ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 1381 ฉันจะเอาให้เธอตายให้ได้
ซ่างกวนหยวนมองไปที่เจี่ยงฉือ ด้วยสีหน้าที่เย็นชา และไม่ปริปากพูดสักคำ
เจี่ยงฉือจ้องหน้าเธอไปชั่วขณะหนึ่ง เขาก็ยิ้ม “คุณยังไม่เชื่อผมงั้นเหรอ?”
จากนั้นไม่นาน ซ่างกวนหยวนก็เอ่ยปากพูดช้าๆ ว่า “ก่อนที่คุณจะออกไป ช่วยฉันทำอะไรสักอย่างหน่อยได้ไหม?”
“คุณต้องการให้ผมทำอะไร ก็พูดมาตรงๆ ดีกว่า ผมจะต้องทำได้อย่างแน่นอน”
“ได้เลย”
ซ่างกวนหยวนหรี่ตาลง จากนั้นในตาของเธอก็เต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม “ฉันต้องการให้เจียงสื้อสื้อตายไปสะ!”
เจี่ยงฉือรู้สึกประหลาดใจ “คุณแน่ใจแล้วเหรอ?”
“ที่ฉันเป็นอย่างทุกวันนี้ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะเธอ และเธอก็ไม่สามารถทำลายความเกลียดชังในใจของฉันได้ด้วย”
เพราะสีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเกลียดชัง จึงดูหน้าตาดุร้ายอย่างมาก
ซึ่งมันก็ชวนให้คนตกใจกลัวเช่นกัน
เจี่ยงฉือจึงระงับจิตใจที่กระวนกระวายนั้นไว้ จากนั้นเขาก็พูดอย่างหนักแน่นไปว่า “ได้ครับ ผมรับปากคุณ”
“แล้วจะเริ่มเมื่อไหร่?” ซ่างกวนหยวนถาม
ถ้าทำได้ เธอก็หวังว่าจะให้เจียงสื้อสื้อตายคืนนี้เลย
เมื่อมองความคิดของเธอออก เจี่ยงฉือก็พูดว่า “ผมต้องวางแผนไว้ก่อน บางทีอาจภายในสองสามวันข้างหน้านี้”
“ต้องรีบแล้วนะ”
เจี่ยงฉือพยักหน้า “ได้ครับ”
หลังจากที่เจี่ยงฉือจากไป ซ่างกวนหยวนก็กลับไปยังที่พักของเธอ
เมื่อนักโทษที่พักอยู่กับเธอเห็นว่าเธอกลับมา และยิ้มให้เธออย่างมีความสุข “พี่ใหญ่ พี่กลับมาแล้วเหรอ”
ซ่างกวนหยวนหันหน้ากลับมาอย่างรำคาญ แล้วเดินตรงไปนั่งบนเตียงของตัวเอง ด้วยสีหน้าที่หนักแน่น
อีกไม่นานเธอก็จะออกจากนรกแห่งนี้แล้ว!
……
เจียงสื้อสื้อรู้สึกได้ถึงอิสระที่ห่างหายหายไปนาน เพราะนอกจากการอยู่เป็นเพื่อนกับเจ้าเด็กน้อยทั้งสองคนนั้นในทุกวันแล้ว ยังได้เรียนรู้วิธีทำชากลิ่นดอกไม้จากแม่จิ้นอีกด้วย
และเธอก็ใช้ชีวิตไปอย่างน่าพอใจอย่างมาก
และในวันนั้นเอง ส้งหวั่นชีงก็อยากเตรียมของใช้สำหรับลูกในท้องของเธอ และแม่จิ้นก็เห็นด้วยอย่างมาก
“ทำไมเราไม่ออกไปเดินเล่นกัน และถือโอกาสซื้อเสื้อผ้าให้ลูกเลย ซึ่งตอนนี้ก็กำลังจะเปลี่ยนฤดูกาลแล้ว และเสี่ยวเป่ากับเถียนเถียนก็ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่กันแล้วด้วย”
“ได้เลยค่ะ” ส้งหวั่นชีงหันหน้ากลับไปมองเจียงสื้อสื้อ “พี่สะใภ้คะ แล้วพี่ล่ะ พี่จะออกไปเดินเล่นกับพวกเราด้วยไหมคะ?”
