ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 1357 งั้นแกก็คิดหาวิธีสิ
เมื่อได้ยินแบบนั้น ซ่างกวนหยวนก็ชะงักไปทันที ก่อนจะหัวเราะออกมาเหมือนกับคนบ้า ความโหดร้ายในแววตาของเธอมีเพิ่มมากขึ้น
“จะไม่มีวันปล่อยฉันไป…เหอะ เขาคงลืมไปแล้ว ว่าใครเป็นคนช่วยชีวิตเขาไว้”
ซ่างกวนเขียนสูดลมหายใจเข้า ก่อนจะพูดอย่างตรงไปตรงมา “นี่เรียกว่าช่วยชีวิตเขางั้นเหรอ เธอก็แค่เห็นแก่ตัวอยากจะได้เขาครอบครอง”
เมื่อได้ยินคำพูดแบบนี้ของเขา ซ่างกวนหยวนลุกขึ้นยืนด้วยความโกรธ ก่อนจะชี้หน้าเขาและตะโกนออกมา “นายบ้าไปแล้วหรือไง นี่ยังช่วยพูดแทนเขาอีก”
“ฉันไม่ได้พูดแทนเขา ฉันก็แค่พูดความจริง” ซ่างกวนเชียนลองพยายามพูดเตือนเธอ “หยวนหยวน เขาไม่ได้รักเธอเลย ทำไมเธอต้องจมปลักอยู่แบบนี้?”
“เขารักหรือไม่รักฉัน ไม่ใช่สิ่งที่นายจะมาพูด!” ซ่างกวนหยวนมองไปทางเขาด้วยสายตาที่ดุร้าย ก่อนจะพูดเตือนเขาด้วยความโมโห “ถ้านายกล้าพูดแทนเขาอีก งั้นนายก็ออกไปจากตระกูลซ่างกวนเลย กลับไปอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าซะ”
“หยวนหยวน!” นายท่านหญิงซ่างกวนพูดเตือน เธอขมวดคิ้ว สีหน้าดูไม่พอใจอยู่บ้าง “ถึงแม้ว่าเสี่ยวเชียนจะพูดผิดไป แต่เขาก็เป็นพี่ของหนู อย่ามาทำร้ายความรู้สึกระหว่างพวกหนูเพียงพอคนนอกเพียงคนเดียว”
“คุณย่า” ซ่างกวนหยวนไม่พอใจ “ถ้าเขาเห็นว่าหนูเป็นน้องของเขาจริงๆ เขาควรช่วยหนูสิถึงจะถูก แต่ดูเขาสิ เขากับช่วยพูดแทนคนอื่น”
“พอแล้ว ที่จริงเขาก็ไม่ได้พูดผิดอะไร” นายท่านหญิงซ่างกวนถอนหายใจออกมา “จิ้นเฟิงเฉินไม่มีทางจะกลับมาตระกูลซ่างกวนแล้ว หนูยอมแพ้เถอะ”
“หนูไม่ยอม!” เสียงของซ่างกวนหยวนแหลมมากๆ “หนูไม่ยอมแพ้! หนูจะเอาเขาให้ได้ ถ้าไม่ใช่เขา หนูก็ไม่อยากจะมีชีวิตต่อไปแล้ว”
เมื่อเธอพูดแบบนี้ ซ่างกวนหยวนก็เห็นว่ามีมีดผลไม้วางอยู่บนโต๊ะ เธอยื่นมือไปหยิบขึ้นมา ก่อนจะชูขึ้นสูง และหันปลายมีดไปจ่อตรงคอของตัวเอง
“หยวนหยวน!”
นายท่านหญิงและซ่างกวนเชียนมองไปที่เธอด้วยสีหน้าที่ตกใจ
“คุณย่า หนูจะเอาจิ้นเฟิงเฉิน ถ้าไม่มีจิ้นเฟิงเฉิน หนู…หนูก็ไม่อยากมีชีวิตต่อไปแล้ว!” ในขณะที่พูด เธอก็จ่อมีดไปทางคอของตัวเอง
ซ่างกวนหยวนเดินเข้าไปดึงมือของเธอไว้ และแย่งมีดปอกผลไม้มา
“ซ่างกวนหยวน เธอบ้าไปแล้วหรือไง? เธอรู้ไหมว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่? เคยนึกถึงความรู้สึกของคุณย่าบ้างไหม? เคยคิดบ้างหรือเปล่าว่าเธออายุเยอะขนาดนี้แล้วเธอไม่สามารถรับอะไรที่มันกระทบกระเทือนจิตใจได้มากนัก?”
