชาของจิ้นเฟิงเฉินก็ได้มีความอ่อนโยนเพิ่มขึ้นมา
“งั้นคุณอยากทำอะไรคะ?” เจียงสื้อสื้อถามต่อ
“อยู่เป็นเพื่อนเธอ”
คำพูดง่ายๆ
ในใจของเจียงสื้อสื้อก็ได้เต็มไปด้วยความหวั่นไหว มุมปากก็ได้ชี้ขึ้นอย่างอดไม่ได้ “คุณเต็มใจที่จะดูละครน้ำเน่าเป็นเพื่อนฉันไหมคะ?”
จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้า “แน่นอนว่าเต็มใจครับ”
แต่ว่าไม่นาน เขาก็ได้เสียใจทีหลังแล้ว
“พระเอกกับพระรองหล่อเกินไปแล้ว คนหนึ่งเอาแต่ใจ คนหนึ่งอ่อนโยน ถ้าให้เป็นฉันนะ ก็ไม่รู้ว่าควรที่จะเลือกใครดีเหมือนกัน” เจียงสื้อสื้อก็ได้จ้องมองคนในทีวีไม่ห่าง ยังได้พูดวิเคราะห์อย่างจริงจัง
ตาของจิ้นเฟิงเฉินก็ได้กระตุก ก็ได้ยื่นมือไปเอารีโมตที่โต๊ะกาแฟ
กด ปิดทีวีลง
“คุณทำอะไรคะ?” เจียงสื้อสื้อหันหน้าไป มองเขาอย่างไม่พอใจ
“ไม่มีประโยชน์” จิ้นเฟิงเฉินก็ได้พูดแบบนี้ออกมาจากปากอย่างเย็นชา
ใบหน้าของเจียงสื้อสื้อก็ได้เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ “ก็แค่ละครรักน้ำเน่า คุณยังอยากที่จะให้มันมีประโยชน์อะไรคะ?”
จิ้นเฟิงเฉินทำหน้าเย็นชา ไม่พูดอะไร
เจียงสื้อสื้อรู้สึกว่าเขาไม่ปกติ ก็ได้ตั้งใจคิดว่าเป็นตัวเองที่พูดอะไรผิดทำให้เขาอารมณ์ไม่ดีหรือเปล่า
พอคิดแบบนี้ เจียงสื้อสื้อก็ได้เจอกับสาเหตุทันที
เขาคงไม่ได้เป็นเพราะว่าเธอพูดว่าพระเอกและพระรองหล่อแล้วก็อารมณ์ไม่ดีใช่ไหม?
เจียงสื้อสื้อก็ได้ขำออกมาอย่างอดไม่ได้ แล้วก็ไอเบาๆ กดความอยากขำของตัวเองลง ถามลองเชิงว่า “คุณคงไม่ได้หึงใช่ไหมคะ?”
