ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 1361 มีแต่เด็กเท่านั้นที่จะเล่นลูกโป่ง
- Home
- ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!
- บทที่ 1361 มีแต่เด็กเท่านั้นที่จะเล่นลูกโป่ง
เรื่องงานแต่ง เหลียงซินเวยไม่กล้าแม้แต่จะคิด
เธอเก็บอารมณ์ แล้วยกมุมปากขึ้นแสยะยิ้ม “ไม่พูดเรื่องนี้ดีกว่า พวกเราไปกินก๋วยเตี๋ยวกันเถอะ”
พูดจบ ก็เดินออกจากห้องอาหารไป
“เวยเวย เธอกำลังหนีอะไรอยู่กันแน่? ” ฟางยู่เชินมองตามแผ่นหลังของเธอ แล้วถามขึ้นเบาๆ
เหลียงซินเวยชะงักฝีเท้า ร่างกายแข็งทื่อไปชั่วขณะ
รอบๆ ตัวเริ่มเงียบลงอีกครั้ง
ผ่านไปเนิ่นนาน เหลียงซินเวยจึงหันกลับมามองเขาหนึ่งที “ฉันไม่ได้หนี แค่ไม่อยากจะพูดถึงเรื่องนี้”
“แบบนี้ก็คือหนีไม่ใช่เหรอ? ” ฟางยู่เชินก้าวยาวเข้ามาตรงหน้าของเธอ แววตาจดจ้องมาที่ใบหน้าเนียนใสนั้น “พรุ่งนี้เราไปจดทะเบียนสมรสกันเถอะ”
เหลียงซินเวยมองเขาอย่างเหลือเชื่อ “คุณบ้าไปแล้วเหรอ? ”
“ทะเบียนบ้านผมก็เอามาด้วยแล้ว” ฟางยู่เชินล้วงเล่มทะเบียนบ้านออกมาจากกระเป๋าในเสื้อสูท
มองดูทะเบียนบ้านในมือของเขา เหลียงซินเวยก็สัมผัสได้ว่าเขาพูดจริง ไม่ใช่แค่สัญญาส่งๆ ตามอารมณ์เท่านั้น
เธอรู้สึกดีใจในใจ แต่เมื่อกลับมาคิดก็แอบรู้สึกว่าหมดหนทาง
“ยู่เชิน พ่อแม่ของคุณเห็นด้วยไหม? ”
“ตกลงแล้ว” ฟางยู่เชินตอบกลับด้วยความรวดเร็ว
เหลียงซินเวยมีสีหน้าแปลกใจ “ตกลงแล้วเหรอ? ”
“สองวันก่อนผมเข้าโรงพยาบาล พ่อและแม่ของผมจึงตกลงเรื่องของเรา”
เหลียงซินเวยได้ยินเพียงครึ่งประโยค ก็มีสีหน้าตกใจ รีบจับแขนของเขา ถามขึ้นด้วยความรีบร้อน “คุณเข้าโรงพยาบาล? แล้วเป็นอะไรไหม? ”
“ไม่เป็นอะไรครับ” ฟางยู่เชินเลิกคิ้ว “ถ้าไม่ใช่เพราะผมฉลาด พ่อกับแม่ก็คงไม่ยอมแน่ๆ ”
ฟางยู่เชินพูดความจริงออกมาด้วยความรู้สึกผิด แต่ไม่ได้บอกเธอว่าเขาเข้าโรงพยาบาลเพราะเป็นลม
เหลียงซินเวยปล่อยมือออก ขมวดคิ้วแน่น “คุณไม่กลัวว่าถ้าพ่อกับแม่คุณรู้แล้วพวกท่านจะโกรธเหรอ? ”
ฟางยู่เชินยกมุมปากยิ้มขึ้นมา “รอจนพวกเราจดทะเบียนกันแล้ว พวกเขาจะโกรธก็คงไม่ทันแล้ว”
“ยู่เชิน แต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ จะวู่วามไม่ได้ ถ้าหากว่าวันหนึ่งพวกเราแต่งงานกันแล้วจริงๆ ฉันหวังว่าพ่อแม่ของคุณจะยอมรับ”
“ผมไม่ได้วู่วาม” ฟางยู่เชินสูดลมหายใจเข้าลึก พูดด้วยความตั้งใจ “เวยเวย ผมอยากแต่งงานกับคุณจริงๆ และพ่อกับแม่ของผมก็ตกลงแล้ว”