เจียงสื้อสื้อยิ้มพร้อมกับพยักหน้า “ได้สิ”
“งั้นก็ตกลงตามนี้นะ” แม่จิ้นหัวเราะเหอะๆ พร้อมกับพูดไปอย่างนั้น
หลังจากที่ทั้งสามเตรียมตัวกันเสร็จแล้ว พวกเธอก็พาเด็กๆ ทั้งสามไปด้วย จากนั้นพวกเขาก็ขับรถไปที่ห้างสรรพสินค้า
ทันทีที่ออกจากที่จอดรถแล้ว ก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมา
“คุณนายจิ้น เจียงสื้อสื้อ”
เจียงสื้อสื้อพวกเขาก็หยุดเดิน และมองตามเสียงนั้นไป
จากนั้นก็เห็นเพียง ซ่างหยิงเดินมาที่พวกเธอด้วยรอยยิ้ม
“น้าสะใภ้เล็กคะ คุณน้าสะใภ้มาที่นี่ได้ยังไงกัน?” เจียงสื้อสื้อรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ซ่างหยิงเดินเข้ามาใกล้ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “น้าสะใภ้มาเยี่ยมเพื่อนเป็นเพื่อนคุณน้าเขา พอพวกผู้ชายเขาคุยกันทีไรนี่คุยไม่จบไม่สิ้นเลย น้าสะใภ้รู้สึกเบื่อๆ น่ะ เลยออกมาสูดอากาศบ้าง”
“ทำไมไม่ไปที่บ้านสักครู่ล่ะ?” แม่จิ้นพูดอย่างอ่อนโยน จากนั้นก็พูดติดตลกไปอีกว่า “ถ้าไม่เจอเธอที่นี่ คงจะกลับไปเมืองหลวงโดยไม่พูดอะไรเลยสักคำแล้วใช่ไหม?”
ซ่างหยิงเผลอหัวเราะออกมา และพูดอธิบายไปว่า “ที่ไหนกันล่ะ แค่พวกเราไม่อยากรบกวนพวกคุณไปมากกว่านี้เท่านั้น”
“เป็นครอบครัวเดียวกันแท้ๆ ไม่มีอะไรต้องรบกวนกันหรอก”
แม่จิ้นพูดด้วยรอยยิ้ม แล้วก้มหน้าไปพูดกับเสี่ยวเป่าว่า “เสี่ยวเป่า ไปช่วยจูงคุณยายหน่อยเร็ว”
“ครับ!”
เสี่ยวเป่าตอบรับด้วยเสียงแจ๋ว พร้อมกับจูงมือซ่างหยิงอย่างเชื่อฟัง
ซ่างหยิงรู้สึกว่าหัวใจของเธอกำลังจะละลาย จากนั้นเธอก็ลูบหัวของเสี่ยวเป่า “เชื่อฟังดีจริงๆ เลยลูกเอ๊ย”
พวกเขาไม่กี่คนพูดคุยกันไปด้วย พร้อมกับเดินเล่นในห้างสรรพสินค้าไปด้วย
พวกเขาเดินเล่นทั้งเช้า และซื้อสินค้ามาอย่างเต็มไม้เต็มมือเลยทีเดียว
ซื้อของใช้สำหรับเด็กไปเยอะมาก และก็ซื้อเสื้อผ้ากับของเล่นให้เจ้าเด็กน้อยทั้งสามไปไม่น้อยเช่นกัน
“เลือกมาสักสองสามตัวสิ?” เมื่อเห็นซ่างหยิงยืนอยู่หน้าชั้นแขวนเสื้อผ้าเด็ก แม่จิ้นก็อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงถามออกมา
“ฉันเหรอ?” ซ่างหยิงหันหน้ามา แล้วมองเธออย่างสงสัย
“ใช่แล้วจ้ะ เตรียมไว้ล่วงหน้า สักวันมันต้องได้ใช้แน่นอน” แม่จิ้นจึงหยิบกระโปรงตัวเล็กน่ารักออกมาสองสามตัวแล้วยื่นไปให้เธอ “พวกนี้ไม่เลวเลยนะ”
ซ่างหยิงจึงรับมันมา แล้วมองไปที่กระโปรงตัวเล็กสองสามตัวนั้น จากนั้นก็รู้สึกราวกับว่าเธอสามารถจินตนาการได้ถึงหลานสาวในอนาคตของเธอว่าถ้าสวมใส่แล้วมันจะน่ารักขนาดไหน
“ในเมื่อจะซื้อแล้ว งั้นก็เลือกเพิ่มอีกสักสองสามตัวแล้วกัน” ซ่างหยิงยื่นกระโปรงตัวเล็กนั้นให้กับพนักงานที่อยู่ข้างๆ จากนั้นเธอก็เลือกไปอีกหลายชุดเลย
ซึ่งมีทั้งของเด็กผู้ชาย และของเด็กผู้หญิงด้วย
เมื่อเช็กบิล เจียงสื้อสื้อก็ตกใจ “น้าสะใภ้เล็กคะอันนี้… เวยเวยมีแล้วค่ะ”
ทำไมเธอถึงไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรขนาดนี้นะ?
