ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 1400 นี่คือการถอยหลังเพื่อการก้าวไปข้างหน้าใช่ไหม?
- Home
- ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!
- บทที่ 1400 นี่คือการถอยหลังเพื่อการก้าวไปข้างหน้าใช่ไหม?
“คุณฟาง รบกวนคุณควบคุมอารมณ์หน่อยได้ไหม”
ช่างแต่งหน้าช่วยเติมเครื่องสำอางให้เหลียงซินเวย พร้อมพูดล้อเล่นครึ่งจริงจังครึ่ง
ทีแรกเธอจะมาเรียกพวกเขาไปถ่ายรูป แต่ใครจะไปรู้พอเข้ามาอีกทีก็เห็นลิปสติกบนปากของเหลียงซินเวยหายไปหมด
เห็นเหลียงซินเวยเขินอายจนไม่กล้าสบตา เธอก็รู้เลยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
เติมเครื่องสำอางเป็นเรื่องง่าย แต่ถ้าเกิดปากบวมขึ้นมาล่ะ หน้าทั้งใบจะดูไม่สวยขึ้นมาทันที
“คุณแต่งจนเธอสวยขนาดนี้ ฉันจะไม่หวั่นไหวได้ยังไง?” ฟางยู่เชินถามด้วยสีหน้าที่ค่อนข้างจริงจัง
“ฟางยู่เชิน!” เหลียงซินเวยกลอกตาใส่เขาด้วยความโกรธเขิน
เห็นแบบนี้ ช่างแต่งหน้าก็หัวเราะออกมา “ไม่ใช่ฉันที่แต่งหน้าคุณเหลียงให้สวย แต่เป็นเพราะตัวเธอเองสวยอยู่แล้วต่างหาก”
ฟางยู่เชินพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “คุณพูดถูก เห็นแก่ประโยคนี้ของคุณ การบริการของพวกคุณวันนี้ฉันให้คะแนนเต็ม”
“ขอบคุณคุณฟาง”
เหลียงซินเวยได้ยินบทสนทนาของพวกเขา หน้าแดงจนจะสุกอยู่แล้ว
……
เพื่อที่จะถ่ายรูปออกมาให้ดูดี ช่างภาพคิดไอเดียต่างๆ ออกมา ทำเอาเหลียงซินเวยกับฟางยู่เชินทรมานจนเหลือจะทน
เวลาค่อนข้างอัดแน่น ก็เลยครั้งนี้ไม่ได้ไปถ่ายด้านนอก ถ่ายแต่ในสตูดิโอเท่านั้น ถ่ายไปสามสี่ชั่วโมงเต็มๆ
เหลียงซินเวยยกมือขึ้นมาตบแก้มเบาๆ รู้สึกหน้ายิ้มจนแข็งไปหมด
“ลำบากคุณหน่อยนะ” ฟางยู่เชินกอดเธออย่างน่าเอ็นดู
“มีคุณอยู่เคียงข้าง ไม่ลำบากหรอก” เหลียงซินเวยยิ้มให้เขา
“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า พวกเรากลับบ้านกันเถอะ”
เหลียงซินเวยพยักหน้า “อือ”
ทีแรกฟางยู่เชินจะพาเธอกลับไปที่บ้านตระกูลฟาง แต่โดนเหลียงซินเวยปฏิเสธ
“ไม่ไปรบกวนคุณลุงคุณน้าแล้ว อีกอย่างอานอานรอฉันอยู่ที่บ้าน”
ถึงจะพูดแบบนี้ก็เถอะ แต่ประเด็นหลักคือตอนนี้พวกเขายังเป็นแฟนกันอยู่ ถ้าไปบ้านฝ่ายชายบ่อยเกินไป มันรู้สึกไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่
ฟางยู่เชินเดาความคิดของเธอออก หลุดยิ้มออกมาอย่างจนปัญญา “ต่อไปนี้ตระกูลฟางก็เป็นบ้านของคุณ ไม่ต้องเกรงระมัดระวังขนาดนั้นหรอก”
“อันนั้นเป็นเรื่องของอนาคต ตอนนี้ยังไม่ใช่”
เหลียงซินเวยตอบกลับมาอย่างสมเหตุสมผล ฟางยู่เชินไม่รู้จะตอบอะไรกลับทันที ได้แต่ส่ายหน้าแล้วยิ้ม
ช่างเถอะ ฟังเธอทุกอย่างเลย
เธอพูดอะไรก็คืออะไร
รถจอดอยู่ใต้ตึก มองผ่านกระจกรถ ฟางยู่เชินเห็นชั้นที่เธออยู่มีไฟสว่าง หยักคิ้วขึ้นมา พูดออกมาราวกับไม่ได้ตั้งใจ “ฉันไม่ได้เจออานอานมาหลายวันแล้ว คิดถึงเขาจัง”
เหลียงซินเวยหรี่ตามองเขาอย่างไม่สบอารมณ์ “คุณอยากขึ้นไปก็พูดออกมาตรงๆ จำเป็นต้องพูดอ้อมไปมาขนาดนี้ไหม?”