เหลียงซินเวยเงียบไปชั่วขณะ แล้วจึงเริ่มพูดต่อ “ฉันยังไม่อยากแต่งงาน”
ฟางยู่เชินรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่เมื่อคิดในมุมของเวยเวยแล้ว เขาก็เข้าใจได้
“ไม่เป็นไร ไม่อยากแต่งงาน พวกเราก็คบกันไปสักพักก่อนก็ได้ รอคุณอยากแต่งเมื่อไหร่แล้วค่อยแต่ง”
“กินก๋วยเตี๋ยวกันเถอะ” เหลียงซินเวยยิ้ม พลางเดินมุ่งไปทางร้านอาหาร
มองตามแผ่นหลังของเธอ ฟางยู่เชินค่อยๆ ขมวดคิ้วขึ้นมา ถึงแม้ว่าจะเจอเธอแล้ว แต่ก็รู้สึกเหมือนมีบางอย่างไม่เหมือนเดิม
จนกระทั่งกลางดึก ฟางยู่เชินจึงค่อยออกมาจากคฤหาสน์
ก่อนจาก เขากอดเหลียงซินเวยเอาไว้แน่น แล้วกระซิบเบาๆ ข้างหูเธอ “ห้ามหายไปไหนแบบไม่บอกกันอีกนะ ช่วงนี้ผมจะหาเวลาว่าง พาคุณและอานอานออกไปเที่ยว”
“ที่จริงก็ไม่ได้จำเป็น” เหลียงซินเวยผลักเขาออก แล้วเงยหน้าจ้องเขา พูดด้วยความตั้งใจ “ฉันไม่มีทางหนีออกไปอีกแน่นอน ไม่ต้องพยายามหาเวลาว่างมาอยู่กับพวกเราหรอก”
“แต่ว่าผมอยากอยู่กับคุณ”
เหลียงซินเวยเผยยิ้มออกมา “ค่ะ ตามใจคุณ”
“รีบเข้านอนล่ะ” ฟางยู่เชินพรมจูบลงบนหน้าผากของเธอหนึ่งที “ราตรีสวัสดิ์ครับ”
“ราตรีสวัสดิ์ค่ะ”
หลังจากมองส่งตามจนรถของเขาแล่นออกไปไกล เหลียงซินเวยค่อยเดินกลับเข้าบ้าน
……
ถึงแม้ว่าจะมีคนที่อิ้งเทียนส่งมาตามซ่างกวนหยวน จิ้นเฟิงเฉินยังคงไม่ค่อยสบายใจ
วันนี้ อิ้งเทียนมารายงานเหตุการณ์ เขาสั่งอย่างไม่ลังเลทันที “นายส่งคนอีกจำนวนหนึ่งคอยตามสื้อสื้อ แล้วก็เสี่ยวเป่า เถียนเถียนด้วย”
อิ้งเทียนพยักหน้า “ครับ”
“พี่ ตอนนี้ซ่างกวนหยวนไม่มีพฤติกรรมอะไรเลยครับ คงไม่ใช่เพราะเขาเจออะไรเข้าแล้วนะครับ? ” จิ้นเฟิงเหรากังวล
“คุณชายรอง ไม่มีทางหรอกครับ” อิ้งเทียนกล่าว “คนของพวกเราฝึกมาแล้วทั้งนั้น คุณไม่ต้องกังวลครับ”
“ฉันเชื่อพวกนายอยู่แล้ว แต่อีกฝ่ายก็ไม่ค่อยน่าไว้ใจสักเท่าไหร่”
ที่จิ้นเฟิงเหรากังวลมากที่สุดไม่ใช่ซ่างกวนหยวน แต่เป็นเพื่อนร่วมชั้นของซ่างกวนหยวน และพวกทหารรับจ้างของเทียนหลังต่างหาก
จิ้นเฟิงเฉินหรี่ตาทั้งคู่ลง “อย่างไรซะ ดูแลสื้อสื้อและลูกๆ ให้ดี”
“ครับ”
หลังจากที่อิ้งเทียนออกไปแล้ว จิ้นเฟิงเหราครุ่นคิด แล้วพูดขึ้น “หรือว่าผมจะไปที่บ้านของซ่างกวนเอง ดูพฤติกรรมของเขา”
“ไม่ต้องหรอก” จิ้นเฟิงเฉินหันมามองเขา “นายไปแล้ว ก็มีแต่เสียเวลา”
ก่อนหน้านี้พ่อจิ้นก็เคยบอกว่าจะไป แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ไป