ซ่างหยิงเผลอหัวเราะออกมา “ฉันคิดว่าอย่างนั้น แต่น่าเสียดายที่ไม่มี”
“ถ้าอย่างนั้นคุณน้าสะใภ้ก็…”
“เธอไม่เข้าใจหรอกว่า นี่มันเป็นการกันไว้ดีกว่าแก้”
เจียงสื้อสื้อเหลือบมองไปที่เสื้อผ้าที่กองเป็นภูเขานั้นแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า “พี่ชายกับเวยเวยยังไม่แต่งงานกันเลย คุณน้าสะใภ้ซื้อเสื้อผ้าตอนนี้มันจะเร็วไปหน่อยไหมคะ และคุณน้าสะใภ้ก็ซื้อไปเยอะมากเลย”
“เยอะไปงั้นเหรอ?” ซ่างหยิงขมวดคิ้ว ถ้าสามารถทำได้เธอยังอยากเหมาทั้งร้านด้วยซ้ำ
เมื่อคิดถึงหลานสาวหลานชายในอนาคตแล้ว เธอแทบจะรอไม่ไหวที่จะมอบสิ่งที่ดีที่สุดในโลกนี้ให้กับพวกเขาเลย
“เยอะมากจริงๆ นะคะ” เจียงสื้อสื้อจนปัญญา “เด็กๆ โตไวมากนะคะ เสื้อผ้าเยอะขนาดนี้คงใช้ไม่ทันหรอกค่ะ และนอกจากนี้ มันก็จะไม่เข้ากับฤดูกาลด้วยนะคะ”
ซ่างหยิงก็มีปฏิกิริยากลับมาเช่นกัน “เธอก็พูดถูก งั้นก็ซื้อน้อยๆ ลงหน่อยแล้วกัน”
หลังจากที่พวกเขาซื้อเสื้อผ้าเสร็จ ก็เที่ยงพอดี
พวกเขาทั้งหมดจึงขึ้นไปชั้นบนสุด และทานข้าวในร้านอาหารจีนที่เจียงสื้อสื้อได้จองไว้ล่วงหน้าแล้ว
หลังจากสั่งอาหารแล้ว ขณะที่พวกเขาไม่กี่คนกำลังคุยเล่นกันนั้น ซ่างหยิงก็พูดขึ้นมาทันทีว่า “ยู่เชินกับเวยเวยวางแผนไว้ว่าจะหมั้นกันไว้ก่อน”
เจียงสื้อสื้อดีใจอย่างมาก เธอถอนหายใจแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “พี่ชายกับเวยเวยกระทบกระทั่งกันมานาน ในที่สุดก็ตกลงกันได้สักทีนะคะ”
เธอรู้ถึงสภาพความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นอย่างดี พอตอนนี้ได้ยินว่าพวกเขากำลังจะหมั้นกัน เธอก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันที
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดนั้น…..
