ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 1415 จัดฉากนองเลือด
“ถ้าอย่างนั้น……” ซูชิงหยิงช้อนตาขึ้น แล้วยิ้มหวานออกมา “เรื่องลูกของเจียงสื้อสื้อ ยกให้เป็นหน้าที่ของนายแล้วกัน”
“ไม่มีปัญหา”
พูดไม่ทันขาดคำ คริสมินก็จูบลงมาที่ริมฝีปากของเธอ หลังจากนั้นภายในห้องก็เต็มไปด้วยเสียงครางหอบเกิดขึ้น
ซูชิงหยิงระหว่างที่กอดรัดฟัดเหวี่ยงอยู่กับคริสมินนั้นมุมปากกระตุกยิ้มขึ้นมาอย่างเยือกเย็น
เจียงสื้อสื้อรอก่อนเถอะ ฉันจะทำให้ชีวิตที่เหลือของแกจะต้องเต็มไปด้วยความเจ็บปวดอย่างแน่นอน
……
“ฮัดชิ่ว!”
อยู่ๆ เจียงสื้อสื้อก็จามออกมา เธอเอามือถูจมูกไปมา คิวบางก็ขมวดอย่างไม่รู้ตัว
“เมื่อตอนค่ำเป็นหวัดเหรอ” จิ้นเฟิงเฉินถามออกมาอย่างเป็นห่วง
เป็นหวัดตอนค่ำ?
ในหัวของเจียงสื้อสื้อก็ปรากฏภาพอันน่าหลงใหลของเหตุการณ์เมื่อคืน ใบหน้าขาวเนียนก็เปลี่ยนกลายเป็นสีแดงราวกับถูกปัดแก้มด้วยสีแดงอย่างไรอย่างนั้น
“ไม่ใช่ ฉันไม่ได้เป็นหวัดสักหน่อย!” เธอกล่าวปฏิเสธในทันที
แก้มของเธอขึ้นสีเลือดฝาด หลบตาไม่กล้าสบตากับเขา จิ้นเฟิงเฉิน รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่มุมปากก็อดไม่ได้ที่จะยกขึ้น แล้วถามอย่างรู้ทันว่า “คุณกำลังคิดอะไรอยู่?” เจียงสื้อสื้อต่อไปอย่างเลิ่กลั่กว่า “ฉันคิดอะไรที่ไหนกัน? ฉันไม่คิดอะไรเลย แล้วก็ไม่ได้เป็นหวัดด้วย” เห็นเธอเลิ่กลั่กแบบนั้นแล้ว รอยยิ้มที่มุมปากของจิ้นเฟิงเฉินก็เพิ่มขึ้นอีกหน่อย
“ดื่มน้ำอุ่นสักหน่อย ระวังหน่อยเดียวก็ได้เป็นหวัดจริงๆ ซะหรอก”
“ฉัน……” เจียงสื้อสื้ออยากจะพูดออกไปว่า เธอไม่ได้เป็นหวัดจริงๆ และไม่ได้เป็นไข้หวัดด้วย แต่พอเห็นสายตาเป็นห่วงของเขาแล้ว คำพูดก็เปลี่ยนเป็น “ฉันเข้าใจแล้ว”
เจียงสื้อสื้อค่อยๆ ลุกออกไปเทน้ำ จิ้นเฟิงเฉิน ยิ้มพลางโคลงหัว ในสายตาล้วนเต็มไปด้วยแววตาของความรักใคร่
ตอนเย็นพอเลิกงานแล้วก็กลับบ้าน เจียงสื้อสื้อกับคุณแม้จิ้น คุยกันสองสามประโยค ก็ขึ้นไปดูเจ้าหนูน้อยทั้งสองด้านบน