“ก็ฉันกลัวคุณไม่ตกลงไงล่ะ?” ฟางยู่เชินหันหน้ามามองเธอจะยิ้มก็ไม่เชิงแต่ก็เหมือนไม่ยิ้ม
“คุณเป็นแฟนของฉัน ฉันจะไม่ตกลงได้ยังไง?”
กลัวเธอไม่ตกลงอะไรล่ะ เป็นเพราะก่อนหน้านี้เธอปฏิเสธที่จะกลับไปบ้านตระกูลฟางกับเขา ในใจเขาอยู่ไม่เป็นสุข เลยตั้งใจมาเยาะเย้ยเธอ
“ฉันไม่ขึ้นไปละ” ฟางยู่เชินยิ้มไปด้วยพร้อมลูบขยี้หัวเธอ “พรุ่งนี้กลางคืนกลับไปที่บ้านตระกูลฟางกับฉัน ไปกินข้าวกับพ่อแม่สักมื้อ”
ครั้งนี้ เหลียวซินเวยไม่ได้ปฏิเสธ “อือ”
“พาอานอานไปด้วย”
“พาไปได้เหรอ?” เหลียงซินเวยกลัวพ่อแม่ของเขาไม่เต็มใจ
“ได้สิ พ่อแม่ของฉันชอบเด็กมากเลยนะ”
“งั้นก็ได้”
ฟางยู่เชินจูบปากเธอ นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเสียใจ “ฉันไม่อยากแยกจากคุณเลย”
เหลียงซินเวยยิ้ม “ผ่านไปอีกสิบกว่าชั่วโมงก็จะได้เจอหน้ากันอีกแล้วไง”
“สิบกว่าชั่วโมง?” ฟางยู่เชินจับแก้มของเธอแล้วพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “แค่หนึ่งชั่วโมงฉันก็ทนไม่ไหวแล้ว”
“พอเถอะ อย่าน้ำเน่ากว่านี้เลย ฉันลงรถแล้วนะ”
เหลียงซินเวยเปิดประตูรถ โบกมือลากับเขาเสร็จก็หันหลังเดินเข้าไปในตึก
ฟางยู่เชินอิงไปที่เก้าอี้ด้านหลัง มุมปากยกยิ้มขึ้นมาอย่างอัตโนมัติ ผ่านไปอีกไม่กี่วัน เธอก็จะกลายเป็นว่าที่เจ้าสาวของเขาแล้ว
เขารอไม่ไหวอยากให้วันนั้นมาถึงเร็วๆ
ทันใดนั้น จู่ๆ โทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา
เป็นเหลียงซินเวย
เขารับสาย “เป็นอะไรไหม?”
“ระหว่างทางกลับบ้านระวังหน่อยนะ” เหลียงซินเวยที่อยู่ในโทรศัพท์อีกฝั่งพูด
“อือ”
ฝั่งนั้นเงียบหายไป
ฟางยู่เชินก็ไม่ได้เร่งรีบ รออย่างมีความอดทน
ผ่านไปสักพัก เสียงของเหลียงซินเวยดังขึ้นมาอีกครั้ง “ฉันก็ไม่อยากแยกจากคุณ”
ได้ยินแบบนี้ ฟางยู่เชินหัวเราะออกมา
“หัวเราะอะไร?” ข้างหูมีเสียงของเหลียงซินเวยค่อนข้างตะหงิดใจดังขึ้นมา
“ไม่มีอะไร วันนี้คุณคงเหนื่อยมากแล้ว รีบไปพักผ่อนนะ”
“อือ คุณก็เหมือนกัน”
หลังจากวางสาย ฟางยู่เชินมองไปชั้นที่เหลียงซินเวยอยู่ แล้วค่อยสตาร์ทรถขับออกไป
……
ได้ยินว่าฟางยู่เชินกับเหลียงซินเวยจะหมั้นกัน จิ้นเฟิงเฉินเงียบไปเลย
“ทำไมเหรอ?” เจียงสื้อสื้อถามอย่างสงสัย
“คุณอยากไป?” จิ้นเฟิงเฉินไม่ตอบแต่ถามกลับ
เจียงสื้อสื้อพยักหน้า “เป็นเรื่องมงคลของพี่ชายฉัน ฉันอยากไปอยู่แล้ว แต่……”
เธอเปลี่ยนคำพูดทันที “ถ้าคุณไม่ตกลง ฉันไม่ไปก็ได้”
จิ้นเฟิงเฉินหยักคิ้ว “นี่คุณกำลังถอยหลังเพื่อการก้าวไปข้างหน้าใช่ไหม?”
แย่แล้ว!
โดนเขาเดาออกมา
เจียงสื้อสื้อละสายตาออกมาอย่างร้อนตัว ไม่กล้ามองเขา
จิ้นเฟิงเฉินเงียบไปสักพัก “….อยากไปก็ไปสิ”
ได้ยินแบบนี้ สีหน้าเจียงสื้อสื้อดูมีชีวิตชีวาขึ้นมา “คุณตกลงแล้วใช่ไหม?”