จิ้นเฟิงเฉินคิดว่า มันเป็นการเสียเวลา
ในเมื่อซ่างกวนหยวนกล้าจ่ายเงินจ้างทหาร ก็หมายความว่าเธอไม่เห็นตระกูลจิ้นอยู่ในสายตา
“แล้วพวกเราจะไม่มีทางสู้กับซ่างกวนหยวนแล้วเหรอ? ”
แค่จิ้นเฟิงเหราคิดถึงสิ่งที่ซ่างกวนหยวนเคยทำ ก็รู้สึกมวนในท้อง
“พี่ยังไม่รีบ นายจะรีบอะไร? ” จิ้นเฟิงเฉินแสยะยิ้มขึ้นมา “พี่อยากจะรู้ว่าเธอจะทำเรื่องอะไรออกมาได้อีก”
“จากนิสัยของเธอแล้ว คงจะต้องทำเรื่องที่บ้ากว่าตอนนี้แน่นอน” จิ้นเฟิงเหรายิ่งคิดยิ่งร้อนใจ “พี่ ผมตัดสินใจจะลงมือกับบริษัทซ่างกวน”
“นายอยากจะทำอะไร? ” จิ้นเฟิงเฉินถาม
จิ้นเฟิงเหรายืดไหล่ “ผมก็แค่อยากจะเตือนเขาเล็กน้อย”
“อย่ารีบร้อนเกินไป” จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้ห้ามเขา
“ผมรู้ดีว่าควรทำอย่างไร พี่วางใจเถอะ” จิ้นเฟิงเหราแค่อยากจะตักเตือนซ่างกวนหยวนเท่านั้น คงไม่ปะทะกับบริษัทซ่างกวนจริงๆ
……
เจียงสื้อสื้อและลูกๆ ทั้งสองเอาแต่อยู่ที่บ้านทุกวัน กลัวว่าซ่างกวนหยวนเสียสติแล้วจะก่อเรื่อง
แต่ตามเวลาที่ล่วงเลยไปนั้น ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น แต่ลูกๆ เบื่อที่จะอยู่บ้าน งอแงจะออกจากบ้าน
ในขณะที่จนตรอก จิ้นเฟิงเฉินและเจียงสื้อสื้อจึงทำได้เพียงพาลูกๆ ทั้งสองไปเที่ยวที่สวนสัตว์น้ำ
ถึงแม้ว่าจะมีคนคอยปกป้อง แต่จิ้นเฟิงเฉินยังคงระวังเป็นอย่างมาก สายตาจ้องที่พวกเธอสามคนแม่ลูกอย่างไม่กะพริบ
เจียงสื้อสื้อยิ้ม จับมือของเขาแน่น แล้วพูดขึ้น “คุณวางใจเถอะ ครั้งนี้ฉันตามติดตัวคุณเลย ต้องไม่เกิดเรื่องแน่นอน”
เธอรู้ว่าเขาตกใจในเรื่องของครั้งที่แล้ว ตัวเธอเองก็ยังรู้สึกเข็ดหลาบ
จิ้นเฟิงเฉินยิ้ม และไม่ได้พูดอะไร
“หม่ามี๊! หนูอยากได้ลูกโป่งอันใหญ่อันนั้น” เสียงออดอ้อนของเถียนเถียนดังขึ้นมา พลางชี้ไปตรงที่ขายลูกโป่ง
เจียงสื้อสื้อก้มลงไปอุ้มเธอขึ้นมา หอมไปที่ใบหน้าหนึ่งที แล้วพูดขึ้นด้วยความเอ็นดู “ค่ะ อย่างนั้นพวกเราไปซื้อลูกโป่งให้เถียนเถียนกันเถอะ ถามพี่ชายซิว่าจะเอาด้วยไหม”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เถียนเถียนดีใจมาก ยิ้มจนตาหยีเป็นพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว มองไปทางเสี่ยวเป่า “พี่คะ เอาลูกโป่งไหมคะ? ”
ใบหน้าเท่ๆ ของเสี่ยวเป่าแสดงอารมณ์ออกมา เม้มปากเบาๆ แล้วพูดขึ้นด้วยความจริงจัง “มีแต่เด็กน้อยเท่านั้นแหละที่จะเล่นลูกโป่ง”