ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 1397 แกล้งตาย?
ซ่างกวนเชียนรับสายจากผู้ช่วยเสร็จ ได้ข่าวว่าซ่าน เจี่ยง ไป๋ หยางทั้งสี่ตระกูลมีปัญหาเกิดขึ้นหมด ขนาดตัวเองยังแทบจะเอาตัวไม่รอด ไม่มีกระจิตกระจายไปจัดการจิ้นกรุ๊ปเลย
เอาตามตรง เขาไม่แปลกใจเลยสักนิดสำหรับสถานการณ์แบบนี้
ถ้าเกิดจิ้งเฟิงเฉินจัดการง่ายดายขนาดนั้น ไม่อย่างนั้นก็คงไม่มีความสามารถมากพอที่จะอยู่ในสนามรบการค้าได้หลายปีอย่างนี้
แต่ว่า ตอนนี้เขาไม่สามารถแบ่งความสนใจ
ตอนนี้ที่สำคัญที่สุดสำหรับเขาคืองานศพของซ่างกวนหยวน
เขาต้องให้หยวนหยวนจากไปจากโลกนี้อย่างมีเกียรติศักดิ์ศรี
ทั้งตระกูลซ่างกวนถูกปกคลุมไปด้วยความโศกเศร้า ห้องโถงไว้ทุกข์ของซ่างกวนหยวนตั้งอยู่ตรงศาลบรรพบุรุษข้างหลังวิลล่า
เพื่อนของซ่างกวนหยวนและญาติพี่น้องของตระกูลซ่างกวนมาร่วมไว้อาลัย ถึงแม้ว่าคนที่มามันไม่น้อย แต่ห้องโถงไว้ทุกข์กลับเงียบจนน่ากลัว
“เสี่ยวเชียน เสียใจด้วยนะ” มีญาติเดินมาถึงตรงหน้าของซ่างกวนเชียนแล้วพูดเสียงเบา
ซ่างกวนเชียนพยักหน้าเบาๆ และไม่ได้พูดอะไรเพิ่ม บนใบหน้าอันหล่อเหลาไม่มีอารมณ์ใดๆ แสดงออกมา
ทันใดนั้น พ่อบ้านรีบเดินมาหา พูดกระซิบที่ข้างหูของเขา เห็นเพียงสีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“คุณดูแลที่นี่ เดียวฉันออกไปดูข้างนอก
พูดจบ ซ่างกวนเชียนก็ก้าวเดินเท้าใหญ่ออกไป
“คุณชาย”
เดินออกไปถึงข้างนอก ก็มีลูกน้องมาต้อนรับ
“คนอยู่ที่ไหน?” ซ่างกวนเชียนถาม
“อยู่ข้างนอกวิลล่า”
ลูกน้องพาซ่างกวนเชียนเดินไปทางมุมกำแพงของวิลล่า ชี้ไปที่ร่างเงาที่เดินไปมาข้างนอกแล้วพูด “พวกเขาเริ่มปรากฏออกมาตอนเช้า เร่ร่อนแถวข้างนอกมานานแล้ว แถมยังมองเข้ามาข้างในบ่อยๆ ”
ซ่างกวนเชียนมองดูคนพวกนั้น หรี่ตาเล็กน้อย แววตาเผยความดุร้ายออกมา “รู้ว่าพวกเขาเป็นใครไหม?”
“ยังไม่รู้”
“ไปสืบมาให้หมด” ซ่างกวนเชียนสั่ง
“ครับ”
ลูกน้องได้รับคำสั่งเสร็จก็รีบออกไป เหลือซ่างกวนเชียนยืนอยู่ที่เดิมคนเดียว เอาแต่จ้องมองไปคนข้างนอกพวกนั้น
พวกเขาเป็นใครกันแน่? อยากทำอะไรกัน?
แค่แป๊บเดียว ลูกน้องก็สืบหาตัวตนของอีกฝ่ายมาได้
“เป็นตำรวจ?” ซ่างกวนเขียนแปลกใจเล็กน้อย
ลูกน้องพยักหน้า “ใช่ เป็นตำรวจนอกเครื่องแบบ”
ซ่างกวนเชียนขมวดคิ้ว ตอนนี้หยวนหยวนตายไปแล้ว คดีก็ยุติไปแล้ว ทำไมตำรวจยังต้องมาตามส่องที่หน้าบ้าน?
พวกเขาอยากทำอะไรกันแน่?
ซ่างกวนเชียนดึงฉุดเนคไทอย่างหงุดหงิด
“คุณชาย หรือว่าให้ฉันหาเรื่องไล่พวกเขาออกไป” ลูกน้องดูออกว่าเขาโมโห ก็เลยพูดเสนอออกไป
ซ่างกวนเชียนยกมือขึ้นมาส่งสัญญาณให้เขาไม่ต้องทำแบบนี้ “อีกฝ่ายเป็นตำรวจ พวกเราเข้าไปยุ่งไม่ได้”
“แล้วต้องทำยังไง?”
