ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 1388 มีคนลอบติดตามพี่มาโดยตลอด
ทันทีที่เสียงเงียบลง จิ้นเฟิงเหราก็เหยียบคันเร่งอย่างกะทันหัน
เจียงสื้อสื้อยังไม่ทันได้ตอบสนองกลับมา ความเร็วของรถก็เร็วจนถึงขีดสุดซะแล้ว และเธอมือก็จับเข็มขัดนิรภัยโดยไม่รู้ตัว
“เฟิงเหรา เธอทำอะไรน่ะ?”
“พี่สะใภ้ครับ มีรถตามพวกเรามา”
หลังจากได้ยินจิ้นเฟิงเหราพูด เจียงสื้อสื้อก็มองไปที่กระจกหลังโดยไม่รู้ตัว จากนั้นรูม่านตาของเธอก็หดลง
มีรถวิ่งตามพวกเขาอยู่จริงๆ ด้วย
“นี่มันเรื่องอะไรกัน?” เจียงสื้อสื้อถามอย่างร้อนใจ
“พี่สะใภ้ครับ ที่จริงแล้วช่วงนี้มีคนลอบติดตามพี่มาโดยตลอด” จิ้นเฟิงเหราหันหน้ามามองเธอ
ลอบติดตามเธองั้นเหรอ?!
อยู่ๆ เจียงสื้อสื้อก็นึกถึงสิ่งที่เธอคิดว่าเป็นเพราะเธอหลอนไปเองทั้งสองครั้งก่อนหน้านี้ขึ้นมา
เธอรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ามีใครบางคนกำลังจ้องมองเธออยู่ทั้งสองครั้ง แต่เมื่อเธอหันกลับมากลับไม่เจอใครเลย เธอจึงคิดว่าเป็นเพราะเธอหลอนไปเอง
ที่แท้มันไม่ใช่สิ่งที่เธอหลอนไปเอง แต่มีคนกำลังลอบติดตามเธออยู่จริงๆ
“พี่สะใภ้ครับ พี่นั่งดีๆ นะครับ ผมจะหาวิธีสลัดมันทิ้ง”
“ได้เลย”
เจียงสื้อสื้อกลืนน้ำลายไปทีหนึ่ง จากนั้นมือทั้ง 2 ข้างก็จับเข็มขัดนิรภัยไว้แน่นอย่างกระวนกระวายใจ
รถขับเร็วมาก จิ้นเฟิงเหรารู้สึกว่าตัวเองจะประสาทแตกแล้ว และเขาไม่กล้าที่จะผ่อนมันลงด้วย
แต่อีกฝ่ายก็ยากเกินที่จะกำจัดจริงๆ ยังไงก็สลัดทิ้งไม่ได้สักที
“เฟิงเหรา เธอเหงื่อออก” เจียงสื้อสื้อจึงรีบดึงกระดาษทิชชูออกมาช่วยเช็ดเหงื่อให้เขา
จิ้นเฟิงเหราฝืนยิ้มไปครู่หนึ่ง “พี่สะใภ้ครับ พี่ว่าถ้าผมไม่สามารถสลัดรถคันนั้นทิ้งไปได้ แล้วเราจะต้องทำยังไงดีครับ?”