นัยน์ตาของจิ้นเฟิงเฉินก็ได้สั่น ไม่ตอบ
“หึงจริงๆ เหรอ?” เจียงสื้อสื้ออดขำต่อไปไม่ได้แล้ว ก็ได้ขำออกมาอย่างบ้าคลั่ง “เฟิงเฉิน นั่นก็แค่คนในละครนะคะ ฉันก็แค่พูดชมไปงั้นๆ คุณก็เก็บมาคิดจริงจังเหรอเนี่ย”
สีหน้าของจิ้นเฟิงเฉินก็ไม่เป็นธรรมชาติเล็กน้อย
“ในใจของฉัน คุณหล่อที่สุดแล้ว” เจียงสื้อสื้อก็ได้เก็บรอยยิ้ม พูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง
ความจริงก็เป็นแบบนั้น พระเอกและพระรองจะหล่อยังไง แต่ว่าเทียบกับหน้าตาของจิ้นเฟิงเฉิน ก็ยังห่างชั้นมากๆ
จิ้นเฟิงเฉินยิ้มออกมา ก็ได้ยื่นมือไปกอดเธอเข้ามาในอ้อมกอด “ผมอยากให้ในสายตาของเธอมีแค่ผมคนเดียว”
เจียงสื้อสื้อเข้าใกล้หน้าอกของเขา สองมือได้โอบคอเขา “ตั้งแต่ต้น สายตาของฉันมีแค่คุณคนเดียว”
ทันสองก็ได้กอดกันเงียบๆ ไม่มีใครพูดอะไร
ในเวลานี้ เสียงใสๆ ก็ได้ทำลายบรรยากาศความเงียบนี้
“แด๊ดดี้ หม่ามี๊”
เป็นเถียนเถียน
เธอก็ได้วิ่งตึงๆๆ ลงมาจากบันได เจียงสื้อสื้อก็ได้รีบพูดว่า “ช้าหน่อยลูก ระวังล้มนะ”
เถียนเถียนก็ได้วิ่งตรงไปตรงหน้าพวกเขา ทำปากจู๊ พูดอย่างน้อยใจว่า “หนูหิวแล้ว”
เจียงสื้อสื้อมองนาฬิกาที่แขวนบนกำแพง ถึงได้พบว่าเป็นเวลาทานของว่างแล้ว
“หม่ามี๊ไปเตรียมเค้กให้หนู”
พูดจบ เธอก็ได้ลุกขึ้นเดินไปที่ห้องครัว แต่ก็ยังไม่ลืมพูดว่า “ไปเรียกพี่ชายลงมาด้วยนะคะ”
“ค่ะ!” เถียนเถียนก็ได้รีบวิ่งขึ้นไปชั้นบน
จิ้นเฟิงเฉินที่นั่งอยู่บนโซฟา สายตาก็มองไปทางห้องครัว มุมปากก็ได้มีรอยยิ้มอ่อนๆ
ช่วงเวลาที่มาอยู่ที่ฝรั่งเศส เขาก็ได้สัมผัสถึงความสุขที่ไม่เคยมีมาก่อน
เรียบๆ มีความสุข มีควันอาหารแบบนี้
เขาชอบชีวิตแบบนี้
……
ผับบาร์แห่งหนึ่งที่เมืองหลวง เสียงดนตรีได้ดังจนทำให้คนรู้สึกมึนเมา ฟลอร์เต้นก็เต็มไปด้วยชายหญิงที่บิดตัวไปตามเสียงเพลง
ซ่างกวนหยวนนั่งอยู่ที่บาร์เหล้า เงยหน้าก็หมดเหล้าไปแก้วหนึ่ง
บาร์เทนเดอร์เห็นเข้า ก็อดที่จะเตือนไม่ได้ “คุณหนู คุณได้ดื่มมากแล้วนะครับ”
ซ่างกวนหยวนเงยหน้า แววตาที่ได้มึนๆ ก็ได้มีความไม่พอใจผุดขึ้นมา ริมฝีปากแดงก็ได้เปิด “ทำไม? นายกลัวว่าฉันเมาแล้วก็ไม่จ่ายเงิน?”
“ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น……”
บาร์เทนเดอร์ยังไม่ทันได้อธิบาย ซ่างกวนหยวนก็ได้ยกมือแล้วก็เอาเงินก้อนหนึ่งโยนไปที่หน้าของเขา
“ฉันบอกนายไว้นะ คุณหนูอย่างฉันไม่ขาดเงิน!” ซ่างกวนหยวนก็ได้ยกแก้วเหล้าเคาะไปที่บาร์ “ยังไม่รีบมาเทเหล้าให้ฉันอีก!”
ไม่มีคนที่มีปัญญากับเงิน
บาร์เทนเดอร์ก็เช่นกัน
เขาก็ได้รีบเก็บเงินอย่างรวดเร็ว ก็ได้เทเหล้าเต็มแก้วของเธอ
ซ่างกวนหยวนยกขึ้นมา มองเหล้าในแก้ว มุมปากก็ได้ยิ้ม “แค่ฉันเมาแล้ว ความขัดใจอะไรก็ไม่มีแล้ว”
พูดจบ เงยหน้า ก็ได้ดื่มเหล้าในแก้วไปหมด