“ช่างพวกเขาเถอะ”
ช่วงสองวันนี้ซ่างกวนเชียนเอาแต่เตรียมเรื่องงานศพของซ่างกวนหยวน เหนื่อยมากพอแล้วและไม่อยากมีเยื่อใยไปเกี่ยวข้องกับพวกตำรวจอีก ไม่อย่างนั้นจะไม่มีที่สิ้นสุด
ที่จริงทางตำรวจให้คนมาตามส่องตระกูลซ่างกวน เหตุผลหลักๆ คือการตายของซ่างกวนหยวนมันแปลกประหลาดเกินไป
สารวัตรเฉินกลับไปนึกดูสภาพหลังจากที่ซ่างกวนหยวนตาย มักจะรู้สึกว่ามันมีตรงไหนผิดปกติ
“ปกติหลังจากที่คนตายไปแล้ว สีหน้าน่าจะขาวซีด ริมฝีปากก็ขาวซีดแล้วร่างกายจะแข็งทื่อ ตัวจะเย็นๆ แต่ซ่างกวนหยวน……” สารวัตรเฉินยิ่งคิดยิ่งรู้สึกผิดปกติ
คุณหมอนิติเวชที่ทำหน้าที่ตรวจซ่างกวนหยวนคิดไปคิดมาแล้วพูด “ถึงแม้ว่าหน้าของเธอจะขาวซีด แต่มันเงียบสงบมาก และอีกอย่างร่างกายยังนุ่มอยู่เลย ราวกับแค่หลับไปอย่างนั้น”
“ใช่ ความรู้สึกแบบนี้แหละ” สารวัตเฉินตบโต๊ะและพูดอย่างเห็นด้วย
“หรือว่าคนยังไม่ตาย?” หมอนิติเวชเดาออกมาอย่างใจกล้า
“ไม่ ตายไปแล้วแหละ” สารวัตรเฉินส่ายหน้า “แต่มีความเป็นไปได้ที่ว่าแกล้งตาย”
หมอนนิติเวชขมวดคิ้ว “มันมียาที่ทำให้คนแกล้งตายได้จริงเหรอ?”
“บนโลกใบนี้เต็มไปด้วยสิ่งแปลกมหัศจรรย์” นิ้วมือของสารวัตรเฉินเคาะหน้าโต๊ะเบาๆ ค่อยๆ หรี่ตาเผยความกราดเกรี้ยว “ถ้าเกิดแกล้งตายจริงๆ งั้นโทษของซ่างกวนหยวนคงจะหนักมาก”
……
เจียงสื้อสื้อเห็นบนออนไลน์มีแต่ข่าวลือที่เกี่ยวกับจิ้นเฟิงเฉินและซ่างกวนหยวน โมโกจนต้องปิดโน้ตบุ๊คไปเลย
ซ่างกวนหยวนก็ตายไปแล้ว ตระกูลซ่างกวนยังไม่อยู่เฉยๆ อีก
นี่คิดว่าตระกูลจิ้นรังแกง่ายขนาดนั้นเลยหรือไง?
จิ้นเฟิงเฉินเดินเข้ามาในห้อง ก็เห็นใบหน้าเธอเต็มไปด้วยความโมโห มุมปากก็ยกยิ้มขึ้นมาอย่างอัตโนมัติ เดินเข้าไปถามด้วยเสียงเบา “ใครทำให้คุณโกรธอีกแล้ว?”
เจียงสื้อสื้อหันหน้าขึ้นไปมองเขา จากนั้นถอดหายใจแรงๆ “ฉันไม่เป็นไร แต่ว่าคุณเนี่ยสิเป็นไรไหม?”
จิ้นเฟิงเฉินหยักคิ้ว “ถ้าคุณจะถามว่าข่าวลือบนออนไลน์มีผลกระทบต่อฉันหรือเปล่า งั้นคำตอบคือไม่มี”
เจียงสื้อสื้อยิ้มออกมาเสียงเบา “ก็ใช่ จะไปมีผลกระทบต่อคุณได้ยังไง?”
เขาเป็นคนที่เข้มแข็งมีอำนาจขนาดนั้น เรื่องไร้สาระน่าเบื่อพวกนั้นคงไม่มีผลกระทบต่อเขาหรอก
“คราวหลังอย่าดูของแบบนี้อีกนะ ไม่มีประโยชน์เลย” จิ้นเฟิงเฉินพูด
เจียงสื้อสื้อพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ก็จริงที่ว่ามันไม่มีประโยชน์เลยสักนิด
จิ้นเฟิงเฉินยิ้ม ยกมือขึ้นมาลูบหัวเธออย่าน่าเอ็นดู
“ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะ” เจียงสื้อสื้อจับมือของเขาไว้ เธอเม้มปากถาม “งานยุ่งมากไหม?”