สีหน้าของเขาดูไม่พอใจ ก่อนจะพูดดุด่าออกมา
“ก็ฉันมันบ้าไปแล้วไง!” ซ่างกวนหยวนใช้แรงสะบัดมือเขาออก ก่อนจะร้องไห้ออกมาเสียงดัง “ก็ฉันจะเอาจิ้นเฟิงเฉิน แล้วพวกนายก็เอาแต่บอกให้ฉันยอมแพ้ พวกนายไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าฉันเจ็บปวดแค่ไหน!”
“หยวนหยวน…” นายท่านหญิงมองดูท่าทีของเธอ เธอรู้สึกเจ็บปวดใจมาก
ซ่างกวนเชียนพูดประชดเธอ “เพื่อผู้ชายคนเดียว มันคุ้มเหรอที่เธอทำแบบนี้?”
“คุ้มสิ!”
ซ่างกวนหยวนมองเขาด้วยน้ำตาที่คลอเบ้า “เพราะว่าฉันรักเขา มันก็เลยคุ้มค่า”
“แต่ว่าเขาไม่ได้รักเธอ!” ซ่างกวนเชียนพูดตรงไปตรงมา
ซ่างกวนหยวนชะงักไป
“เขาไม่ได้รักเธอ ไม่ได้รักเธอ ไม่ได้รักเธอ เธอฟังไม่รู้เรื่องเหรอ?”
เมื่อเห็นว่าซ่างกวนเชียนก็โมโหขึ้นมา นายท่านหญิงซ่างกวนก็รีบพูดขึ้นทันที “หุบปากให้หมด! พวกแกเห็นว่าฉันมีชีวิตอยู่นานไปแล้วใช่ไหม?”
เพราะกลัวว่านายท่านหญิงจะโมโหเกินไป ซ่างกวนเชียนรีบเก็บอารมณ์ทันที ก่อนจะพูดปลอบ “คุณย่า พวกเราไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น คุณย่าอย่าโกรธเลยนะ ระวังสุขภาพหน่อยนะครับ”
นายท่านหญิงซ่างกวนมองไปทางซ่างกวนหยวน เห็นเพียงแค่เธอยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาของตัวเอง ก่อนจะหันหน้าหลบไป เพราะไม่อยากให้เธอเห็น
“เฮ้อ” นายท่านหญิงถอนหายใจ “เสี่ยวเชียน เรื่องวันนี้แกทำไม่ถูกนะ แค่แกไม่ได้พาเขากลับมาด้วยมันก็ไม่เป็นอะไร แต่แกยังไปพูดกับน้องสาวอย่างนั้นอีก ถ้าเป็นใครคนอื่นก็จะโกรธ”
“คุณย่า คุณ…” ซ่างกวนเชียนมองไปที่เธอด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะพูดคำพูดแบบนี้ออกมา
“ขอโทษน้องสาวของแกเร็ว” นายท่านหญิงซ่างกวนออกคำสั่ง เขาชะงักไป เพราะไม่ต้องการทำให้นายท่านหญิงโกรธ เขาจึงได้พูดคำขอโทษออกไป
ซ่างกวนตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ฉันรับไม่ไหวหรอกนะ”
ซ่างกวนเชียนขมวดคิ้ว ปากของเขากระตุกเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“เพื่อผลดีต่อน้องสาวของแก แกจะต้องคิดหาวิธีเอาตัวจิ้นเฟิงเฉินกลับมาให้ได้ แม้ว่าแกจะใช้วิธีอะไร ก็ต้องพาเขากลับมาให้ได้”
“คุณย่า จิ้นเฟิงเฉินไม่มีทางกลับมาที่ตระกูลซ่างกวน”
“งั้นแกก็คิดหาวิธีสิ!” นายท่านหญิงพูดอย่างเด็ดขาด
ความรู้สึกไร้อำนาจครอบงำซ่างกวนเชียนทันทีราวกับคลื่นที่ซัดมาจนทำให้เขาจมลงไป
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมนายท่านหญิงถึงได้ตามใจซ่างกวนหยวนแบบนี้ เธอไม่รู้หรือว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป มันอาจจะทำให้ซ่างกวนหยวนไร้หนทาง?
“คุณย่า คุณย่าดีที่สุดเลย”
เมื่อเห็นว่านายท่านหญิงยืนยันที่จะให้ซ่างหวนเชียนพาตัวเขามาให้ได้ ซ่างกวนเชียนก็รู้สึกอารมณ์ดีทันที เธอเดินเข้าไปกอดนายท่านหญิง ก่อนจะหอมแก้มและเอาหน้าแนบไว้กับหน้าของนายท่านหญิง
นายท่านหญิงหัวเราะออกมาก่อนจะตบไปที่มือของเธอเบาๆ “แค่หนูมีความสุขย่าก็มีความสุขแล้ว ดังนั้นห้ามทำเรื่องโง่ๆ อีกนะ เข้าใจไหม?”