เถียนเถียนกำลังวาดรูป พอเห็นเธอเข้ามา ก็รีบโยนพู่กันวาดรูปทิ้งในทันที ก่อนจะรีบโผเข้ามาหาเธอ
“หม่ามี๊” เจียงสื้อสื้อถือโอกาสตอนกอดเธอ กวาดตามองไปบนภาพว่าที่เธอกำลังวาดอยู่ แล้วถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “วันนี้ที่โรงเรียนอนุบาลเป็นเด็กดีรึเปล่า”
“เป็นค่ะ” เถียนเถียนผงกหัวขึ้นลง “วันนี้คุณครูยังให้ลูกอมหนูมาเม็ดหนึ่งเป็นรางวัลอีกด้วย บอกว่าหนูเป็นเด็กที่รักสะอาดที่สุดในห้อง”
“จริงเหรอเนี่ย” เจียงสื้อสื้อมีทั้งความแปลกใจและความสุขปรากฏออกมา “เถียนเถียนของพวกเรายอดเยี่ยมขนาดนี้เลย”
เถียนเถียนเชิดหน้าขึ้นอย่างภูมิใจ “หนูน่ะเป็นคนยอดเยี่ยมตลอดนั่นแหละ” นัยน์ตาแสดงความรู้สึกออกมาราวกับลอยได้ คล้ายคลึงกับจิ้นเฟิงเฉินมาก ยีนส์ของตระกูลจิ้นนั้นเข้มแข็งและยิ่งใหญ่จริงๆ
คิดถึงตรงนี้ เจียงสื้อสื้อก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ เธอบีบจมูกของเถียนเถียนเบาๆ “ลูกก็มีความมั่นใจในตัวเองเหมือนกับแด๊ดดี้ของลูกไม่มีผิด!”
“นั่นก็เพราะว่า หนูคือเบบี้ของแด๊ดดี้ยังไงล่ะ”
เจียงสื้อสื้อปล่อยเธอลง ลูบหัวเล็กๆ ของเธอแล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นเบบี้ไปวาดรูปต่อเถอะหม่ามี๊ จะไปดูพี่ชายหน่อย”
ไม่รู้ว่าเธอคิดไปเองรึเปล่า รู้สึกเหมือนว่าตั้งแต่เกิดเรื่องครั้งนั้นขึ้น เสี่ยวเป่าก็ยิ่งไม่พูดไม่จามากขึ้น
เจียงสื้อสื้อเสี่ย ผลักประตูห้องของเสี่ยวเป่าก็เห็นเงาเล็กๆ นั่งอยู่ที่โต๊ะหนังสือ เธอเดินเข้าไป ค่อยๆ ปิดประตูเบาๆ
เสี่ยวเป่ากำลังทำการบ้านอย่างตั้งใจมากๆ จนไม่รู้ว่าในห้องตอนนี้มีคนอื่นนอกจากตนเองแล้ว
เจียงสื้อสื้อเดินไปถึงด้านหลังของเขา สายตาก็หยุดบนสมุดการบ้านของเขา
“เสี่ยวเป่า” เธอเรียกเขาเบาๆ
พอได้ยินเสียง เสี่ยวเป่าก็หันหน้ามา ตอนที่เห็นเธอนั้นเดิมที่ที่เป็นใบหน้าเย็นชาก็ปรากฏรอยยิ้มสดใส แม้แต่คิ้วก็ยังย้อมไปด้วยรอยยิ้ม “หม่ามี๊”
เจียงสื้อสื้อมือขึ้นลูบหัวของเขาเบาๆ แล้วถามออกไปอย่างอ่อนโยนว่า “การบ้านเยอะไหม?”