จิ้นเฟิงเฉินส่ายหน้า
“งั้น……ตอนนี้ซ่างกวนหยวนก็ตายแล้ว ฉันไปช่วยคุณที่บริษัทได้หรือเปล่า?” เจียงสื้อสื้อถามหยั่งเชิง
คุณอยากไปบริษัทขนาดนั้นเลยหรือไง?”
“อือ” เจียงสื้อสื้อก้มหัวลง “ฉันชอบความรู้สึกตอนที่ได้ทำงานกับคุณ”
หัวใจของจิ้นเฟิงเฉินสั่นไหวเพราะคำพูดของเธอ เขาจับกุมมือเธอไว้แทน แค่ใช้แรงก็ดึงเธอลุกขึ้นมา ถือโอกาสโอบเข้าไปในอ้อมกอด
“ฉันก็ชอบ แต่ว่าก่อนที่จะสืบหาเจอว่าใครเป็นคนทำร้ายคุณ คุณก็อย่าดื้ออยู่ในบ้านไปก่อน” จิ้นเฟิงเฉินก็อยากให้เธอกับตัวเองได้ไปไหนมาไหนด้วยกัน แต่สถานการณ์ความเป็นจริงมันยังไม่อนุญาต
“อิ่ง” องค์กรนั้นมันอันตรายเกินไป ใครจะไปรู้ว่าพวกเขาจะส่งคนมาจัดการเธออีกหรือเปล่า
“ก็ได้” เจียงสื้อสื้ออ้าแขนสวมกอดที่เอวของเขา แก้มแนบชิดกับหน้าอกของเขา “ถึงแม้จะเสียดาย แต่ฉันก็จะเชื่อฟังไม่ดื้อ”
“รอให้ผ่านช่วงนี้ไปก่อน เดียวฉันหาเวลาว่างพาคุณกับลูกออกไปเที่ยวข้างนอก”
“อือ”
ทั้งสองคนสวมกอดกันเงียบๆ ในห้องเงียบสงบแต่ก็อบอุ่น
……
แค่แวบพริบตาเดียวก็มาถึงวันก่อนพิธีฝังศพของซ่างกวนหยวน คืนวันนี้ ท่านายหญิงซ่างกวนออกมาจากโรงพยาบาล
ตอนลงรถ สีหน้าขาวซีดของเธอมองไปที่วิลล่าที่อยู่ตรงหน้า มือที่จับไม้เท้าอยู่ก็กำแน่น
“นายท่านหญิง เข้าไปกันเถอะ ข้างนอกลมใหญ่เกิน” พ่อบ้านพูดด้วยน้ำเสียงเบา
“ฉันอยากไปดูหยวนหยวนครั้งสุดท้าย” น้ำเสียงของเธอเข้าใจยาก สีหน้าโศกเศร้า
เจอหยวนหยวนครั้งล่าสุด ก็เจอในสถานที่กักขังตอนนั้น เธอร้องขอให้ตัวเองช่วยเธอออกมา
ภาพช็อตนั้น ราวกับพึ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน
“นายท่านหญิง คุณชายสั่งไว้แล้วว่าให้คุณขึ้นไปพักผ่อนชั้นบนเลย เรื่องของคุณหนูเขาจะเป็นคนจัดการเอง”
“เขามีสิทธิ์อะไรไม่ให้ฉันไปดูหยวนหยวน?” นายท่านหญิงเชอะใส่อย่างไม่พอใจ “ฉันต้องไปดูให้ได้”
ระหว่างพูด เธอก็ถือไม้เท้า เดินทีละก้าวอย่างไม่สะดวกไปทางศาลบรรพบุรุษ
พ่อบ้านไม่กล้าห้ามเธอไว้ ก็เลยได้แต่เดินตามไป
ซ่างหวนเชียนเห็นนายท่านหญิงเดินมา สีหน้าเปลี่ยนไปทันที รีบพุ่งขึ้นไปห้ามเธอไว้
“คุณย่า คุณมาได้ยังไง?”
“ฉันจะมาดูหยวนหยวน” นายท่านหญิงมองที่ห้องโถงไว้ทุกข์ที่อยู่ด้านหลังของเขา ทันใดนั้นรู้สึกว่าเธอยิ่งดูแก่ลงขึ้นมาทันที
“คุณย่า ผมหวังว่าคุณอย่าไปดูเลย ผมกลัวคุณจะแบกรับไม่ไหว” ซ่างกวนเชียนไม่อยากให้ไปสะเทือนจิตใจของเธออีก กลัวร่างกายของเธอจะรับไม่ไหว
“นั่นเป็นหลานสาวของฉัน” ไม้เท้าตกลงไปบนพื้นแรงๆ นายท่านหญิงร้องไห้ “ฉันอยากเห็นหน้าเธอครั้งสุดท้าย”