ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 1383 เพราะคุณสวยไง
จิ้นเฟิงเฉินจึงเดินออกจากห้องทำงาน และแค่ครู่เดียวเขาก็เห็นเจียงสื้อสื้อที่ศึกษาดูแฟ้มเอกสารอย่างตั้งใจ ตรงหน้าโต๊ะห้องทำงาน
เธอดูเอาจริงเอาจังอย่างมาก จนไม่ทันได้สังเกตเห็นว่าเขาได้เข้ามาข้างในแล้ว
จนกระทั่ง…..
ก๊อกๆ!
จิ้นเฟิงเฉินงอนิ้วขึ้นเคาะพื้นโต๊ะเบาๆ
เจียงสื้อสื้อเงยหน้าขึ้น และเห็นว่าเป็นเขา จากนั้นรอยยิ้มที่สดใสก็ค่อยๆ เบ่งบานขึ้นบนใบหน้าของเธอ
“คุณมาได้ไง ทำงานเสร็จแล้วเหรอ?”
จิ้นเฟิงเฉินยกมือขึ้น และใช้ปลายนิ้วเคาะบนนาฬิกาข้อมือ “เที่ยงแล้วนะ”
“เหรอคะ?” เจียงสื้อสื้อจึงเหลือบมองเวลาที่ด้านล่างขวามือของคอมพิวเตอร์ทันที
สิบสองนาฬิกายี่สิบนาทีแล้วนิ
เที่ยงแล้วจริงๆ
เธอยิ้มอย่างจนปัญญา “ฉันไม่ได้ตั้งใจขนาดนี้มานานแล้ว เลยลืมดูเวลาไปเลย”
“ไปทานข้าวกันเถอะ” จิ้นเฟิงเฉินพูด
“ได้ค่ะ”
เจียงสื้อสื้อลุกขึ้น พร้อมกับสะพายกระเป๋าที่อยู่ข้างๆ
เมื่อเห็นดังนั้น จิ้นเฟิงเฉินจึงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “แค่ทานข้าวในโรงอาหารของบริษัทเอง ไม่ต้องนำกระเป๋าไปด้วยหรอก”
“เหรอคะ”
เจียงสื้อสื้อจึงวางกระเป๋าลงอย่างเชื่อฟัง แล้วเดินไปข้างๆ เขา
จิ้นเฟิงเฉินจึงถือโอกาสจูงเธอออกไป
พวกเขาเจอพนักงานระหว่างทางไม่น้อยเลย ซึ่งเหล่าพนักงานนั้นต่างก็พากันหยุดฝีเท้าลง พร้อมกับพูดทักทายด้วยความเคารพ “ท่านประธาน คุณนายสวัสดีครับ/ค่ะ”
ใบหน้าที่หล่อเหลาของจิ้นเฟิงเฉินดูสงบอย่างมาก และเขาก็เดินไปข้างหน้าอย่างเคร่งขรึม
แต่เจียงสื้อสื้อกลับยิ้มและพยักหน้าให้พวกเขา
ทันทีที่ไปถึงโรงอาหาร เดิมทีที่มีเสียงดังอยู่บ้างนั้น ก็เงียบลงทันที
และทุกคนก็พากันมองมา
และแค่ครู่เดียวพวกเขาก็กลายเป็นจุดสนใจของทุกสายตา เจียงสื้อสื้อรู้สึกอึดอัด เธอจึงจับมือของจิ้นเฟิงเฉินไว้แน่นโดยไม่รู้ตัว
เธอกลัวว่าทุกคนจะลุกขึ้น แล้วพากันทักทายอย่างสุขภาพว่า “ท่านประธาน” และ “คุณนาย”
โชคดีที่ไม่ได้เป็นอย่างนั้น
เพราะไม่นานทุกคนก็ละสายตาไปอย่างรวดเร็ว แล้วก้มหน้าทานข้าวในจานของตัวเองอย่างเงียบๆ
เจียงสื้อสื้อถอนหายใจด้วยความโล่งอกยาวๆ
จิ้นเฟิงเฉินจึงพาเธอไปยังที่ที่สั่งอาหาร “อยากทานอะไรก็เลือกเองเลยนะ”
เจียงสื้อสื้อมองดูเมนูอาหาร ซึ่งก็มีทั้งกับข้าวและก๋วยเตี๋ยว หรือแม้แต่อาหารญี่ปุ่นก็มีด้วย
เธอจึงสั่งข้าวหน้าปลาไหลไปจานหนึ่ง