แม้ว่าในใจของเจียงสื้อสื้อก็ตึงเครียดมากเช่นกัน แต่ก็ยังพยายามฝืนยิ้มออกมา “ไม่เป็นแบบนั้นหรอก พี่เชื่อใจเธอนะ”
“ในเมื่อพี่สะใภ้เชื่อใจผมแบบนี้ งั้นผมจะไม่ทำให้พี่ผิดหวังแน่”
ในช่วงเวลาที่คับขันแบบนี้ เขาก็ยังมีอารมณ์ชวนคุยอีก แต่เจียงสื้อสื้อก็ไม่รู้ว่าควรหัวเราะหรือโกรธดีอยู่ชั่วขณะหนึ่ง
อีกฝ่ายก็ตามติดไม่ปล่อยเลย จิ้นเฟิงเหรารู้ดีว่าถ้าเขาไม่สามารถสลัดทิ้งไปได้ เขาและพี่สะใภ้จะต้องเจอปัญหาแน่
ดังนั้น เขาจึงโทรหาอิ้งเทียน และบอกสถานการณ์ให้เขารู้
“คุณชายรองครับ คุณชายบอกตำแหน่งและทิศทางให้ผม แล้วผมจะพาคนไปที่นั่นทันทีครับ”
“ได้เลย”
หลังจากวางสาย จิ้นเฟิงเหราก็ยื่นมือถือให้เจียงสื้อสื้อ “พี่สะใภ้ครับ พี่ช่วยส่งตำแหน่งให้อิ้งเทียนหน่อยครับ”
เจียงสื้อสื้อจึงรับมา แล้วหาวีแชทของอิ้งเทียนจนเจออย่างไม่รีรอ และส่งตามคำขอไป
ในขณะเดียวกันนั้น เมื่ออิ้งเทียนได้รับตำแหน่งแล้วก็รีบส่งให้จิ้นเฟิงเฉินทันที แล้วโทรหาเขา
ทันทีที่รับสาย เขาก็พูดอย่างร้อนใจว่า “คุณชายครับ มีคนกำลังลอบติดตามคุณชายรองและคุณนายอยู่ ผมได้ส่งตำแหน่งให้คุณชายแล้ว และผมจะพาคนตามไปเดี๋ยวนี้เลยครับ”
เมื่อเขาได้ยินว่ามีคนลอบติดตามเจียงสื้อสื้อพวกเขาอยู่ จิ้นเฟิงเฉินก็ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน
และห้องประชุมทั้งห้องก็เงียบกริบ เหล่าผู้บริหารระดับสูงก็มองมาที่เขาอย่างสงสัย
“คุณชาย เป็นอะไรไปครับ?” กู้เนี่ยนเอ่ยปากถาม
“หยุดการประชุมชั่วคราว ส่วนคุณตามผมมา”
พอพูดจบ จิ้นเฟิงเฉินก็สาวเท้าเดินออกไป
กู้เนี่ยนส่งเสียงพูด “การประชุมสิ้นสุดลงแค่นี้” จากนั้นก็รีบตามไป
……
“เฟิงเหรา นายระวังหน่อยนะ!”
เจียงสื้อสื้อตกใจกลัวจนเสียงดังขึ้น
เมื่อกี้นี้ รถเกือบชนเข้ากับรถที่แล่นมาอีกเลนแล้ว
“พี่สะใภ้ครับ พี่ไม่ต้องกลัวไปนะครับ ผมขับรถเก่งมากเลยนะ” แม้จิ้นเฟิงเหราใกล้จะประสาทแตกแล้ว เขาก็ยังไม่ลืมที่จะหันไปปลอบเจียงสื้อสื้อ
“ฉันรู้ เธอมองทางเถอะ!” สีหน้าของเจียงสื้อสื้อซีดไปหมดแล้ว
เธอหันไปมองกระจกหลัง แล้วรถคันนั้นก็ยังวิ่งตามติดอยู่เช่นเคย
จะทำยังไงดี?