“ฉันไปกับคุณ”
“แล้วงานของคุณล่ะ?” เขาพึ่งกลับไปในบริษัทได้ไม่นาน เธอกลัวไม่กระทบกับงานของเขา
“มีเฟิงเหราอยู่
ยังสืบหาคนที่ทำร้ายเธอครั้งที่แล้วไม่เจอเลย จิ้นเฟิงเฉินไม่ไว้ใจให้เธอไปเมืองหลวงคนเดียว
“ความหมายน้าสะใภ้ของเล็กฉันคืออยากให้พวกเราไปกันทั้งครอบครัว”
ทั้งครอบครัวหมายถึงรวมเฟิงเหราด้วย
“หวั่นชีงท้องอยู่ เด็กยังเล็ก ไม่เหมาะที่จะไปทรมานแบบนั้น เหลือเฟิงเหราไว้ดูแลเธอกำลังดี”
“ทำไมฉันถึงนึกไม่ถึงอันนี้?” เจียงสื้อสื้อหรี่ตาจ้องเขา “นี่คุณวางแผนไว้ตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหม”
จิ้นเฟิงเฉินตอบ “อือ” เสร็จก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
“ในเมื่อคุณตกลงแล้ว งั้นเดียวฉันไปถามพ่อแม่ดูว่าพวกเขาจะไปหรือไม่ไป”
พูดจบ เจียงสื้อสื้อเดินออกไป เหลือเพียงจิ้นเฟิงเฉินอยู่ในห้องคนเดียว
เขายืนอยู่กับที่ไปสักพัก ค่อยหันตัวเดินไปทางหน้าต่างพร้อมโทรหากู้เนี่ยน ให้เขาส่งคนมาปกป้องสื้อสื้อเพิ่ม
หวังว่าไปเมืองหลวงครั้งนี้ทุกอย่างจะราบรื่น
พ่อจิ้นแม่จิ้นได้ข่าวว่าฟางยู่เชินจะหมั้นแล้ว ต่างก็แสดงความยินดีและดีใจ ตอบตกลงจะไปร่วมพิธีงานหมั้นอย่างไม่ลังเล
เพื่อที่ไม่อยากไปร่วมพิธีงานหมั้นอย่างเร่งรีบ จิ้นเฟิงเฉินพวกเขาเดินทางออกไปก่อนล่วงหน้าหนึ่งวัน
ตลอดทางเงียบสงบ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ท้องฟ้าใกล้จะมืด พวกเขามาถึงบ้านตระกูลฟางสักที
“ยินดีด้วยนะ”
พ่อจิ้นแม่จิ้นพอเห็นฟางเถิงและซ่างหยิงก็แสดงความยินดีไม่หยุด
พอคนเจอเรื่องมงคล อารมณ์ก็จะดีขึ้นมาทันที
ซ่างหยิงยิ้มจนแทบจะหุบปากไม่ได้ ขนาดหางคิ้วยังเต็มไปด้วยความสุข “ขอบคุณ ขอบคุณ”
“คุณตา คุณยาย” เสียงสดใสของเสี่ยวเป่าและเถียนเถียนดังขึ้นมา
“เด็กดี” ฟางเถิงยิ้มไปพร้อมลูบหัวเล็กๆ ของพวกเขา
เดินเข้าไปในบ้าน เจียงสื้อสื้อมองไปรอบบริเวณแล้วถาม “พี่ชายล่ะ?”
“เขาไปที่เวยเวยตรงนั้นแล้ว” ซ่างหยิงตอบ
เจียงสื้อสื้อยิ้มอดที่จะแซวไม่ได้ “พรุ่งนี้ก็จะหมั้นกันแล้ว นี่แค่คืนเดียวก็ไม่อยากจะแยกกันเลยหรือไง?”
ได้ยินแบบนี้ ซ่างหยิงถอดหายใจ พูดล้อเล่นครึ่งจริงจังครึ่ง “คนอื่นแต่งงานมีลูกสะใภ้เหมือนมีลูกสาวเพิ่มหนึ่งคน แต่ทำไมฉันรู้สึกฉันเสียลูกชายไปแทน
“อันนี้คุณแค่หมั้นไว้ก่อนไม่ใช่หรือไง? ยังไม่ถือว่ามีลูกสะใภ้แต่งงานเข้าบ้าน” แม่จิ้นพูดพร้อมยิ้มไปด้วย
“แต่ก็ไม่ต่างอะไรกัน ยังไงอนาคตเวยเวยก็จะเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลฟางอยู่ดี”
ได้ยินประโยคนี้ออกมาจากปากของน้าสะใภ้เล็ก เจียงสื้อสื้อรู้สึกทอดถอนใจเล็กน้อย
ตอนนั้นเธอพยายามหาทุกวิถีทางเพื่อขัดขวางพี่ชายกับเวยเวย แต่ตอนนี้กลับยอมรับเวยเวย ก็ดีอยู่