“แล้วคุณอยากทานอะไรล่ะ?” เจียงสื้อสื้อหันหน้ามาแล้วถามเขาไป
“เหมือนคุณ”
ดังนั้น พวกเขาทั้งสองจึงหยิบข้าวปลาไหลชุดเดียวกันแล้วหาที่นั่งลง
ทันทีที่นั่งลง เจียงสื้อสื้อก็ได้ยินพนักงานจากด้านหลังพูดอย่างชัดเจนว่า “ท่านประธานกับภรรยาของเขานี่รักกันมากจริงๆ เน้อ อย่าพูดว่ารักกันจนไม่อาจพลาดจากกันได้เลย แม้แต่กับข้าวพวกเขายังสั่งอย่างเดียวกัน”
“ใช่แล้ว รักกันมากจริงๆ เลย ฉันอิจฉามากเลย”
แม้ว่าพวกเขาจะพยายามลดเสียงให้เบาลง แต่เจียงสื้อสื้อยังคงได้ยินทุกอย่างอย่างชัดเจน เธอจึงลืมตาขึ้นมองจิ้นเฟิงเฉินที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเธอ
และเขาก็คงจะได้ยินแล้วเช่นกัน
เมื่อได้ยินเหล่าพนักงานพูดถึงตัวเอง ไม่รู้ว่าเขาจะรู้สึกยังไงเน้อ
เจียงสื้อสื้อจึงอดสงสัยไม่ได้ เธอก้มลงทานอาหารไปคำหนึ่ง แล้วกะพริบตา แล้วเอ่ยปากถามไปว่า
“คุณคงไม่ชอบให้พนักงานพูดถึงตัวเองสินะ?”
จิ้นเฟิงเฉินจึงเปิดเปลือกตาออก และสายตาที่เย็นยะเยือกก็หยุดอยู่ที่ใบหน้าซึ่งอยากรู้อยากเห็นของเธอ จากนั้นมุมปากของเขาก็ค่อยๆ ยกยิ้มขึ้น “ที่พวกเขาพูดน่ะมันคือความจริง ดังนั้นผมจึงไม่รู้สึกรังเกียจ”
“มีใครรู้สึกว่าตัวเองรักกันมากที่ไหนกันล่ะ” เจียงสื้อสื้อทำท่าทีโกรธเขาไปครู่หนึ่ง
จิ้นเฟิงเฉินยิ้ม แต่กลับไม่พูดอะไร
หลังจากรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ พวกเขาก็กลับไปที่ห้องทำงาน และเจียงสื้อสื้อก็พักผ่อนไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เข้าสู่การทำงานอีกครั้ง
เมื่อเห็นว่าเธอจริงจังกับงานมาก จิ้นเฟิงเฉินก็แอบกังวลเล็กน้อย
เขาหวังว่าจิตใจของเธอจะยังอยู่กับตัวเขา
จิ้นเฟิงเฉินตกใจกับความคิดนี้ของตัวเอง จากนั้นเขาก็อดยิ้มไม่ได้ ทำไมเขาถึงรู้สึกหึงหวงเหมือนเด็กน้อยเลย?
เขาจึงหันกลับไปที่ห้องทำงานของตัวเอง
เมื่อประตูห้องทำงานของท่านประธานปิดลง เจียงสื้อสื้อก็เงยหน้าขึ้น และสายตาของเธอก็แอบส่องผ่านประตูกระจก จากนั้นมุมปากของเธอก็ค่อยๆ ยกขึ้นมา
ความรู้สึกในการทำงานด้วยกันของพวกเขาทั้งสองก็ไม่เลวเหมือนกัน
……
เลิกงานในตอนเย็น จิ้นเฟิงเฉินจึงให้คนขับรถกลับไปก่อน และตัวเขาก็ขับรถพาเจียงสื้อสื้อไปบนเขาด้วยตัวเอง
เจียงสื้อสื้อมองไปยังทิวทัศน์ที่ปรากฏจากทางหน้าต่าง เธอก็หันหน้ากลับมา แล้วมองไปยังจิ้นเฟิงเฉินที่กำลังจดจ่ออยู่กับการขับรถ จากนั้นเธอก็ถามด้วยความประหลาดใจว่า “พวกเรากำลังจะไปไหนกัน?”