เจียงสื้อสื้อรู้สึกกระวนกระวายใจไม่หายเลย เพราะสถานการณ์ในตอนนี้มันอันตรายเกินไป และถนนสายนี้ก็มีรถวิ่งตลอดทางเลยด้วย ดังนั้นเพื่อที่จะสลัดรถคันนั้นทิ้งไป เขาจึงเกือบจะชนกับคันอื่นแล้วหลายครั้ง
แต่ก็ยังสลัดอีกฝ่ายทิ้งไม่ได้เลย ทางกลับกันถ้าประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ขึ้นมา เช่นนั้นเรื่องก็ยิ่งยุ่งยากเข้าไปอีก
และยิ่งไปกว่านั้นก็มีคนที่ไม่เกี่ยวข้องมากมายบนถนนอีกด้วย และเธอก็ไม่อยากทำร้ายคนอื่นเพราะเรื่องของเธอเองด้วย
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เจียงสื้อสื้อก็พูดขึ้นทันทีว่า “เฟิงเหรา ขับรถไปที่ถนนสายที่มีรถน้อยๆ หน่อย ไม่อย่างนั้นมันจะอันตรายเกินไป”
เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของจิ้นเฟิงเหราก็ดูแย่ขึ้นมา “พี่สะใภ้ครับ ตอนนี้เป็นชั่วโมงเลิกงาน บนถนนทุกสายมีรถเยอะเท่านั้นเลย”
เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้ว “งั้นก็ขับรถออกไปนอกชานเมือง”
“ได้ครับ” จิ้นเฟิงเหราเลี้ยวขวาจากสี่แยกไฟแดงข้างหน้า
และรถก็กำลังแล่นไปบนถนนสู่ชานเมือง ซึ่งภายในรถก็เงียบมากจนสามารถได้ยินเสียง “ตุ๊บๆ” ของหัวใจ
เพราะตื่นเต้นเกินไป เจียงสื้อสื้อก็รู้สึกว่าหลังของเธอเปียกไปหมด และมีเหงื่อไหลลงมาจากหน้าผากของเธอ
เมื่อจิ้นเฟิงเหราเร่งความเร็วครั้งแล้วครั้งเล่า เขาก็คิดเงียบๆ อยู่ในใจว่า รีบสลัดทิ้งสิ รีบสลัดทิ้งไป……
แต่อีกฝ่ายก็กัดไม่ปล่อย กระทั่งพยายามที่จะหยุดรถพวกเขาไว้ แต่ก็ถูกจิ้นเฟิงเหราหลบไปได้
เดี๋ยวรถก็ขับไปทางซ้าย เดี๋ยวก็ขับไปทางขวา มันทำแบบนี้ไปๆ มาๆ จนสีหน้าของเจียงสื้อสื้อยิ่งอยู่ก็ยิ่งดูแย่ลงเรื่อยๆ
ในท้องของเธอปั่นป่วนอย่างหนักไปชั่วขณะหนึ่ง แล้วเธอก็รู้สึกคลื่นไส้จนมันทะลักขึ้นมาถึงในลำคอ เจียงสื้อสื้อจึงกำหมัดแน่น จนทั้งข้อนิ้วมือขาว จากนั้นเธอจึงเล็บถลำเข้าไปในเนื้อของฝ่ามือเธอ
เพราะเธอพยายามใช้ความเจ็บปวดเล็กน้อยนี้มาบรรเทาอาการปวดท้องของเธอ
ในขณะนั้นเอง เจียงสื้อสื้อก็พบว่ามีรถที่ตามมาข้างหลังเพิ่มมาอีกหลายคัน
เธอจึงรีบตะโกนพูดว่า “เฟิงเหรา ทำไมรถด้านหลังมีเพิ่มขึ้นล่ะ?”