“ไม่เยอะครับ” เสี่ยวเป่าส่ายหัว เขาชี้ไปยังหัวข้อบนหนังสือแบบฝึกหัด “เหลืออีกสองสามคำถามก็จะทำเสร็จแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นลูกทำก่อนเถอะ หม่ามี๊ไม่รบกวนลูกแล้ว” เจียงสื้อสื้อนั่งลงบนขอบเตียงของเขา แล้วหยิบหนังสือสักเล่มขึ้นมาอ่าน เสี่ยวเป่ามองหล่อนครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็ดึงสายตากลับไปตั้งใจเขียนต่อ
จิ้นเฟิงเฉินเปิดประตูเข้ามาเห็นฉากนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกใจฟู เขาเดินเข้าไปหา “ไปกินข้าวกัน”
ทันทีที่ได้ยินเสียง เจียงสื้อสื้อเงยหน้าขึ้น แล้วยกยิ้ม “ทำไมถึงเป็นคุณที่ขึ้นมาเรียกพวกเราละ?”
“แล้วไม่ได้เหรอ?” จิ้นเฟิงเฉินไม่ตอบแต่ถามย้อนกลับมา
“ได้อยู่แล้ว” เจียงสื้อสื้อลุกขึ้น แล้วบอกกับเสี่ยวเป่าว่า “เสี่ยวเป่า ไปกินข้าวกันก่อนค่อยขึ้นมาทำต่อ”
เสี่ยวเป่าวางปากกาลงอย่างเชื่อฟัง เจียงสื้อสื้อก็จูงมือเขาเดินออกมาด้านนอก
……
วันต่อมา เจียงสื้อสื้อไปส่งเสี่ยวเป่าที่โรงเรียนด้วยตัวเอง มองดูจนเสี่ยวเป่าเข้าโรงเรียนไปเรียบร้อยแล้ว เธอจึงออกรถออกไป เธอเพิ่งออกไปได้ไม่นาน ก็มีรถสองสามคันขับเข้าไปในโรงเรียน
“จิ้นเป่ยเฉิน มีกองละครมาถ่ายทำให้โรงเรียนของเรา นายจะไปดูสักหน่อยมั้ย?”
ขณะที่เสี่ยวเป่ากำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่ที่นั่งของตัวเอง ก็มีเพื่อนร่วมชั้นผู้ชายคนหนึ่งวิ่งมาหาเขา ด้วยสีหน้าท่าทางตื่นเต้น “ไม่ไป” เสี่ยวเป่าพลิกหน้ากระดาษ แล้วตอบกลับไปเพียงสองคำด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ทันใดนั้นสีหน้าของเพื่อนร่วมชั้นผู้ชายคนนั้นก็ปรากฏความผิดหวังเล็กน้อย “จิ้นเป่ยเฉิน ไปดูด้วยกันเถอะ ฉันเคยเห็นก็แต่รายการทีวี แต่ไม่เคยรู้ว่าถ่ายกันยังไง ฉันอยากรู้มากๆ เลยถือว่านายไม่อยากรู้เหรอ?”
“ไม่อยากรู้” ตอบกลับมาสามคำด้วยน้ำเสียงเย็นชาอีกครั้ง
“จิ้นเป่ยเฉิน นายเบนซ์เพื่อนที่ไม่ดีเกินไปแล้วนะ!” เพื่อนร่วมชั้นผู้ชายคนนั้นพูดออกมาอย่างโกรธเคือง
เสี่ยวเป่าเหลือบตาขึ้นมอง แล้วมองไปที่เขาอย่างว่างเปล่า “ซูหยาง อยากรู้อยากเห็นมากเกินไปไม่ใช่เรื่องที่ดี”
“มันไม่เกี่ยวว่าจะเป็นเรื่องที่ดีหรือเรื่องที่ไม่ดี นายควรจะต้องเป็นเพื่อนที่ดีก็แค่พาฉันไปดูหน่อย”
เสี่ยวเป่าขมวดคิ้ว “ไอหยา ไปเถอะไปดูด้วยกัน” ซูหยางอดไม่ได้ที่จะไปจับมือแล้วลากเขาให้วิ่งออกมาจากห้องเรียน
“ซูหยาง นายปล่อยฉันนะ!” เสี่ยวเป่าวิ่งไปพลางพยายามดิ้นให้หลุดออกจากมือของซูหยาง
ซูหยางก็ยิ่งกุมมือแน่นขึ้นอีก “ไม่ปล่อย!”