จิ้นเฟิงเฉินมองไปที่ถนนหน้ารถ แล้วตอบว่า “ไปถึงก็จะรู้เอง”
เจียงสื้อสื้อเลิกคิ้ว และไม่ได้ถามอะไรอีก
จากนั้นประมาณสิบกว่านาที รถก็จอดลงที่หน้าร้านอาหารส่วนตัวแห่งหนึ่ง
“ที่แท้ก็คุณก็พาฉันมาทานมื้อเย็นที่นี่นี่เอง” ในที่สุดเจียงสื้อสื้อก็รู้ถึงความตั้งใจของเขา
แต่เขากลับพูดอย่างชัดเจน บางทีเขาอาจอยากเซอร์ไพรส์เธอ
เจียงสื้อสื้อลงจากรถ แล้วมองเข้าไปในห้องอาหาร
แม้ว่าจะเป็นช่วงกลางคืน และอยู่บนไหล่เขา มีโต๊ะไม่มาก แต่ก็เกือบเต็มแล้วเหมือนกัน
“เข้าไปสิ”
จิ้นเฟิงเฉินจูงมือเธอและเดินเข้าไป
“ยินดีต้อนรับครับ ไม่ทราบว่าทั้งสองท่านได้จองไว้ล่วงหน้าไหมครับ?” พนักงานเสิร์ฟต้อนรับพวกเขาอย่างอบอุ่น
“จองแล้วครับ” จิ้นเฟิงเฉินพูดหมายเลขการจองให้พนักงานเสิร์ฟ
“งั้นเชิญทางนี้ครับ”
พนักงานเสิร์ฟจึงพาพวกเขามาที่ห้องวีไอพีห้องหนึ่ง
หลังจากเข้าไปแล้ว เจียงสื้อสื้อก็ส่งเสียงประหลาดใจเบาๆ เมื่อเดินไปที่หน้าต่าง สิ่งที่สังเกตเห็นนั้นก็คือวิวในยามราตรีของเมืองจิ่น
“สวยมากเลย” เธออดชื่นชมไม่ได้
จิ้นเฟิงเฉินเดินไปข้างๆ เธอ แล้วหันมองท่าทีที่เต็มไปด้วยความสุขของเธอ จากนั้นมุมปากของเขาก็ยกยิ้มขึ้นโดยไม่ตั้งใจ
“ชอบไหม?” เขาถามด้วยเสียงเบา
เจียงสื้อสื้อหันหน้ามา แล้วมองเข้าไปในดวงตาที่ลึกและดำสนิทของเขาพอดี
จากนั้นหัวใจของเธอก็สั่นอย่างรุนแรง
เธอจึงรีบลืมตาขึ้นมา แล้วพยักหน้า “ชอบค่ะ ฉันชอบมากเลย”
และทั้งสองก็ยืนเคียงข้างกันดูวิวในยามราตรีอย่างเงียบๆ ที่หน้าต่าง หลังจากยืนอยู่นาน เจียงสื้อสื้อก็เอ่ยปากถามว่า “คุณรู้จักร้านอาหารนี้ได้ยังไงกัน?”