จิ้นเฟิงเหราคิดว่ามันเป็นรถของอีกฝ่าย ดังนั้นเขาจึงรีบมองไปแวบหนึ่ง และพบว่าไม่ใช่ ดังนั้นเขาจึงถอนหายใจด้วยความโล่งใจยาวๆ
มีรถอีกคันเร่งความเร็วแล้วขับถึงข้างๆ พวกเขา จากนั้นหน้าต่างถูกลดระดับลง และเขาก็คืออิ้งเทียนนั่นเอง
“คุณนายครับ ขอโทษด้วยนะครับ ที่พวกเรามาช้าไปหน่อย”
ทันทีที่เห็นเขา เจียงสื้อสื้อก็ถอนหายใจด้วยความโล่งใจ
ดีมากเลย ในที่สุดก็มีคนมาช่วยพวกเขาแล้ว
อิ้งเทียนจึงขับรถตรงเข้าไปขวางทางรถคันนั้น และรถคันอื่นๆ อีกหลายคันก็หยุดลง แล้วปิดล้อมรถคันนั้นไว้ตรงกลาง
เมื่อมองผ่านกระจกหลัง เจียงสื้อสื้อก็ได้เห็นทุกอย่าง และหัวใจที่เกือบจะหลุดออกมานั้นในที่สุดก็หยุดลง
จิ้นเฟิงเหราก็ถอนหายใจด้วยความโล่งใจเช่นกัน เขาพูดติดตลกไปว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะสถานการณ์อันตราย ขับรถเร็วแบบนี้ก็สนุกมากเลยนะครับ”
“หุบปาก” เจียงสื้อสื้อหันกลับจ้องเขาแวบหนึ่ง “หลังจากนี้ห้ามขับรถเร็วแบบนี้อีกนะ ต้องคิดถึงหวั่นหวั่นกับลูกด้วย”
จิ้นเฟิงเหราเผลอหัวเราะออกมา “พี่สะใภ้ครับ พี่ไม่ต้องกังวลไปหรอก ผมแค่ล้อเล่นเอง”
เขาคิดว่าจะจอดรถไว้ข้างทาง และในขณะนั้นเอง ก็มีรถคันหนึ่งขับตรงมาที่เขา
“บัดซบเอ๊ย!” จิ้นเฟิงเหราระเบิดคำหยาบออกมา “ยังไม่จบอีกเหรอฮะ?”
ซึ่งรถคันนั้นต้องการพุ่งตรงมาที่พวกเขาอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งถ้ามันชนเข้าแบบนี้ เขากับพี่สะใภ้จะต้องตายอย่างแน่นอน
ในชั่วขณะนั้นเอง จิ้นเฟิงเหราก็หมุนพวงมาลัย จากนั้นรถก็ขับตรงไปข้างทาง
“คุณชายรอง คุณนายครับ!”
เมื่อเห็นฉากนี้อิ้งเทียนก็ร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ
บูม!
เสียงดังที่รุนแรงนั้นดังจนทะลุท้องฟ้าในยามค่ำคืน
แม้ว่ารถของจิ้นเฟิงเหราจะหลบรถคันนั้นได้ แต่กลับชนเข้ากับต้นไม้ข้างทาง
ทันทีที่ชนเข้ากับต้นไม้ เจียงสื้อสื้อก็ส่งเสียงกรีดร้องไปทีหนึ่ง และในวินาทีต่อมา ก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลย
เมื่อรถคันนั้นเห็นว่ารถชนเข้าอย่างแรงแล้ว ก็ถอยรถเตรียมที่จะหนี
ซึ่งในขณะนั้นเอง ก็มีรถอีกสองสามคันแล่นเข้ามาใกล้ และขวางรถคันนั้นเอาไว้
เห้อซูหานลงจากรถ และเมื่อเห็นรถชนต้นไม้ที่อยู่ไม่ไกล สีหน้าของเขาก็ซีดขึ้นมาทันที
เขาพยายามจะวิ่งไปดูสถานการณ์ แต่ก็มีคนกระโดดลงจากรถอีกคัน แล้วพุ่งไปขวางเขาไว้
“หลีกไป!” เห้อซูหานจ้องคนนั้นด้วยใบหน้าที่เหี้ยมโหด
ในเวลาเดียวกัน ทางอิ้งเทียนก็เจอเรื่องปัญญาแล้วเช่นกัน
ฝ่ายตรงข้ามเรียกคนมาช่วย สักพักจำนวนคนของทั้งสองฝ่ายก็มาเท่ากัน
เมื่อจิ้นเฟิงเฉินและกู้เนี่ยนตามมาถึง ฉากตรงหน้าก็วุ่นวายมาก และทั้งสองฝ่ายก็ต่อสู้กันจนต่างฝ่ายต่างไม่สามารถสลัดตัวออกมาได้