ซูหยางดึงดันที่จะลากเขาลงมาข้างล่าง เสี่ยวเป่าถูกบังคับให้มาถึงบริเวณที่มีการถ่ายทำ กองถ่ายในตอนนี้กำลังถ่ายวิวที่สนามบาส มีผู้ชายที่ทั้งสูงและตัวใหญ่สิบกว่าคน ที่สวมเครื่องแบบนักกีฬาไม่เหมือนกัน แบ่งเป็นสองทีมด้วยกัน บริเวณโดยรอบก็ยังมีกลุ่มนักแสดงอีกจำนวนมาก และยังมีกลุ่มคนดูอีกด้วย เสี่ยวเป่าเห็นเพื่อนร่วมชั้นของเขาอีกสองสามคนก็อยู่ด้วย
ผู้กำกับนำเอาโทรโข่งออกมาพูดกำชับหัวข้อต่างๆ ให้กับทุกคน เสี่ยวเป่ารู้สึกแค่ว่าบริเวณโดยรอบนี้เสียงดังหนวกหูมากเป็นพิเศษ มันเสียงดังซะจนทำเอาเขาอารมณ์ไม่ดี
“ซูหยาง ฉันอยากกลับห้องเรียนแล้ว” เสี่ยวเป่าพูด
“ไม่ได้ นายต้องอยู่เป็นเพื่อนฉันก่อน” เพราะกลัวว่าเขาจะเดินไป ซูหยางก็จับต้นแขนของเขาไว้แน่น
ในขณะเดียวกัน ไม่ไกลจากที่นั่น ก็มีรถเก๋งสีดำจอดอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่
คริสมินที่อยู่ในรถ ก็มองดูเด็ก2คนนี้ที่ไม่รู้ว่ากำลังคุยอะไรกันอยู่ หรี่ตามอง รอยยิ้มร้ายกาจก็ปรากฏขึ้น นั้นจะต้องเป็นลูกของจิ้นเฟิงเฉิน กับเจียงสื้อสื้ออย่างแน่นอน
“มิน ถ้าเป็นไปได้การแสดงตรงหน้าของเขาน่ะให้ดีขอให้เป็นฉากนองเลือดนะ”
ซูชิงหยิงมอบหมายงานนี้ให้กับเขาพอดีกับที่บริษัททำหนังที่เข้าลงทุนเอาไว้ช่วงนี้กำลังถ่ายทำละคร เกี่ยวกับวัยรุ่นเลือดร้อน ด้วยเหตุนี้เขาเลยถือโอกาสทำเรื่องขอให้กองละครเข้ามาถ่ายทำในโรงเรียนแห่งนี้ ทั้งหมดล้วนอยู่ในแผนการของเขา
การทำให้เด็กคนนั้นได้เห็นฉากนองเลือดยังไม่พอยังต้องทำให้เขาได้รับการถูกกระตุ้นที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น คิดถึงตรงนี้แล้วคริสมินก็โทรศัพท์หาใครสักคนหลังจากรอให้ปลายสาย รับอยู่นั้น เขาก็จ้องมองไปยังเสี่ยวเป่าที่อยู่ไม่ไกลแล้วพูดว่า “เห็นเด็กอีกคนที่นอกจากเด็กคนนั้นไหม พอถึงตอนนั้นนายก็…….”
เสี่ยวเป่ารู้สึกเหมือนด้านหลังมีคนมองมาที่เขาอยู่ตลอด แต่ว่าพอหันไปดูก็ไม่มีอะไรเลยเขาเห็นเพียงแค่รถคันหนึ่งที่จอดอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ เขามองรถคันนั้นแล้วมองอีกก็ไม่พบสิ่งปกติอะไร เขาอาจจะรู้สึกไปเอง แล้วเขาหันกลับมามองดูการถ่ายทำตรงหน้าต่อ