“น้าสะใภ้เล็กคะ การที่น้าสะใภ้คิดได้นั้น มันเป็นอะไรที่ดีมากแล้วล่ะค่ะ”
ซ่างหยิงส่ายหัวพร้อมกับถอนหายใจ “ก่อนหน้านี้น้าสะใภ้เองก็เอาแต่ใจตัวเองเกินไป ทั้งยังทำสิ่งที่โง่เง่า อย่างนั้นไปอีก พอลองมาคิดดูตอนนี้แล้ว ลูกหลานทุกคนล้วนมีบุญตามลิขิต และการที่น้าสะใภ้เองเป็นกังวลขนาดนั้นมันก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอก”
ถ้าไม่ใช่เพราะครั้งนั้นที่ยู่เชินเป็นลมไป เธอคงยังไม่รู้เลยจริงๆ ว่าความรู้สึกของยู่เชินที่มีต่อเวยเวยจะลึกซึ้งขนาดนั้น
แต่ก็โชคดีที่ เวยเวยสาวน้อยคนนั้นเป็นคนใจกว้าง ไม่อย่างนั้นตอนนี้เธอคงจะทำใจให้อภัยน้าสะใภ้ยากแล้ว
“มันผ่านไปแล้วนะคะ และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเรื่องของอนาคต” เจียงสื้อสื้อพูดปลอบใจ
“สื้อสื้อพูดถูก ไม่ว่าก่อนหน้านี้เราจะทำเรื่องโง่เง่าอะไรไป ขอแค่ต่อจากนี้พยายามไปมาหาสู่กับลูกสะใภ้ดีๆ นี่สิถึงจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด” แม่จิ้นพูดเห็นด้วย
ซ่างหยิงพยักหน้า “ใช่แล้ว ขอแค่ให้ลูกมีความสุขก็พอแล้ว”
แม่จิ้นเปลี่ยนหัวข้อสนทนา แล้วชวนคุยเรื่องอื่นทันที
เจียงสื้อสื้อฟังพวกเธอพูดอย่างเงียบๆ และคอยพูดคล้อยตาม แล้วเธอก็รู้สึกผ่อนคลายอย่างมาก
เพราะเธอไม่ได้รู้สึกผ่อนคลายขนาดนี้มานานแล้ว วันเวลาแบบนี้ช่างดีเหลือเกิน
“หนูจะไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ” เจียงสื้อสื้อลุกขึ้น
“ให้ฉันไปเป็นเพื่อนไหม?” ส้งหวั่นชีงถาม
เจียงสื้อสื้อเผลอหัวเราะออกมา “ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะ ฉันไปเองได้ค่ะ พวกคุณคุยกันต่อเถอะค่ะ”
พอพูดจบ เธอก็เดินออกจากห้องวีไอพีไป
ห้องน้ำอยู่สุดทางระเบียงทางเดิน และเธอก็สาวเท้าเดินเข้าไป
อย่างอธิบายไม่ถูก เธอรู้สึกได้ว่าเหมือนมีสายตาคู่หนึ่ง กำลังจ้องมองตัวเธออย่างหนาแน่นราวกับงูพิษ
พอยิ่งนานเข้าเธอก็ยิ่งรู้สึกอึดอัดขึ้นมาเรื่อยๆ
เธอจึงค่อยๆ หยุดฝีเท้าลง แล้วบีบฝ่ามือของตัวเองไว้แน่นน จากนั้นก็รู้สึกเสี่ยวหลังไปทีหนึ่ง
ซึ่งมันเป็นความรู้สึกที่เหมือนจะยิ่งอยู่ยิ่งเข้ามาใกล้เข้ามาทุกที
หลังจากที่หายใจเข้าลึกๆ ไปทีหนึ่ง เธอก็หันหน้ากลับมาทันที
แต่กลับไม่มีใครอยู่ข้างหลังเลยสักคน และระเบียงทางเดินนั้นก็เงียบกริบจนไม่มีเสียงใดๆ เลย
เธอเลิกคิ้วขึ้น หรือว่าจะเป็นเพราะเธอความรู้สึกไวไปเอง?
เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และคิดว่ามันเป็นเพราะเธอหลอนเอง ดังนั้นเธอจึงไม่ได้ใส่ใจอะไร จากนั้นก็สาวเท้าไปในห้องน้ำต่อ