“เฟิงเหราแนะนำมาน่ะ”
เมื่อตอนที่จิ้นเฟิงเหราแนะนำนั้น ยังคงบอกอีกด้วยว่าร้านนี้ยอดเยี่ยมมาก พี่สะใภ้จะต้องชอบแน่
เมื่อมาคิดดูตอนนี้ เหมือนว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นถูกเลย
“มีวิวยามราตรีที่สวยงามขนาดนี้ คืนนี้ฉันจะต้องทานให้เยอะๆ หน่อยแล้วล่ะ” เจียงสื้อสื้อยิ้มจนตาหยี
จิ้นเฟิงเฉินยิ้มอย่างรักใคร่ “งั้นก็ทานให้เยอะๆ หน่อยสิ”
หลังจากทานอาหารเสร็จ เจียงสื้อสื้อก็คิดว่าคงจะกลับบ้านกันแล้ว
แต่ทันทีที่เดินออกจากร้าน แล้วเธอก็กำลังเดินตรงไปที่รถนั้น
“เดี๋ยวก่อน” จิ้นเฟิงเฉินก็คว้าตัวเธอไว้
“มีอะไรเหรอคะ?” เธอหันหน้ามา มองเขาอย่างมึนงง
“เราไปดูดาวบนยอดเขากัน”
พอพูดจบ เจียงสื้อสื้อยังไม่ทันได้โต้ตอบกลับมาเลย เขาก็พาเธอขึ้นไปบนยอดเขาแล้ว
ซึ่งร้านอาหารอยู่บนไหล่ทาง ดังนั้นจึงอยู่ห่างยอดเขาระยะหนึ่ง
พวกเขาจับมือกันแล้วเดินอย่างช้าๆ เช่นเดียวกับคู่รักอื่นๆ ตามถนน
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง พวกเขาก็มาถึงบนยอดเขา
สายลมในยามเย็นก็พัดผ่านมา เจียงสื้อสื้อจึงหลับตาลง และสูดหายใจเข้าลึกๆ “อากาศที่นี่ดีจริงๆ เลยเน้อ”
จากนั้น เธอจึงลืมตาขึ้นมา แล้วเงยหน้าขึ้นไปมองบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว จากนั้นเธอก็ยิ้ม “ดาวเยอะมากเลย สวยมากจริงๆ”
จิ้นเฟิงเฉินจึงก้มหน้ามองลงมาที่เธอ จากนั้นก็เห็นเพียงแสงไฟที่ส่องเข้ามาในดวงตาของเธอ จนกลายเป็นแสงดาวเล็กๆ ที่ส่องแสงแวววาวอย่างสวยงามราวกับดวงดาว
เมื่อสังเกตได้ถึงการจ้องมองของเขา เจียงสื้อสื้อก็ละสายตาไปทันที แล้วมองมาที่เขาว่า “ทำไมคุณไม่ดูดาวล่ะ? แล้วมองฉันทำไมด้วย?”
“เพราะคุณสวยไง”
เจียงสื้อสื้อตะลึงกับคำพูดรักๆใคร่ๆอย่างกะทันหันของเขา จากนั้นเขาจึงตอบสนองกลับมา ด้วยใบหน้าที่เขินอาย “ใครสอนให้คุณพูดอย่างนี้กัน?”
“เรื่องนี้ยังต้องให้คนสอนด้วยเหรอ?” จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้ตอบคำถามของเธอ
เจียงสื้อสื้อจึงส่งเสียงหัวเราะแห้งๆ “ก็ใช่อยู่”
จิ้นเฟิงเฉินจึงโอบเธอเข้ามาในอ้อมแขน แล้วพูดเบาๆ ข้างหูเธอว่า “ในสายตาของผม คุณดูสวยกว่าดวงดาวทุกดวงเลยนะ”
จากนั้นเธอก็รู้สึกราวกับว่าหัวใจของเธอถูกแช่ในบ่อน้ำผึ้ง และหัวใจทั้งดวงของเธอก็หวานฉ่ำ
เจียงสื้อสื้อจึงอยู่อย่างนิ่งในอ้อมแขนของเขา และในที่สุดมุมปากของเธอก็ยกขึ้น
ทันใดนั้น เธอก็หันหน้ากลับมาอย่างรวดเร็ว แล้วขมวดคิ้วขึ้น
เป็นความรู้สึกที่ถูกคนจ้องมองอย่างหนาแน่นนั้นอีกแล้ว
ซึ่งมันเหมือนเมื่อครั้งที่อยู่ในห้างสรรพสินค้าเลย