“หนูจะไม่ทำเรื่องโง่ๆ ค่ะ หนูยังอยากที่จะตอบแทนบุญคุณคุณย่าพร้อมกับเฟิงเฉินค่ะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ นายท่านหญิงก็รู้สึกว่าตัวเองทำถูกแล้ว เพียงแค่ทำให้หลานสาวมีความสุข เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
……
เพราะกังวลว่าซ่างกวนหยวนจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ พ่อจิ้นจึงได้สั่งบอดี้การ์ดมาเฝ้าที่บ้านของตระกูลจิ้นตลอด 24 ชั่วโมง แม้แต่แมลงวันตัวเดียวก็อย่าคิดที่จะเข้าไปข้างใน
ถึงแม้จะเป็นแบบนี้ แต่แม่จิ้นก็ยังแม่สบายใจ “หรือไม่เราแอบส่งเฟิงเฉินกับสื้อสื้อไปต่างประเทศไหม มันจะปลอดภัยกว่าไหม?”
“ที่ไหนก็ไม่ปลอดภัยเท่าที่บ้านหรอก” พ่อจิ้นยิ้มก่อนจะส่ายหน้า “เธอก็อย่ากังวลไปเลย ซ่างกวนหยวนไม่กล้ามาตรงๆ หรอก รอให้ผ่านไปพักหนึ่ง เดี๋ยวเธอก็ตายใจเอง”
“จริงเหรอ?” แม่จิ้นรู้สึกปวดหัว “ฉันว่าเธอน่าจะบ้าไปแล้วจริงๆ คงไม่ตายใจง่ายๆ แบบนั้นหรอก?”
“งั้นก็รอดูไปก่อน ถ้ายังไม่ตายใจ พวกเราค่อยคิดหาวิธีอื่นกัน”
เจียงสื้อสื้อและจิ้นเฟิงเฉินลงมาชั้นล่าง เมื่อเห็นว่าพวกเขากำลังนั่งพูดคุยกันอยู่ในห้องรับแขก เค้าก็เลยเดินเข้าไปและถามอย่างยิ้มๆ “คุณพ่อ คุณแม่ กำลังคุยอะไรกันอยู่”
เมื่อได้ยินเสียงนี้ พ่อจิ้นและแม่จิ้นก็หันไปมอง ก่อนจะมองไปที่พวกเขาด้วยรอยยิ้ม
“แม่กับพ่อก็แค่คุยกันธรรมดา” แม่จิ้นยิ้มตอบ
เจียงสื้อสื้อพยักหน้า “หนูกับเฟิงเฉินจะไปที่สถาบันวิจัย หานยู่บอกว่าเขาวิจัยยาตัวใหม่ได้ค่ะ”
“ไม่ได้!” แม่ของจินคัดค้านอย่างเด็ดขาด “พวกหนูจะออกไปไม่ได้”
เจียงสื้อสื้อชะงักไป “ทำไมคะ?”
“ออกไปตอนนี้มันไม่ปลอดภัย ไม่งั้นให้พวกหานยู่ส่งยามาที่นี่ดีไหม”
เจียงสื้อสื้อเข้าใจทันที รู้ว่าแม่จิ้นนั้นกำลังกังวลอะไรอยู่ ก่อนจะตอบอย่างยิ้มๆ “คุณแม่ วางใจเถอะค่ะ จากที่บ้านไปสถาบันวิจัยใกล้มาก ไม่เกิดอะไรขึ้นหรอกค่ะ”
“ไม่ได้! พวกหนูบอกหานยู่ส่งยามาที่นี่เลย”
เจียงสื้อสื้อและจิ้นเฟิงเฉินมองหน้ากันและกัน ทั้งสองต่างก็มีสีหน้าที่บ่งบอกว่าทำอะไรไม่ได้
“ได้ค่ะ งั้นเดี๋ยวหนูไปติดต่อหานยู่ก่อน”
เจียงสื้อสื้อไปโทรศัพท์ ส่วนจิ้นเฟิงเฉินโดนแม่จิ้นลากให้มานั่งบนโซฟา
“เฟิงเฉิน พรุ่งนี้พวกแกก็ไม่ต้องออกไปไหน เข้าใจไหม?” แม่จิ้นตบแขนเขาเบาๆ ก่อนจะพูด
“คุณแม่ วางใจเถอะ นอกเสียจากว่าจะมีเหตุสุดวิสัยจริงๆ ยังไงพวกเราก็ไม่ออกไปไหน”
“แม้แต่มีเหตุสุดวิสัยก็ออกไปไหนไม่ได้ ถ้าจะไปทำอะไรก็ให้เฟิงเหราไปทำแทนพวกแก”
จิ้นเฟิงเหราพยักหน้า “ครับ”